เมื่อไม่นานมานี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้สำรวจการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีกับกลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ป ซึ่งพบว่า นักลงทุนทั่วโลกสนใจลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง
ทําให้เป็นที่ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนรายใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง สําหรับประเทศไทยนั้นก็เช่นกัน มีนักลงทุนรายย่อยรายใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในวงจํากัด โดยปัจจุบันมีจํานวนบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยทั้งหมด 1,379,373 บัญชี ซึ่งน้อยกว่าบัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ราว 2.1 เท่า
แต่ก็มีอัตราการขยายตัวสูงอยู่ที่ 27.6% ต่อเดือน ในขณะที่บัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตเพียง 2.9% ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในไทย ผลสํารวจยังพบด้วยว่า กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปรู้จักคริปโทเคอร์เรนซี่มากกถึง 69.49% และมีคนสนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีมากถึง 52.0%
สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความนิยมในการลงทุนคริปโทเคอร์เรนชื่ อย่างไรก็ตามกลุ่มนักลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซียังอยู่ในวงแคบ โดยมักเป็นกลุ่มคนเมืองที่มีรายได้สูง ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ปัจจุบันยังไม่ได้ลงทุนในคริปโต แต่มีความสนใจที่จะลงทุนคริปโทเคอร์เรนซ์ในอีก 1 ปีข้างหน้าอยู่ในสัดส่วนราว ๆ 42.0%
ข้อมูลนี้สะท้อนว่าจะมีนักลงทุนรายใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดคริปโตในไทยเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต แม้ว่าคนไทยที่กระโดดเข้ามาในตลาดคริปโตมักมุ่งเน้นในเรื่องของการเก็งกําไรเป็นหลัก แต่กระนั้นนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจในภาวะเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดแห่งนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงสภาวะเสี่ยงนั้น เพราะมีความคาดหวังและมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับสูง
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการที่จะลดความเสี่ยงจากความความผันผวนในตลาด หรือสร้างโอกาสจากการลงทุนในคริปโต จําเป็นต้องอาศัยทักษะความรู้ทางการเงิน และความรู้เท่าทันต่อเทคโนโลยีดิจิทัลด้วย นับว่าเป็นโจทย์สําคัญสำหรับต่อทั้งกลุ่มนักลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตควรต้องเร่งเสริมสร้างทักษะความรู้ และความเข้าใจในเรื่องสกุลเงินดิจิทัลอย่างคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะเทรนด์เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีสกุลเงินคริปโตใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อาจต้องเพิ่มแหล่งการเรียนรู้ที่จะเป็นสื่อกลางในการให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพื่อลดความสูญเสีย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือนักลงทุนหน้าใหม่ที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูง ท่ามกลางอัตราผลตอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ที่จะยังอยู่ในระดับต่ำไปอีกอย่างน้อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่กับความรู้ทางการเงินที่ดีขึ้น ยังน่าจะช่วยปูทางไปสู่การใช้เงินดิจิทัลที่ ออกโดยธนาคารกลางและนวัตกรรมทางการเงินที่จะตามมาอีกมากในอนาคตค่ะ