พบกับวิเคราะห์ USDCAD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDCAD
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
ธนาคารกลางแคนาดายังคงเร่งย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาผลิตภาพการผลิตที่อ่อนแอเรื้อรังของประเทศ ซึ่งกลายเป็นความเปราะบางมากขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เข้มข้นขึ้น นิโคลัส วินเซนต์ รองผู้ว่าการฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญแรงกระแทกบ่อยครั้งและดูดซับผลกระทบได้ยากขึ้น หลังจากผลิตภาพแทบไม่เติบโตมานานหลายทศวรรษ โดยอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานซึ่งเคยเฉลี่ย 3% ในทศวรรษ 1960–1970 ลดลงเหลือ 1% ในช่วงปี 2000–2019 และปัจจุบันต่ำกว่า 0.5% ตอกย้ำความจำเป็นในการใช้นโยบายที่ตรงเป้าหมาย เช่น การสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น การยกระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีความกระจุกตัวสูงอย่างโทรคมนาคมและบริการทางการเงิน รวมถึงการพัฒนาทักษะแรงงานผ่านการฝึกอบรมและระบบยอมรับวุฒิต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเน้นว่าผลิตภาพที่อ่อนแอไม่เพียงจำกัดการเติบโตระยะยาวเท่านั้น แต่ยังทำให้การควบคุมเงินเฟ้อยากขึ้น เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นมีแนวโน้มสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อมากกว่าเมื่อการเติบโตของผลผลิตซบเซา
ทั้งนี้ ปัญหาด้านผลิตภาพดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน ยอดค้าปลีกของแคนาดาลดลงในเดือนกันยายน หลังจากเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอลง โดยกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นแรงฉุดสำคัญ เนื่องจากยอดขายรถใหม่หดตัว ขณะที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดค้าปลีกเดือนตุลาคมจะทรงตัว สะท้อนการใช้จ่ายผู้บริโภคที่มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง และเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางแคนาดาจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ค่ะ
นอกจากนี้ สัญญาณการชะลอตัวเพิ่มเติมปรากฏในภาคที่อยู่อาศัย โดยจำนวนบ้านที่เริ่มก่อสร้างลดลงในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมาก สะท้อนภาพการชะลอตัวเป็นวงกว้างในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจแคนาดาค่ะ
ขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็สะท้อนโมเมนตัมที่อ่อนลงเช่นกัน ดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวทรงตัวในวันจันทร์หลังข้อมูลเปิดเผยว่ากิจกรรมภาคการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือนในเดือนพฤศจิกายน โดยการปรับขึ้นของราคาจากภาษีศุลกากรทำให้ความต้องการอ่อนตัวลง ส่งผลให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนยืนยันแนวโน้มดังกล่าว ผู้บริโภคประเมินว่าความสามารถในการซื้อสินค้าคงทนลดลง และยังคงไม่พอใจกับราคาที่สูงและรายได้ที่อ่อนแอ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าภาษีศุลกากรยังคงสร้างแรงกดดันต่อครัวเรือนรายได้ต่ำและปานกลาง ขณะเดียวกัน การปรับฐานของตลาดหุ้นส่งผลให้ความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่มีสินทรัพย์การลงทุนสูงลดลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้เศรษฐกิจปรากฏรูปแบบการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันหรือ “K-shaped” อย่างชัดเจนค่ะ
ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตของ S&P Global ปรับตัวลดลง สอดคล้องกับคาดการณ์การเติบโตที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากความแข็งแกร่งของภาคบริการ โดยดัชนี PMI ผสมของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางคำสั่งซื้อในภาคบริการและความเชื่อมั่นของธุรกิจที่ดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน เช่น การคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม การยุติการปิดทำการของรัฐบาล และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลงค่ะ
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ระบุว่าการปิดทำการของรัฐบาลเป็นเวลานานส่งผลให้เศรษฐกิจสูญเสียประมาณ 11 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังคงมุมมองบวกต่อปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการลดภาษี และราคาพลังงานที่ต่ำลง โดยมองว่าความแตกต่างด้านกฎระเบียบระหว่างรัฐมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าภาษีศุลกากร พร้อมกล่าวถึงความเป็นไปได้ของการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษี ซึ่งอาจช่วยเพิ่มรายได้ของครัวเรือน อีกทั้งคาดการณ์ว่าการคืนภาษีขนาดใหญ่ในปี 2026 รวมถึงการปฏิรูปต้นทุนด้านสุขภาพและข้อตกลงการค้าใหม่ ๆ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไปค่ะ
ทางด้านภายในธนาคารกลางสหรัฐฯ ผู้กำหนดนโยบายมีความเห็นแตกต่างกันมากขึ้นก่อนการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ซูซาน คอลลินส์ ประธาน Fed บอสตัน แสดงความลังเลต่อการสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยให้เหตุผลถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่และตลาดแรงงานที่อ่อนตัว ขณะที่ จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน Fed นิวยอร์ก มองว่ามีช่องว่างให้ปรับนโยบายเข้าใกล้จุดสมดุลมากขึ้น ส่วน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการ Fed ระบุว่าการประชุมครั้งนี้อาจสะท้อนความเห็นที่แตกต่างภายใน Fed มากกว่าปกติค่ะ
โดยรวมแล้ว แนวโน้มพื้นฐานระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดายังคงเอียงไปในทิศทางที่สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากความแตกต่างด้านโมเมนตัมเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และทิศทางนโยบายการเงิน แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสัญญาณชะลอตัว แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่แน่นอน และช่วยพยุงอัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ ส่วนแคนาดากำลังเผชิญสัญญาณชะลอตัวที่ชัดเจนกว่า แนวโน้มพื้นฐานโดยรวมจึงเอียงไปสู่การแข็งค่าของ USDCAD เว้นแต่เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือการเติบโตของแคนาดาจะเริ่มทรงตัวค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

USDCAD ยังคงโครงสร้างขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นทิศทางหลักของคู่สกุลเงินนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันและ 50 วันได้อย่างมั่นคง ตอกย้ำแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงแข็งแรง ซึ่งการเบรกทะลุระดับจิตวิทยา 1.4000 ทำให้โซนดังกล่าวกลายเป็นฐานรับสำคัญ ท่ามกลางตัวชี้วัดโมเมนตัมที่ยังคงอยู่ในเชิงบวก โดย RSI แม้อยู่ในระดับสูง แต่ยังไม่แสดงสัญญาณพลิกกลับของขาลงที่ชัดเจนค่ะ
จากมุมมองโครงสร้างราคา คู่เงินกำลังเข้าใกล้โซนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1.4140–1.4200 หากราคาปิดเหนือ 1.4200 ได้ มีโอกาสสูงที่จะเห็นการเร่งขึ้นต่อไปยังแนวต้านถัดไปที่ 1.4350 อย่างไรก็ตาม หากราคายังไม่สามารถผ่าน 1.4140 ได้ อาจเกิดการพักตัวหรือการปรับฐานลงระยะสั้น โดยแนวรับแรกอยู่ที่ 1.4020–1.4050 รองลงมาคือ 1.3910 หากราคายังยืนเหนือ 1.3910 ได้ โครงสร้างขาขึ้นหลักจะยังคงแข็งแรงและไม่เสียรูปแบบค่ะ
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น ความผันผวนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ข้อมูลเศรษฐกิจแคนาดาที่อ่อนแรงลง และการคาดการณ์เส้นทางดอกเบี้ยของ Fed และ BoC ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ปัจจัยเหล่านี้มักหนุนมุมมองทางเทคนิคเชิงบวก โดยการย่อตัวมักเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและอาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการหลุดต่ำกว่า 1.3910 อย่างชัดเจนจะเป็นสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่าโมเมนตัมเริ่มอ่อนลง แต่ในตอนนี้แรงส่งยังคงเอื้อไปทางขาขึ้นเป็นหลักค่ะ โดยสรุปแล้ว คู่สกุลเงิน USDCAD มีโอกาสที่จะกลับไปทดสอบและอาจทะลุโซน 1.4140–1.4200 ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะหากบรรยากาศทางเศรษฐกิจยังคงเอื้อให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าท่ามกลางสกุลเงินแคนาดาที่อ่อนตัวลงค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 1.4095, 1.4088, 1.4077
- แนวต้านสำคัญ : 1.4117, 1.4124, 1.4135
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDCAD

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี? คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรีมาไว้ให้คุณแล้ว!

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ USDCAD
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4075 – 1.4095 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.4095 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4121 และ SL ที่ประมาณ 1.4065 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4117 – 1.4137 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4150 และ SL ที่ประมาณ 1.4085 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4117 – 1.4137 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.4117 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4092 และ SL ที่ประมาณ 1.4147 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.4075 – 1.4095 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4063 และ SL ที่ประมาณ 1.4127 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge







