วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 12 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ตลาดการเงินญี่ปุ่นล่าสุดกำลังจับตาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากการเข้มงวดนโยบายการเงินไม่สามารถตามทันแรงกดดันเงินเฟ้อ ขณะที่การอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยนยิ่งเพิ่มต้นทุนการนำเข้าและผลักดันราคาสินค้าให้ปรับสูงขึ้น นักวิเคราะห์เตือนว่า หากธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยไม่ส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าจะเข้มงวดต่อเนื่อง และหากรัฐบาลเลือกใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนต่อภาวะค่าครองชีพสูง เงินเยนอาจกลับมาอ่อนค่าลงอีก และเปิดช่องให้เงินเฟ้อรอบใหม่จากต้นทุนการนำเข้าเกิดขึ้นได้ค่ะ ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายของนายกฯ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่โน้มเอียงไปทางกระตุ้นเงินเฟ้อ อาจจำกัดเส้นทางการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ในระยะถัดไปค่ะ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องคลี่คลายภาวะดอกเบี้ยแท้จริงที่อยู่ในระดับต่ำมาก และคาดหวังว่า BOJ จะเดินหน้าปรับนโยบายไปสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจปรับขึ้นครั้งละ 25 จุดทุกหกเดือน และอาจพัฒนาไปสู่ระดับดอกเบี้ยสุดท้ายราว 1.25–1.5% ภายในกลางปี 2027 หรืออาจมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่านั้น หากแรงกดดันเงินเฟ้อไม่บรรเทาลงค่ะ

ในตลาดตราสารหนี้ MUFG เริ่มกลับมาเพิ่มน้ำหนักการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) อย่างระมัดระวัง หลังอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น โดยบริษัทเตรียมเพิ่มการซื้อพันธบัตรอายุ 10 ปี หากยีลด์ทะลุระดับ 2% ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการ BOJ คาซูโอะ อูเอดะ แสดงความกังวลต่อการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนระยะยาวที่เร็วเกินไปจนแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี พร้อมย้ำว่า BOJ พร้อมเข้าซื้อ JGB เพิ่ม หากความเคลื่อนไหวในตลาดอัตราดอกเบี้ยเริ่มไร้ระเบียบ อีกทั้งยังกล่าวว่า ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของ BOJ ดีขึ้น จากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและภาษีของสหรัฐฯ ที่เริ่มคลี่คลายค่ะ

ด้านนโยบายการคลัง รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันมาตรการลดหย่อนภาษีชุดใหม่ เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ภาครัฐลดลงราว 400,000 ล้านเยนต่อปี ในอีกด้านหนึ่ง ภาคธุรกิจญี่ปุ่นประเมินว่าความสัมพันธ์ที่ถดถอยกับจีนจะเป็นความเสี่ยงหลักในปี 2026 รองลงมาคือนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยความตึงเครียดเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่เหตุปะทะทางทหารไปจนถึงถ้อยแถลงเกี่ยวกับไต้หวัน ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับบริษัทที่พึ่งพาการค้ากับจีนและอุตสาหกรรมสินแร่หายากค่ะ อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทคาดว่ากำไรปีงบประมาณหน้าจะเติบโตต่อไป จากการผลักภาระต้นทุนไปสู่ราคาขายได้สำเร็จ และความต้องการในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังคงแข็งแรง โดยคาดว่าตลาดชิปโลกจะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 26% ภายในปี 2026 ค่ะ

ข้ามฝั่งไปสหรัฐฯ ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ย 25 จุดตามคาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณว่าจะชะลอการผ่อนคลายในช่วงการประชุมเดือนมกราคม โดยการปรับลดครั้งนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 3.50%–3.75% และสะท้อนความเห็นที่แตกต่างอย่างชัดเจนมากที่สุดในหมู่กรรมการ FOMC นับตั้งแต่ปี 2019 ท่ามกลางตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัว เงินเฟ้อที่ถูกกดดันจากภาษีศุลกากร และข้อมูลเศรษฐกิจที่ขาดหายจากผลกระทบการปิดหน่วยงานรัฐค่ะ โดยประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ย้ำว่าความเป็นไปได้ของการกลับไปขึ้นดอกเบี้ยมีน้อยมาก และชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าใกล้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง ซึ่งสะท้อนว่าการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมมีแนวโน้มจำกัด ท่ามกลางตลาดฟิวเจอร์สที่เริ่มคาดการณ์ว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มอีกสองครั้งในปีหน้า แม้ว่าประมาณการของ Fed จะระบุเพียงหนึ่งครั้งในปี 2026 ค่ะ

ขณะเดียวกัน ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนตอบรับข่าวที่ Fed จะกลับมาขยายงบดุล ผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลราว 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เริ่มต้นวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในตลาดซื้อคืนหลักทรัพย์ค่ะ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังเย็นลง โดยยอดเปิดรับสมัครงานเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากกระโดดแรงในเดือนก่อนหน้า และอัตราการลาออกลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีค่ะ

ทางด้าน Fed ประเมินว่าเงินเฟ้อจะค่อยๆ ชะลอลงเมื่อแรงกดดันจากภาษีศุลกากรเริ่มเบาบาง โดยคาดว่าอัตรา PCE จะอยู่ที่ราว 2.4% ในปีหน้า ก่อนทยอยลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ภายในปี 2027 ส่งผลให้ทิศทางโดยรวมของสหรัฐฯ ยังเปิดโอกาสให้เกิดการ “ลงจอดนุ่มนวล” จากเงินเฟ้อที่คาดว่าจะค่อยๆ ลดลง การเติบโตที่อาจเพิ่มขึ้นสู่ 2.3% ในปี 2026 อัตราว่างงานที่ทรงตัว และผลิตภาพที่มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลาย ขณะที่พาวเวลล์ย้ำว่า หากเศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ตลาดไม่ควรคาดหวังรอบการลดดอกเบี้ยที่ “รุนแรงและรวดเร็ว” ท่ามกลางนักลงทุนที่ยังคงตั้งคำถามต่อความระมัดระวังของ Fed ค่ะ

สำหรับตลาดเงิน คู่เงิน USDJPY ยังคงเผชิญแรงกดดันขาลงต่อเนื่อง หลังดอลลาร์อ่อนค่าตามน้ำเสียงผ่อนคลายของ Fed ส่งผลให้ยีลด์สหรัฐฯ ลดลงและหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินเยน ขณะที่การกลับมาขยายงบดุลของ Fed อีกครั้ง รวมถึงความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ยิ่งกดดันความได้เปรียบด้านผลตอบแทนของดอลลาร์ ท่ามกลางข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจที่ชะลอตัวชัดเจน ในทางกลับกัน เงินเยนได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสหลบเลี่ยงความเสี่ยงทั่วโลกและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ปัจจัยเหล่านี้จึงหนุนมุมมองว่า USDJPY อาจมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง สะท้อนแรงขับเคลื่อนจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ลดลงและตลาดที่ปรับสถานะเพื่อรับมือดอลลาร์ที่อาจอ่อนลงมากขึ้นค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

คู่เงิน USDJPY เคลื่อนไหวอยู่ใต้โซนแนวต้านสำคัญบริเวณ 156.20–156.50 โดยขณะนี้คู่เงินเริ่มสูญเสียโมเมนตัมขาขึ้น เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าลงตามท่าทีผ่อนคลายของ Fed ตัวชี้วัดโมเมนตัมเริ่มชะลอตัวจากเขตซื้อมากเกินไป โดย RSI ทำจุดต่ำลง ซึ่งเป็นสัญญาณของความอ่อนแรงของแนวโน้มค่ะ

หาก USDJPY หลุดแนวรับระยะสั้นที่ 154.80 มีโอกาสที่แรงขายจะเร่งตัวลงสู่บริเวณ 153.90 และอาจลงลึกไปถึง 152.80 อย่างไรก็ตาม หากราคายืนเหนือ 155.00 ได้และบรรยากาศการลงทุนเริ่มนิ่งขึ้น ตลาดอาจมีการดีดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนที่ 156.20–156.50 ซึ่งหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ก็มีโอกาสเปิดทางสู่ 157.20 และระดับ 158.00 แต่ด้วยปัจจัยอย่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง ความพยายามปรับตัวขึ้นจึงมีแนวโน้มไปต่อได้จำกัดค่ะ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายยังแสดงให้เห็นว่าสภาพคล่องเหนือระดับ 156 ค่อนข้างเบาบาง บ่งชี้ว่าตลาดยังขาดแรงขับเคลื่อนหรือปัจจัยสำคัญที่จะดันให้เกิดการเบรกทะลุอย่างมั่นคงค่ะ

ในภาพรวม หากความเสี่ยงในตลาดเพิ่มขึ้น หรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงชะลอต่อเนื่อง USDJPY อาจเข้าสู่รอบการปรับฐานในระยะกลางได้ และถ้าราคาร่วงหลุด 152.80 อย่างชัดเจน จะเป็นสัญญาณยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้ม พร้อมเปิดทางลงสู่ 150.90 และ 149.70 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญถัดไปค่ะ แต่สำหรับตอนนี้ โซน 155.60–156.50 ยังคงเป็นระดับแนวต้านที่กดทับราคาอยู่พอสมควร และถ้าอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน คุณน้ามองว่าแนวโน้มทางเทคนิคยังให้น้ำหนักไปทางแรงกดดันลงแบบค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าที่ราคาจะสามารถดีดตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

สรุปวิเคราะห์ USDJPY

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 154.50 – 155.10 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 155.10 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 156.20 และ SL ที่ประมาณ 154.20 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 156.04 – 156.64 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 157.44 และ SL ที่ประมาณ 154.80 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 156.04 – 156.64 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 156.04 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 154.96 และ SL ที่ประมาณ 156.94 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 154.50 – 155.10 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 153.72 และ SL ที่ประมาณ 156.34 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge