วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 2 ตุลาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยขยายตัวเพียง 0.3% ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับ 0.7% ในไตรมาสแรกค่ะ แม้ว่าการเติบโตประจำปีจนถึงกลางปีจะมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.4% แต่จีดีพีต่อหัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เนื่องจากประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็วค่ะ

ตามข้อมูลที่มีการปรับปรุงใหม่ เศรษฐกิจอังกฤษในขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดโควิด 5.2% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า แม้จะเป็นข่าวดี แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้รัฐบาลเลี่ยงการขึ้นภาษีได้ เนื่องจากแรงกดดันทางการคลังที่ยังคงเพิ่มขึ้นค่ะ โดยการชะลอตัวในครั้งนี้ แม้จะเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่รัฐมนตรีการคลัง Rachel Reeves ต้องเผชิญในการเตรียมงบประมาณที่จะประกาศในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ค่ะ

ทั้งนี้ แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะเป็นประเทศในกลุ่ม G7 ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่การขยายตัวดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การเร่งส่งออกก่อนที่สหรัฐฯ จะมีการขึ้นภาษีใหม่ ธนาคารกลางอังกฤษจึงปรับคาดการณ์การเติบโตของทั้งปี 2025 ลงเหลือเพียง 1.25% ซึ่งสะท้อนถึงแรงส่งทางเศรษฐกิจช่วงต้นปีที่ไม่ยั่งยืนค่ะ

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังเตือนว่า ครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่ยากลำบากยิ่งขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงถึง 4% ซึ่งเป็นสองเท่าของเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ และเมื่อรวมกับความกังวลเรื่องการขึ้นภาษี ก็อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคค่ะ

ด้านราคาขายปลีกในเดือนกันยายนพุ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2024 โดยเฉพาะราคาสินค้าอาหารที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ภาวะเงินฝืดในสินค้าที่ไม่ใช่อาหารเริ่มลดลงค่ะ ภาคธุรกิจระบุว่า สาเหตุหลักมาจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น การปรับเพิ่มประกันสังคม และต้นทุนจากห่วงโซ่อุปทานโลกที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณอ่อนตัวลง โดยจำนวนประกาศรับสมัครงานออนไลน์ลดลง และภาคธุรกิจเริ่มลดการจ้างงาน เนื่องจากภาษีเงินเดือนที่สูงขึ้นและค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น แบบสำรวจความเชื่อมั่นของ CBI และ Institute of Directors แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่การลงประชามติ Brexit ปี 2016 ซึ่งสะท้อนถึงความไม่สบายใจต่อการขึ้นภาษีที่ใกล้เข้ามา และทิศทางนโยบายที่ยังไม่แน่นอน ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเตรียมแผนปลดพนักงานค่ะ

ทางด้านข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคยังมีสัญญาณหลากหลายค่ะ โดยในเดือนสิงหาคม การกู้ยืมของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2024 สะท้อนถึงความต้องการใช้จ่ายที่ยังพอมีอยู่บ้าง ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงทรงตัว และราคาบ้านในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.5% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ครัวเรือนกลับเริ่มเก็บออมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายล่วงหน้าก่อนที่รัฐบาลจะมีมาตรการเข้มงวดทางการคลังคะ

ด้านดัชนี PMI โดยรวมยังคงอ่อนแอ กิจกรรมในภาคบริการชะลอลง ภาคค้าปลีกเผชิญกับยอดขายที่ลดลงเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน ท่ามกลางแนวโน้มของภาคค้าปลีกที่ยังไม่สดใส และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวในระยะสั้น ขณะที่ภาคการผลิตยังอยู่ในภาวะหดตัว โดยดัชนี PMI ลดลงเหลือ 46.2 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าระดับกลางที่ 50 เป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน ผลผลิตภาคการผลิตลดลงติดต่อกันถึง 11 เดือน เนื่องจากความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ ความไม่แน่นอนจากภาษีศุลกากร และต้นทุนที่ยังสูง ท่ามกลางโรงงานหลายแห่งที่ยังคงลดจำนวนพนักงานต่อเนื่องเกือบ 1 ปี แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบและราคาสินค้าจะเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยค่ะ

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มฟื้นตัวในช่วงเช้าของการซื้อขายในเอเชีย หลังศาลสูงมีมติรับพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการถอดถอนผู้ว่าการเฟด Lisa Cook ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องอิสรภาพของธนาคารกลางในระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ หยุดชะงัก ซึ่งทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจของรัฐไม่สามารถเผยแพร่ได้ และสร้างช่องว่างของข้อมูลที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดก่อนการประชุมปลายเดือนตุลาคมค่ะ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนจึงหันไปจับตาดูดัชนีทางเลือกอย่าง ADP National Employment Report ซึ่งในเดือนกันยายนพบว่า ตำแหน่งงานภาคเอกชนลดลง 32,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และต่างจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดคาดว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบ่งชี้ว่าอาจลดลงเกือบ 50 จุด ภายในสิ้นปี และมีความเป็นไปได้เกือบ 100% ว่าจะมีการลดอีก 25 จุด ในเดือนตุลาคมค่ะ

ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 49.1 ในเดือนกันยายน แต่ยังคงอยู่ในแดนหดตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน โดยกิจกรรมการผลิตยังได้รับแรงกดดันจากภาษีศุลกากร ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่การจ้างงานในภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ โดยมีการปลดพนักงานและหยุดจ้างอย่างต่อเนื่องค่ะ

ด้วยเหตุนี้ จากสถานการณ์ล่าสุด คู่เงิน GBPUSD จึงยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยรวม ซึ่งเกิดจากปัญหาตลาดแรงงานสหรัฐที่แย่ลง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์กลับมาแข็งค่าขึ้น แม้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะเผชิญกับความท้าทายอยู่ก็ตามค่ะ และเนื่องจากตลาดได้คาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนตุลาคมไว้เกือบเต็มที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนที่มองหาทางเลือกที่ปลอดภัยยังให้ความสนใจเงินเยนและทองคำอยู่ ค่าเงินปอนด์จึงยังได้รับแรงหนุนในระยะสั้น แต่ความยั่งยืนของแนวโน้มนี้จะขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงไปอีกหรือไม่ และสภาพเศรษฐกิจของอังกฤษจะย่ำแย่ลงมากกว่านี้หรือไม่ค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

คู่เงิน GBPUSD ยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง และกำลังทดสอบแนวต้านบริเวณ 1.3485–1.3500 หากสามารถปิดเหนือระดับ 1.3500 ได้อย่างต่อเนื่อง จะเปิดโอกาสให้ราคาขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1.3570 และถัดไปอีกที่ 1.3625 ขณะที่ตัวชี้วัดทางเทคนิคอย่าง RSI ยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ยังไม่มากเกินไปค่ะ

ในทางกลับกัน แนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1.3430 หากราคาปรับลดลงลึกกว่านี้ อาจเจอแรงซื้อที่แข็งแกร่งขึ้นบริเวณ 1.3380 แต่ถ้าราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้ แนวโน้มขาขึ้นจะกลายเป็นกลาง และเป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 1.3310 โดยแนวโน้มปริมาณการซื้อขายชี้ให้เห็นว่า ความกดดันจากแรงขายลดลง ขณะที่การวางตำแหน่งของนักลงทุนบ่งบอกว่ากำลังมองหาราคาที่ต่ำลงเพื่อเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากภาพรวมของดอลลาร์ยังคงอยู่ในทิศทางขาลงค่ะ

ภาพรวมทางเทคนิคยังดูเป็นบวกสำหรับคู่เงิน GBPUSD ตราบใดที่ยังไม่หลุดต่ำกว่า 1.3380 และแนวโน้มในระยะสั้นชี้ไปที่การทดสอบระดับ 1.3500–1.3570 โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่เฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน และความเปราะบางของดอลลาร์ที่ช่วยให้ปอนด์มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงสั้น ๆ ค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

สรุปวิเคราะห์ GBPUSD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3365 – 1.3445 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3445 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3525 และ SL ที่ประมาณ 1.3325 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3515 – 1.3595 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3617 และ SL ที่ประมาณ 1.3405 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3515 – 1.3595 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3515 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3433 และ SL ที่ประมาณ 1.3635 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3365 – 1.3445 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3341 และ SL ที่ประมาณ 1.3555 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge