วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 6 มิถุนายน 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) ได้ออกมายอมรับว่า ได้มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคประจำเดือนเมษายนสูงเกินจริงไป 0.1 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากข้อมูลภาษีรถยนต์ที่ได้รับจากกระทรวงคมนาคมนั้นคลาดเคลื่อนค่ะ ความผิดพลาดนี้ส่งผลกระทบต่อดัชนีเงินเฟ้อสำคัญที่ใช้ในตลาดการเงิน รวมถึงดัชนีที่เชื่อมโยงกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจในตลาด และยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลด้านแรงงานและราคาผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในเดือนพฤษภาคม เพราะข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังจากที่มีการประชุมไปแล้วค่ะ

ทั้งนี้ ทาง BoE ยังคงให้ความสำคัญกับแนวโน้มค่าแรงและราคาภายในประเทศเป็นหลัก มากกว่าจะให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังคงผสมผสาน จากผลสำรวจของ BoE พบว่า มีเพียง 12% ของบริษัทในอังกฤษที่มองว่านโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงหลัก ลดลงจาก 22% เมื่อเดือนก่อนหน้า ส่วนใหญ่คาดว่าภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อยอดขาย การตั้งราคา หรือการลงทุนค่ะ

นอกจากนี้ ความคาดหวังต่อการปรับขึ้นค่าแรงของบริษัทต่าง ๆ ก็อ่อนตัวลง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.7% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโดยรวม

ด้านภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะย่ำแย่ โดยผลผลิต คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานต่างก็ลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแอและต้นทุนที่สูงขึ้นค่ะ ขณะที่ภาคบริการมีสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อย โดยดัชนี PMI เดือนพฤษภาคมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 จากปัจจัยบวกอย่างความกังวลด้านการค้าลดลงและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาค่ะ

ภาคก่อสร้างยังคงหดตัวเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม แม้ว่าความเชื่อมั่นเกี่ยวกับกิจกรรมในอนาคตจะดีขึ้นเล็กน้อยก็ตาม ปัจจัยต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและภาระสมทบจากนายจ้างที่มากขึ้น ส่งผลให้การปลดคนงานในภาคนี้เกิดขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปีค่ะ

ขณะเดียวกัน ตลาดที่อยู่อาศัยก็มีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษี โดยการอนุมัติสินเชื่อจำนองลดลงอย่างมากในเดือนเมษายน เนื่องจากผู้ซื้อเร่งทำธุรกรรมให้เสร็จก่อนที่สิทธิยกเว้นอากรแสตมป์จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม แม้การอนุมัติสินเชื่อจะลดลง แต่ราคาบ้านกลับเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพฤษภาคม และอัตราการเติบโตรายปีคงที่ที่ 3.5% สะท้อนถึงความต้องการที่ยังมีอยู่ต่อเนื่องจากอัตราการว่างงานที่ต่ำและรายได้ที่แท้จริงที่ยังเติบโตค่ะ

โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจอังกฤษเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวหลังจากช่วงปลายปี 2024 ที่ค่อนข้างซบเซา โดย GDP ไตรมาสแรกขยายตัว 0.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในกลุ่มประเทศ G7

รัฐมนตรีคลัง Rachel Reeves ยอมรับว่า ประชาชนยังคงรู้สึกไม่พอใจที่มาตรฐานการครองชีพฟื้นตัวได้ช้า แต่ก็ยืนยันว่าเสถียรภาพทางการคลังได้รับการฟื้นฟูแล้ว โดยยืนยันว่าจะไม่มีการขึ้นภาษีครั้งใหญ่อีกเหมือนเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และจะเดินหน้าลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโตระยะยาวค่ะ

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้จะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสฯ แต่ก็ยังคงอ่อนตัวโดยรวม ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังไม่น่าประทับใจค่ะ

แม้เส้นตายในการยื่น “ข้อเสนอที่ดีที่สุด” จากคู่ค้าสหรัฐฯ จะผ่านไปโดยไม่มีผลลัพธ์ แต่การเจรจาก็ยังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม การขาดความคืบหน้าแสดงให้เห็นว่าคู่ค้าหลายประเทศไม่ต้องการยอมอ่อนข้อ ทำให้การเจรจาน่าจะยืดเยื้อและเต็มไปด้วยความตึงเครียดค่ะ

ขณะเดียวกัน ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการจ้างงานภาคเอกชนในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าที่คาดไว้ และจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานก็สูงกว่าที่คาดเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงตลาดแรงงานที่เริ่มเย็นตัวลงค่ะ ขณะที่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่กำลังจะประกาศ คาดว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนเมษายน

ด้านผลิตภาพแรงงานของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น ท่ามกลางต้นทุนจากภาษีที่สูงขึ้น โดยปัจจัยด้านต้นทุนเหล่านี้ยังคงเป็นอุปสรรคโดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกและยานยนต์ค่ะ

ทั้งนี้ จากรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยืนยันว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนตัวลงในช่วงที่ผ่านมา โดยภาษีศุลกากรมีส่วนทำให้ต้นทุนและราคาสูงขึ้น แม้จะมีปัจจัยลบเหล่านี้ แต่ Fed ยังคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%–4.50% ค่ะ ท่ามกลางประธานาธิบดีทรัมป์ที่ยังคงกดดันให้ Fed ลดดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจของยุโรปเคลื่อนไหวเชิงรุกมากกว่า

ด้านข้อมูลการค้าประจำเดือนเมษายนเผยว่า ดุลการค้าของสหรัฐฯ แคบลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการนำเข้าที่ลดลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสินค้าผู้บริโภค ซึ่งสะท้อนถึงการเร่งนำเข้าก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกแม้จะทำสถิติสูงสุด แต่ภาพรวมยังคงผสมผสาน โดยความตึงเครียดด้านการค้ายังคงส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดหาสินค้า เช่น การนำเข้าจากจีนที่ลดลง แต่จากเวียดนามและไต้หวันกลับพุ่งขึ้นเป็นสถิติใหม่ค่ะ

อย่างไรก็ดี BofA Global Research ยังคงมีมุมมองในระยะยาวที่เป็นลบต่อค่าเงินดอลลาร์ แม้จะคาดการณ์ว่ามีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหรือความคืบหน้าในการเจรจาการค้า แต่ก็ยังเชื่อว่าความขัดแย้งทางการค้าที่ทวีความรุนแรงและโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปราะบางจะยังคงกดดันค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาว และแนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสจากการแข็งค่าระยะสั้นเป็นจังหวะในการขายค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

คู่เงิน GBPUSD กำลังเผชิญกับแนวต้านทางเทคนิคผสมกับปัจจัยพื้นฐานด้านมหภาคที่คอยสนับสนุนค่ะ โดยสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าแม้จะมีแรงหนุนในระยะกลาง แต่โอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นในระยะสั้นอาจยังจำกัดค่ะ

จากมุมมองด้านเทคนิค ขณะนี้ราคากำลังทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญใกล้ระดับ 1.3600 ซึ่งเป็นบริเวณที่สอดคล้องกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ถ้าราคาทะลุผ่านระดับนี้ขึ้นไปได้พร้อมปิดรายวันเหนือแนวนี้อย่างชัดเจน ก็มีแนวโน้มว่าจะขึ้นไปแตะระดับ 1.3700 ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับ 1.3570 ได้ ก็อาจเห็นการย่อตัวลงในระยะสั้นสู่แนวรับแถว 1.3480

สำหรับสัญญาณโมเมนตัมบนกราฟรายวัน ตัวชี้วัด RSI อยู่ที่ประมาณ 58 และ MACD ยังคงลอยตัวอยู่เหนือเส้นศูนย์ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกในระดับปานกลาง แต่ยังไม่ถึงขั้นเกิดแรงซื้อมากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้ยิ่งสนับสนุนมุมมองที่ GBPUSD อาจเคลื่อนไหวสะสมพลัง (Consolidate) ไปก่อน ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้นอีกครั้งค่ะ

โดยแนวโน้มระยะสั้น มีโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.3480–1.3600 ค่ะ เนื่องจากตลาดกำลังรอข้อมูลแรงงานจากฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มภาคบริการของสหราชอาณาจักร ขณะที่แนวโน้มระยะกลาง คุณน้าคิดว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นต่อในกรอบปานกลาง โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 1.3700 หากข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรยังคงแข็งแกร่ง และดอลลาร์สหรัฐ ยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและเสียงรบกวนจากการเมืองค่ะ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม จะประกอบไปด้วยการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (NFP) ความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย ผลกระทบจากการแก้ไขข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษ และความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างประเทศค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

สรุปวิเคราะห์ GBPUSD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3469 – 1.3549 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3549 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3619และ SL ที่ประมาณ 1.3429 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3609 – 1.3689 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3698 และ SL ที่ประมาณ 1.3509 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3609 – 1.3689 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3609 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3540 และ SL ที่ประมาณ 1.3729 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3469 – 1.3549 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3454 และ SL ที่ประมาณ 1.3649 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge