วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 22 กันยายน 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้ง แนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักไว้ที่ 4% ในการประชุมล่าสุด หลังจากที่ได้ลดดอกเบี้ยไป 0.25% ในเดือนสิงหาคม ท่ามกลางเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมที่ไม่มีการขยายตัวชัดเจนค่ะ ถึงแม้ว่า BoE จะส่งสัญญาณว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต แต่ก็เน้นย้ำถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และสภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางอยู่มากค่ะ

ด้านอัตราเงินเฟ้อยังคงที่ 3.8% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน และเกือบสองเท่าของเป้าหมาย 2% ของ BoE ค่ะ เงินเฟ้อพื้นฐานคลายตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.6% แต่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ 4% ในเดือนกันยายนก่อนจะค่อย ๆ ลดลง โดยการกลับสู่เป้าหมาย 2% นั้น คาดว่าจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงกลางปี 2027 ขณะที่ความคาดหวังของประชาชนต่อเงินเฟ้อยังคงสูง ท่ามกลางนักวิเคราะห์ที่เตือนว่าปัจจุบัน UK เผชิญกับภาวะ Stagflation ที่รุนแรงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วค่ะ

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อความผันผวนในตลาด ทาง BoE ได้ชะลอการใช้มาตรการ QT โดยลดเป้าหมายการขายพันธบัตรรัฐบาล (Gilts) รายปีจาก 100 พันล้านปอนด์ เหลือ 70 พันล้านปอนด์ และเปลี่ยนไปขายพันธบัตรที่มีอายุสั้นขึ้น เพื่อบรรเทาแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022 ที่ธนาคารกลางลดขนาดโครงการ QT สะท้อนถึงความกังวลเรื่องต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ก็ขึ้นไปจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1998 ค่ะ

ด้านพื้นฐานเศรษฐกิจในวงกว้าง ยังคงถูกทดสอบอย่างหนัก ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปรับขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนสิงหาคม จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย แต่โมเมนตัมเบื้องหลังยังคงอ่อนแรง โดยหลายบริษัทค้าปลีกได้เตือนว่า แผนการเพิ่มภาษีในงบประมาณเดือนพฤศจิกายนของรัฐมนตรีคลัง เรเชล รีฟส์ อาจกดดันความต้องการของผู้บริโภค ท่ามกลางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ราคาบ้านที่ชะลอตัว และเงินเฟ้อในค่าเช่าที่เริ่มผ่อนคลายลง ในขณะที่รัฐบาลมีการกู้เงินสูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเพิ่มความท้าทายทางการคลังและเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นภาษีเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับกฎงบประมาณค่ะ

ในตลาดการเงิน ปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังของสหราชอาณาจักร และท่าทีระมัดระวังของ BoE ในการดำเนินนโยบายการเงิน ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจังหวะของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย บางส่วนคาดว่า BoE อาจเริ่มลดดอกเบี้ยภายในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้ แต่ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งยังเชื่อว่า BoE อาจมีการชะลอไปจนถึงต้นปี 2026 ค่ะ โดยนักวิเคราะห์จาก Rabobank มองว่าการกู้ยืมภาครัฐของสหราชอาณาจักรที่เร่งตัวขึ้น ประกอบกับความยากในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตกับเงินเฟ้อที่ยังน่าเป็นห่วง อาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ค่ะ

ในส่วนของดอลลาร์สหรัฐ เปิดสัปดาห์ด้วยการทรงตัว ขณะที่ตลาดจับตาการกล่าวสุนทรพจน์จากเจ้าหน้าที่ Fed หลายราย ซึ่งอาจช่วยชี้ทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต หลังจากที่ Fed เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยคาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คนขึ้นกล่าว รวมถึงประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ และนายสตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการคนใหม่ของ Fed ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้คัดค้านการลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% และสนับสนุนให้ลดถึง 0.50% ค่ะ

แม้ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงแรก หลังการตัดสินใจของ Fed แต่ภายหลังก็สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงเหลือ 231,000 ราย พลิกกลับทิศจากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้นค่ะ

ปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนตุลาคมและธันวาคม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Barclays เห็นว่า Fed กำลังเคลื่อนไปสู่จุดยืนที่เป็นกลางมากขึ้น และอาจปรับลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งค่ะ

นอกจากนี้ แนวโน้มของตลาดแรงงานก็ยังได้รับอิทธิพลจากแรงงานอพยพ โดย Barclays รายงานว่า ในปี 2024 มีแรงงานต่างชาติที่มีทักษะเข้าสู่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มากถึง 200,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบสองทศวรรษ กลุ่มแรงงานเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของตำแหน่งงานกว่า 10% และคิดเป็นมูลค่ามากกว่าหนึ่งในสี่ของสิทธิบัตรทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งตอกย้ำบทบาทสำคัญในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี การแพทย์ และการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่การเข้มงวดด้านกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้ได้เช่นกันค่ะ

ด้านความเสี่ยงเรื่องการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง (Government Shutdown) กลับมาอีกครั้ง หลังวุฒิสภาปฏิเสธร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งหากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนนี้ อาจส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลได้ค่ะ

ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ของสหรัฐฯ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของนักลงทุนต่างชาติได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.159 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม โดยมีญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ขณะที่จีนลดการถือครองลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ท่ามกลางการเทขายหุ้นสหรัฐฯ ของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ตลาดหุ้นมีความแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้โดยรวมแล้ว กระแสเงินทุนไหลเข้าสุทธิชะลอลงอย่างชัดเจน โดยแม้ว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักวิเคราะห์หลายรายเริ่มชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มในระยะยาวของการกระจายการถือครองสินทรัพย์ออกนอกสหรัฐฯ และออกนอกสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับแรงสนับสนุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจหนุนแนวโน้มระยะยาวของการลดบทบาทของดอลลาร์ (De-Dollarization) ได้ค่ะ

อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมแล้ว คู่เงิน GBPUSD ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงชั่งน้ำหนักระหว่างแนวโน้มทางการคลังของสหราชอาณาจักรที่ถดถอย กับภูมิทัศน์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้โดยพื้นฐานแล้ว แนวโน้มของคู่เงิน GBPUSD อาจยังคงโน้มเอียงไปในทิศทางขาลงได้อยู่ในช่วงนี้ค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ล่าสุดคู่เงิน GBPUSD ซื้อขายอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังจากที่ปอนด์ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศที่อ่อนแอลง และท่าทีที่ระมัดระวังของ BoE โดยในมุมมองทางเทคนิค คู่เงินนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฐานเหนือโซนแนวรับระยะสั้นที่สำคัญประมาณ 1.3450–1.3420 หากหลุดโซนนี้ไปได้อย่างชัดเจน อาจทำให้ราคาลดลงไปยังแนวรับถัดไปที่ 1.3380 และตามด้วย 1.3325 ค่ะ

ด้านตัวชี้วัดโมเมนตัมบ่งบอกว่า ปอนด์ยังคงอยู่ในสถานะอ่อนตัว ดัชนี RSI กำลังเข้าใกล้โซน Oversold แต่ยังไม่แสดงสัญญาณกลับตัว ซึ่งหมายความว่า อาจจะยังมีพื้นที่ให้ราคาลดลงไปต่อได้อีก ขณะที่ระดับ 1.3575 ทำหน้าที่เป็นแนวต้านแรก และแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1.3650 หาก GBPUSD ไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือโซน 1.3575–1.3650 ได้ โอกาสที่จะถูกขายทำกำไรระหว่างการดีดตัวก็มีสูง ซึ่งจะทำให้แนวโน้มขาลงยังคงอยู่ต่อไปค่ะ

ในระหว่างนี้ นักลงทุนควรจับตาดูการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ Fed ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางการรับรู้ของตลาดดอลลาร์ หากถ้อยแถลงของ Fed ยังคงระมัดระวังและหนุนต่อแรงคาดหวังการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ปอนด์อาจมีโอกาสดีดตัวขึ้นไปยังโซน 1.3520–1.3550 ได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันเฉพาะตัวของสหราชอาณาจักรที่ยังคงเด่นชัด ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ GBPUSD มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงต่อไปสู่ระดับ 1.3350 หากปัญหาทางการคลังยังไม่คลี่คลาย และความเชื่อมั่นต่อตลาดสินทรัพย์ของสหราชอาณาจักรยังคงอ่อนแอค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

สรุปวิเคราะห์ GBPUSD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3448 – 1.3452 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3452 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3460 และ SL ที่ประมาณ 1.3446 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3460 – 1.3464 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3469 และ SL ที่ประมาณ 1.3450 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้      

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3460 – 1.3464 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3460 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3449 และ SL ที่ประมาณ 1.3466 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3448 – 1.3452 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3439 และ SL ที่ประมาณ 1.3462 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge