วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 23 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปี จากข้อมูลของ Deloitte ซึ่งรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 2.6 จุด มาอยู่ที่ 10.4% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2024 ค่ะ การลดลงในครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงในการจ้างงาน รายได้ที่หยุดนิ่ง และภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลาย โดย Deloitte ชี้ว่าตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนตัว ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินส่วนบุคคล เป็นปัจจัยหลักที่กดดันความเชื่อมั่นของประชาชนค่ะ นอกจากนี้ ภาคธุรกิจเองก็ชี้ถึงภาษีการจ้างงานที่สูงขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น และกฎหมายการเลิกจ้างที่เข้มงวดมากขึ้นว่าเป็นอุปสรรคต่อการจ้างงานเช่นกันค่ะ

ด้านข้อมูลอย่างเป็นทางการยังระบุว่า อัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรในเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 4.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนก็เร่งขึ้นมาแตะ 3.6% ค่ะ แม้ดัชนีความเชื่อมั่นของ GfK จะดูเป็นบวกมากกว่าบ้าง แต่ข้อมูลของ Deloitte ก็ยังสะท้อนถึงความเปราะบางที่ยังซ่อนอยู่ในภาคครัวเรือนค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักรก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวเช่นกัน โดย Rightmove รายงานว่า ราคาขายบ้านที่เพิ่งประกาศขายใหม่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมลดลง 1.2% ซึ่งเป็นการลดลงในเดือนกรกฎาคมที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001 ค่ะ แม้ว่าราคาจะยังสูงกว่าปีก่อนเพียงเล็กน้อย แต่การแข่งขันระหว่างผู้ขายที่สูงมาก ก็กดดันราคาให้ลดลง ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยจำนองที่ลดลงและค่าแรงที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยให้การซื้อที่อยู่อาศัยพอจะเข้าถึงได้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้ว ตลาดดูเหมือนจะเริ่มเย็นลง หลังหมดมาตรการลดหย่อนภาษีที่เคยช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงก่อนหน้านี้ค่ะ โดย Rightmove ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของราคาบ้านในปี 2025 จาก 4% เหลือ 2% ค่ะ

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ได้ขอให้ธนาคารบางแห่งในประเทศประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการขาดแคลนสภาพคล่องในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงของแหล่งเงินทุนดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงที่นโยบายของรัฐบาลทรัมป์มีลักษณะไม่แน่นอนมากขึ้นค่ะ หน่วยงานกำกับของสหราชอาณาจักรเริ่มกังวลว่า หากเกิดวิกฤตระดับโลกอีกครั้ง ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ (Dollar Swap Lines) อาจไม่พร้อมใช้งานเหมือนในอดีต ซึ่งจะกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงิน แม้แต่ธนาคารขนาดใหญ่ก็อาจเผชิญความเสี่ยงได้ค่ะ ส่งผลให้ขณะนี้ BoE กำลังดำเนินการ Stress Test เพื่อตรวจสอบความเปราะบางของระบบในกรณีที่ตลาดดอลลาร์ชะงักค่ะ

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเองในวันอังคารก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ หลังจากอ่อนค่าลงเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างจับตาการเจรจาการค้าก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้า ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนท์ เน้นย้ำว่า สิ่งที่สำคัญกว่ากำหนดเวลา คือ คุณภาพของข้อตกลงทางการค้า และประธานาธิบดีทรัมป์จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขยายเส้นตายหรือไม่ค่ะ

ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็กำลังวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากไม่ยอมลดดอกเบี้ย ขณะที่เบสเซนท์เองก็วิจารณ์ว่า Fed กำลังเบี่ยงเบนจากภารกิจหลัก และเรียกร้องให้มีการทบทวนบทบาทของ Fed อย่างรอบด้าน ถึงแม้จะไม่ได้เรียกร้องให้ปลดพาวเวลล์โดยตรง แต่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางและความโปร่งใสของธนาคารกลางค่ะ อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายแล้ว พาวเวลล์ไม่สามารถถูกปลดเพียงเพราะความเห็นต่างด้านนโยบายได้ค่ะ

ทางด้าน Bank of America (BofA) ก็เตือนว่า การแทรกแซงทางการเมืองอาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ได้ค่ะ โดยขณะนี้ BofA คาดว่าจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2025 โดยให้เหตุผลว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อยังเหนียวแน่น และยอดขายปลีกยังสูงกว่าที่คาดไว้ค่ะ ทาง BofA เตือนว่า การลดดอกเบี้ยเพราะแรงกดดันทางการเมืองอาจให้ผลตรงกันข้าม โดยจะทำให้ตลาดผันผวน ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อหลุดเป้า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว และความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นค่ะ

ทั้งนี้ ในระยะสั้นตลาดกำลังรอติดตามการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ภาคการผลิตเดือนกรกฎาคมจะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 52.7 ส่วนภาคบริการน่าจะปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 53.0 ค่ะ แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของทรัมป์ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังแสดงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากยอดขายปลีกที่สูงกว่าคาด ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว และการที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้พุ่งสูงอย่างที่เคยกังวลไว้หลังมาตรการภาษีตอบโต้ในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็ยังเตือนว่า ผลกระทบจากภาษีดังกล่าวอาจค่อย ๆ ปรากฏในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ค่าเงิน GBPUSD เผชิญกับแนวต้านแข็งแกร่งบริเวณ 1.3550–1.3600 ซึ่งคุณน้าคิดว่าการปรับขึ้นในระยะสั้นอาจถูกจำกัดจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอลงค่ะ มองในแง่เทคนิคแล้ว ราคากำลังพยายามทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่อยู่ใกล้ระดับ 1.3565 แต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบที่บ่งชี้ว่าอาจเกิดการปรับฐานลงในระยะต่อไปค่ะ ขณะเดียวกัน RSI เริ่มชะลอตัวต่ำกว่า 60 แสดงถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนลงค่ะ

ในด้านแนวรับนั้น ระดับ 1.3475 ถือเป็นแนวรับแรก และหากราคาหลุดระดับนี้ลงไป คุณน้าคาดว่าอาจเห็นแรงขายต่อเนื่องลงสู่บริเวณ 1.3380 ค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

สรุปวิเคราะห์ GBPUSD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3512 – 1.3520 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3520 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3531 และ SL ที่ประมาณ 1.3508 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3528 – 1.3536 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3541 และ SL ที่ประมาณ 1.3516 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3528 – 1.3536 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3528 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3520 และ SL ที่ประมาณ 1.3540 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3512 – 1.3520 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3509 และ SL ที่ประมาณ 1.3532 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge