พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
ในสัปดาห์ที่ทั่วโลกเต็มไปด้วยความระมัดระวังทางเศรษฐกิจ ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันสองด้านจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการค้า เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 144.55 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากอ่อนค่าต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ สะท้อนความกังวลของตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและสุขภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาซื้อคืนพันธบัตรระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนต่ำ เพื่อควบคุมอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นและสร้างความมั่นใจในตลาดการเงินค่ะ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญอุปสรรคต่อเนื่อง การบริโภคภาคครัวเรือนในเดือนเมษายนหดตัวลง 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 1.8% เมื่อเทียบรายเดือน สะท้อนถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นที่กำลังบั่นทอนกำลังซื้อ แม้บริษัทใหญ่หลายแห่งจะเพิ่มค่าจ้างอย่างมีนัยสำคัญในฤดูใบไม้ผลินี้ก็ตาม แต่เมื่อปรับตามเงินเฟ้อแล้ว ค่าจ้างที่แท้จริงยังคงติดลบ ทำให้เกิดข้อกังขาต่อกรอบเวลาการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ แสดงความกังวลว่า ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจสร้างภาระให้กับงบประมาณแผ่นดินของญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราหนี้ต่อ GDP สูงที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มพัฒนาแล้ว ขณะที่ประชาชนเองก็ไม่คุ้นชินกับต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ดี ข้อมูล GDP ที่ปรับใหม่ได้คลายความกังวลบางส่วน โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสแรกหดตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยการบริโภคภาคครัวเรือนที่ดีกว่าคาด ช่วยชดเชยการลงทุนภาคธุรกิจและอุปสงค์จากต่างประเทศที่ยังอ่อนแรง อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาษีนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง การเจรจาเรื่องภาษีนำเข้ารถยนต์และข้อตกลงการค้าโดยรวม ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลในที่ประชุม G7 กำลังได้รับการจับตามองว่าอาจเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ค่ะ
ในอีกด้านหนึ่ง กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมหากเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูงก็เริ่มหนาหูขึ้น นายมิตสึฮิโระ ฟุรุซาวะ อดีตนักการทูตด้านการเงิน คาดว่าเงินเยนอาจแข็งค่าขึ้นไปอยู่ในช่วง 135–140 เยนต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปี โดยเฉพาะหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย ขณะที่ญี่ปุ่นกลับเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยค่ะ ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นก็เริ่มลดความรุนแรงของมาตรการลดภาษีในแนวทางงบประมาณล่าสุด สะท้อนความกังวลต่อความผันผวนของตลาดและฐานะการคลังที่เปราะบางค่ะ
ทางฝั่งสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนรอคอยผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน หลังจากดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ก่อน แม้จะได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง แต่ตลาดก็เริ่มหันความสนใจไปที่การทูตระหว่างสองประเทศที่ยังเปราะบาง โดยการเจรจาในลอนดอนมีเป้าหมายเพื่อสรุปข้อตกลงภายหลังจากบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในเจนีวาเมื่อเดือนก่อน แม้ตลาดจะยังคงคาดหวังในเชิงบวก แต่ความกังวลเรื่องการส่งออกของจีนที่ชะลอตัวและภาวะเงินฝืดยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
ในเดือนพฤษภาคม การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ร่วงลงถึง 34.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่สหรัฐฯ ใช้อย่างเข้มงวด ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มตั้งคำถามกับบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยนักวิเคราะห์ระบุว่าตลาดได้สะท้อนความคาดหวังเรื่องความคืบหน้าในลอนดอนไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้มีการซื้อขายในกรอบแคบและมีความผันผวนลดลงค่ะ
ด้านข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศในเร็ว ๆ นี้ อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางนโยบายของ Fed โดยคาดว่า CPI เดือนพฤษภาคมจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับควบคุมได้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า Fed อาจปรับโทนการสื่อสารให้ผ่อนคลายมากขึ้น แม้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน ซึ่งตลาดคาดว่า Fed จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%–4.50% และมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนตุลาคมค่ะ
การสำรวจของธนาคารกลางนิวยอร์กยังชี้ว่าประชาชนสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในอีก 1, 3 และ 5 ปีข้างหน้าจะลดลง สะท้อนความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการเงินส่วนบุคคลและภาระหนี้สินที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงสร้างแรงกดดัน โดยนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันว่าภาวะเงินเฟ้อที่กลับมาระยะนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวหรือเป็นแนวโน้มระยะยาวกันแน่ค่ะ
ขณะเดียวกัน Deutsche Bank เตือนว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทสหรัฐฯ ที่มีเครดิตต่ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น โดยธนาคารประเมินว่าอัตราการผิดนัดจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ภายในปลายปี 2026 และมีโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึง 30% ท่ามกลางการเติบโตที่ชะลอตัวและแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ไม่ลดลงค่ะ
ด้านแรงเสียดทานทางการค้าก็สะท้อนให้เห็นในตัวเลขสินค้าคงคลังของสหรัฐฯ เช่นกัน โดยสินค้าคงคลังขายส่งเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเมษายน ขณะที่การเร่งนำเข้าในช่วงต้นปีทำให้เกิดการขาดดุลการค้าครั้งประวัติศาสตร์ในไตรมาสแรก ส่งผลให้ GDP หดตัว 0.2% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี แม้ว่าการนำเข้าจะลดลงในเดือนเมษายนจนช่วยลดดุลการค้า แต่เศรษฐกิจก็อาจไม่ได้ขยายตัวมากนักในไตรมาส 2 เพราะระดับสินค้าคงคลังที่ต่ำค่ะ
ด้วยเหตุนี้ ค่าเงิน USDJPY จึงอาจมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 143.50–144.00 ค่ะ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม หากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลงจะลดความน่าสนใจของการถือดอลลาร์เพื่อเก็งกำไร ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นได้ค่ะ ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น เช่น GDP ไตรมาส 1 ที่หดตัวเล็กน้อย และการบริโภคที่ฟื้นตัว ช่วยเสริมแนวโน้มเชิงบวกของเงินเยน ขณะเดียวกัน การคาดการณ์ CPI ของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับอ่อนตัว และความคาดหวังเงินเฟ้อที่ลดลง ก็ลดแรงจูงใจที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ค่าเงิน USDJPY มีแนวโน้มปรับตัวลดลงไปสู่ช่วง 135–140 เยนต่อดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญได้แก่ ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะขึ้นดอกเบี้ยรอบที่สอง และวางโรดแมปสำหรับการยุติมาตรการซื้อพันธบัตรในปีงบประมาณ 2026 ขณะที่ Fed มีข้อจำกัดจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนตัว ความคาดหวังเงินเฟ้อที่ทรงตัว และความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น หาก Fed ลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมตามที่ตลาดคาด และ BOJ ยังคงขึ้นดอกเบี้ย ส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินเยน นอกจากนี้ หากการเจรจาการค้าในที่ประชุม G7 นำไปสู่การลดภาษีนำเข้า ก็จะยิ่งส่งเสริมแนวโน้มการส่งออกและค่าเงินเยนค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ปัจจุบัน คู่เงิน USDJPY กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงสะสมตัว (consolidation) ใกล้แนวรับสำคัญที่บริเวณ 144.00–144.50 คุณน้ามองว่าหากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง และหลุดลงมาต่ำกว่า 144.00 อย่างชัดเจน จะเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างชัดเจน และอาจเปิดทางให้ USDJPY เคลื่อนไหวลงไปทดสอบแนวรับลึกที่ระดับ 141.80 ด้านแนวต้านยังอยู่แถว 147.50 ขณะที่แนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่ 137.20 และ 134.80 หากนโยบายการเงินของสองประเทศเบี่ยงไปในทิศทางตรงกันข้ามค่ะ
นอกจากนี้ โมเมนตัมทางเทคนิคเริ่มอ่อนแรงลง โดยค่า RSI บนกราฟรายวันเริ่มลดต่ำลงจากเขต overbought และ MACD ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะ bearish divergence ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้อที่เริ่มชะลอตัวค่ะ
โดยรวมแล้ว คุณน้ามองว่าแนวโน้มเทคนิคของ USDJPY ในช่วงนี้เริ่มเอียงไปทางขาลง ทั้งจากโครงสร้างราคาและปัจจัยพื้นฐานระหว่างสองประเทศ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่พลิกเกม แนวโน้มอ่อนค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนในครึ่งหลังของปีนี้อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงต่อเนื่อง และลดความน่าสนใจของการถือครองดอลลาร์ในเชิง carry trade ค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 144.82, 144.77, 144.71
- แนวต้านสำคัญ : 144.94, 144.99, 145.05
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ USDJPY
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 144.68 – 144.82 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 144.82 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 144.94 และ SL ที่ประมาณ 144.61 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 144.94 – 145.08 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 145.12 และ SL ที่ประมาณ 144.75 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 144.94 – 145.08 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 144.94 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 144.77 และ SL ที่ประมาณ 145.15 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 144.68 – 144.82 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 144.60 และ SL ที่ประมาณ 145.01 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge