Hedge หรือ Hedging Forex เป็นกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม เพราะกลยุทธ์นี้จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด Forex แม้ว่าจะมีต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้นจากการเปิดออเดอร์คู่ แต่เทรดเดอร์หลายคนก็มองว่าคุ้มค่า หากสามารถปกป้องพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
วันนี้คุณน้าจะพาไปเจาะลึกว่า Hedging Forex คืออะไร? พร้อมเทคนิคการใช้งานอย่างมืออาชีพ รวมถึงประเมินว่ากลยุทธ์นี้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณหรือไม่ หากคุณกำลังลังเลว่าจะใช้ Hedging ดีหรือเปล่า ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด!
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Hedging Forex คืออะไร?
Hedging Forex คือ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในตลาด Forex โดยจะทำการเปิดออเดอร์สองออเดอร์ทั้งซื้อ (Buy) และขาย (Sell) ในสินทรัพย์เดียวกันหรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อชดเชยหรือป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น หากแนวโน้มราคาเปลี่ยนไปในทิศทางตรงข้ามหรือไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ค่ะ

เกร็ดความรู้ Hedging
กลยุทธ์ Hedging สามารถใช้งานได้โดยการเปิดออเดอร์ในช่วงเดียวกันหรือเปิดใหม่ภายหลังก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเปิดออเดอร์พร้อมกันเสมอไป
สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่อยากเริ่มต้นด้วยความมั่นใจและเข้าใจตลาด Forex อย่างแท้จริง ต้องไม่พลาด! บทความรวม 12 คำศัพท์สำคัญที่จะช่วยปูพื้นฐานให้คุณเทรดได้อย่างมืออาชีพในอนาคต
ทำไมต้องใช้กลยุทธ์ Hedging ?
วัตถุประสงค์หลักของกลยุทธ์ Hedging คือ การป้องกันการขาดทุนหรือจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากราคาของสินทรัพย์มีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามหรือไม่เป็นไปตามที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ จะช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนได้รับผลกระทบน้อยลง ในตลาด Forex นิยมใช้กลยุทธ์นี้ โดยเปิดออเดอร์ Buy และ Sell ในคู่เงินเดียวกันหรือคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กัน (Correlation) เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการคาดการณ์แนวโน้มผิด นอกจากนี้ กลยุทธ์นี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ได้ เช่น Futures, Options หรือตราสารอนุพันธ์อื่น ๆ ได้อีกด้วยค่ะ
Hedging Forex มีกี่ประเภท?

วิธีการ Hedging Forex ที่เทรดเดอร์นิยมใช้ สามารถแบ่งออกได้ตามรูปแบบการใช้งาน ดังนี้
1. Direct Hedging
การ Hedging Forex แบบ Direct Hedging คือ การเปิดออเดอร์ที่สถานะตรงกันข้ามกับสถานะปัจจุบันในสินทรัพย์หรือคู่เงินเดียวกัน

ตัวอย่าง Direct Hedging
- กรณีที่เทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อ (Buy) ในคู่สกุลเงิน USD/JPY จะทำการ Hedging ด้วยการเปิดสถานะขาย (Sell) ในคู่สกุลเงิน USD/JPY
- กรณีที่เทรดเดอร์เปิดสถานะขาย (Sell) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD จะทำการ Hedging ด้วยการเปิดสถานะซื้อ (Buy) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD เช่นกัน
โดยกลยุทธ์ Direct Hedging เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มเทรดเดอร์ เพราะมีความเข้าใจง่าย, มีความตรงไปตรงมา และช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตการลงทุนติดลบหรือล็อกผลกำไรหรือขาดทุนไว้ชั่วคราวนั่นเองค่ะ

2. Correlation Hedging
การ Hedging Forex แบบ Correlation Hedging คือ การเปิดออเดอร์ในสินทรัพย์หรือคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กัน (Correlation) โดยใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์เชิงบวกและเชิงลบของคู่เงิน เพื่อกระจายหรือจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่ราคามีความผันผวนแตกต่างกัน บางคู่เงินผันผวนมากหรือบางคู่เงินผันผวนน้อยนั่นเองค่ะ

ตัวอย่าง Correlation Hedging
- กรณีที่เทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อ (Buy) คู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งคาดว่า EUR จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD แต่ต่อมามีข่าวเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ USD มีโอกาสแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น เทรดเดอร์จึงใช้กลยุทธ์ Correlation Hedging ด้วยการเปิดสถานะขาย (Sell) USD/CHF เพราะคู่สกุลเงิน USD/CHF มักมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ EUR/USD ซึ่งก็คือ เมื่อคู่ EUR/USD เคลื่อนไหวในทิศทางหนึ่ง คู่ USD/CHF มักเคลื่อนไหวสวนทางกัน กำไรจาก USD/CHF จะช่วยลดขาดทุนจาก EUR/USD ได้นั่นเองค่ะ
- กรณีที่เทรดเดอร์เปิดสถานะขาย (Sell) คู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งคาดว่า EUR จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD แต่ต่อมามีข่าวเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวแย่ลง ส่งผลให้ USD มีโอกาสอ่อนค่าลงในระยะสั้น เทรดเดอร์จึงใช้กลยุทธ์ Correlation Hedging ด้วยการเปิดสถานะซื้อ (Buy) USD/CHF เพราะคู่สกุลเงิน USD/CHF มีความสัมพันธ์เชิงลบกับ EUR/USD ซึ่งก็คือ เมื่อคู่ EUR/USD เคลื่อนไหวในทิศทางหนึ่ง คู่ USD/CHF มักเคลื่อนไหวสวนทางกัน กำไรจาก USD/CHF จะช่วยลดขาดทุนจาก EUR/USD ได้นั่นเองค่ะ
3. Options Hedging
Options Hedging คือ การใช้สัญญา Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา โดย Options เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่เทรดเดอร์ในการซื้อหรือขายคู่สกุลเงินในราคาที่ได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าภายในวันที่กำหนด (มีวันหมดอายุ) โดยไม่ได้บังคับให้ต้องใช้สิทธิ์เสมอไป

เกร็ดความรู้ Options
Put Options (พุทออปชัน) คือ การให้สิทธิ์ในการขายคู่สกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ ภายในวันที่กำหนด
Call Options (คอลออปชัน) คือ การให้สิทธิ์ในการซื้อคู่สกุลเงินในราคาที่กำหนดไว้ ภายในวันที่กำหนด
ค่าพรีเมียม (Premium) คือ จำนวนเงินที่ผู้ซื้อ Options ต้องจ่ายให้กับผู้ขาย Options เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการซื้อหรือขาย เปรียบเสมือนค่าประกัน แม้ว่าผู้ซื้อ Options จะตัดสินใจใช้สิทธิ์หรือไม่ใช้สิทธิ์ ก็จะต้องเสียค่าพรีเมียมในส่วนนี้ค่ะ

ตัวอย่าง Options Hedging
เทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อ (Buy) คู่สกุลเงิน AUD/NZD ไว้ที่ระดับราคา 1.05 โดยคาดการณ์ว่าค่าเงินออสเตรเลียจะแข็งค่าขึ้นเป็น 1.07 และทำกำไรได้ตามเป้า แต่ต่อมามีข่าวเศรษฐกิจออสเตรเลียแย่ลง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินออสเตรเลียอ่อนค่าลง
เทรดเดอร์จึงใช้กลยุทธ์ Options Hedging โดยการซื้อ Put Options ไว้ที่ราคา 1.04 โดยทำการจ่ายค่าพรีเมียม (Premium) เพื่อให้มีสิทธิ์ในการขายคู่สกุลเงินในราคานี้ หากราคาของคู่สกุลเงิน AUD/NZD ลดลงจริง เทรดเดอร์จะมีกำไรจากการขายสิทธิ์ใน Options มาชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นกับออเดอร์หลักได้
สินทรัพย์ที่สามารถใช้กลยุทธ์ Hedging ได้
นอกจากการใช้กลยุทธ์ Hedging ในตลาด Forex แล้ว เทรดเดอร์ยังสามารถนำกลยุทธ์นี้ไปใช้กับสินทรัพย์อื่นได้ ดังนี้
- สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน, แก๊ส และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
- หลักทรัพย์ เช่น พันธบัตร หรือหุ้น
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรสังเกตสภาวะตลาด รวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาให้ดีทุกครั้งก่อนทำการ Hedging นะคะ
ลักษณะการ Hedging ในสินทรัพย์ต่าง ๆ
- หุ้น : นักลงทุนถือหุ้น A แล้วกลัวราคาตก อาจเปิด Short หุ้น A ในตลาดฟิวเจอร์ส
- ฟิวเจอร์ส : เกษตรกรทำสัญญาขายผลผลิตล่วงหน้า (Futures) เพื่อ Hedge ราคาผลผลิตให้แน่นอน
- Forex : เทรดเดอร์เปิด Buy และ Sell ในคู่เงินเดียวกัน หรือคู่เงินที่มีความสัมพันธ์กัน (Correlation)
- กองทุนรวมต่างประเทศ : Fund Manager ใช้ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน
นอกจากกลยุทธ์ Hedging ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงแล้ว เทรดเดอร์ยังสามารถเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้ด้วยอินดิเคเตอร์ยอดนิยม เช่น RSI, MACD, Bollinger Bands และ Moving Average ที่ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มราคาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือโปร ห้ามพลาดบทความนี้ที่จะพาไปเจาะลึกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การเทรดได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ
ข้อดี-ข้อเสียของ Hedging
ข้อดีของ Hedging
- ลดความเสี่ยงและป้องกันการขาดทุนจากความผันผวนของราคา
- ทำให้จัดการพอร์ตได้เสถียรขึ้น
- ช่วยล็อกต้นทุน หรือผลตอบแทนบางส่วน
ข้อเสียของ Hedging
- อาจเสียโอกาสในการรับกำไรทั้งหมด หากราคาสินทรัพย์ปรับขึ้นไปทิศทางเดียว
- มีต้นทุนในการใช้เครื่องมือ Hedging (เช่น ค่า Premium ของ Option)
- เทคนิคซับซ้อนกว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจตลาด

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี? คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรีมาไว้ให้คุณแล้ว!

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hedging Forex
การทำ Hedging Forex คืออะไร?
Hedging Forex คือ การเปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) และขาย (Sell) พร้อมกันในคู่เงินเดียวกันหรือมีความสัมพันธ์กัน (Correlation) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนในตลาด Forex
กลยุทธ์ Hedging ใช้กับสินทรัพย์อะไรได้บ้าง?
การ Hedging สามารถใช้ได้เกือบทุกสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ฟิวเจอร์ส, กองทุนตราสารหนี้, ตราสารทุน, Forex, คริปโต และสินค้าโภคภัณฑ์
การ Hedging Forex ทำให้ได้กำไรมากขึ้นหรือไม่?
เป้าหมายของ Hedging คือ ลดความผันผวน (ลดการขาดทุนเป็นหลัก) ไม่ใช่เพิ่มกำไรโดยตรง แต่หากมีการบริหารพอร์ตที่ดีอาจเหลือช่องว่างหรือโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ต้องใช้ Hedging ตลอดเวลาหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องใช้ Hedging ตลอดเวลา ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ในบางช่วงมักจะเลือกใช้เฉพาะเวลาที่ตลาดผันผวนสูงเท่านั้น
Hedging ต่างจากการกระจายความเสี่ยง (Diversification) อย่างไร?
Diversification คือ การกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ส่วน Hedging คือ การหาวิธีลดความเสี่ยงให้สินทรัพย์ที่ถืออยู่โดยเฉพาะ
การ Hedging มีกี่ประเภท?
วิธีการ Hedging Forex ที่เทรดเดอร์นิยมใช้ มี 3 ประเภท คือ Direct Hedging, Correlation Hedging และ Options Hedging
สรุป Hedge หรือ Hedging Forex คืออะไร
Hedge หรือ Hedging Forex คือ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในตลาดการเงิน สามารถใช้เครื่องมือหรือเทคนิคต่าง ๆ เพื่อชดเชยผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่อาจมีความผันผวนในอนาคต ช่วยป้องกันการขาดทุนและเพิ่มความมั่นใจในการบริหารพอร์ต เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์และนักลงทุนทุกระดับที่ต้องการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ โดย Hedging Forex ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้จัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตลาด เปรียบเสมือนประกันภัยการลงทุน และเป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้ได้ในหลายสถานการณ์ แต่ควรใช้อย่างเข้าใจ และคำนึงถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องเสมอค่ะ ทั้งนี้ ด้วยความซับซ้อนของ Hedging Forex เทรดเดอร์จึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge








