เมื่อเราเริ่มศึกษา Forex นอกจากคำศัพท์พื้นฐานเกี่ยวกับกลไกตลาดมากมายที่ควรรู้แล้ว อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “Margin” ซึ่งคุณน้าเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า Margin คืออะไร สำคัญอย่างไร แล้วคำนวณยังไง? คุณน้าจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Margin คืออะไร?
Margin หรือมาร์จิ้น Forex คือ เงินหลักประกันที่เทรดเดอร์ต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการเปิดสถานะการซื้อขาย โดยเงินส่วนนี้จะถูกกันไว้ในบัญชีเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน หากเทรดเดอร์ปิดสถานะการซื้อขายแล้ว ไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน เทรดเดอร์จะได้รับเงิน Margin คืน อย่างไรก็ตาม หากขาดทุนต่อเนื่องจน Equity ต่ำกว่าระดับ Margin ที่โบรกเกอร์กำหนด จะมีการแจ้งเตือนที่เรียกว่า Margin Call นั่นเองค่ะ
ดังนั้น Margin จึงเป็นเหมือนกับเงินมัดจำที่ใช้สำหรับการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งมักจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการเทรด (Position Size) เพื่อให้ทางโบรกเกอร์เห็นว่า เทรดเดอร์จะสามารถรับผิดชอบต่อการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อสังเกตเกี่ยวกับ Margin เพิ่มเติม :
หากเทรดเดอร์เกิดขาดทุนขึ้นมา เงิน Margin จะไม่ได้ตกเป็นของทางโบรกเกอร์นะคะ เพราะเงิน Margin ไม่ใช่ต้นทุนหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ เป็นเพียงหลักประกันสำหรับใช้เปิดสถานะการซื้อขายเท่านั้น
แต่หากเทรดเดอร์ขาดทุนจนยอดเงินในบัญชีคงเหลือ (Equity) ต่ำกว่าระดับ Margin ที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้ อาจจะเกิดเหตุการณ์ Margin Call ที่เป็นการแจ้งเตือนให้ปิดสถานะการซื้อขาย เพื่อไม่ให้ขาดทุนจนเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Stop Out หรือทางโบรกเกอร์จะปิดสถานะการซื้อขายทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้จำนวนเงินติดลบมากเกินไป
การทำงานของ Margin เป็นอย่างไร?

Margin หรือมาร์จิ้น Forex จะทำงานควบคู่ไปกับอัตราทดหรือที่เราเรียกว่า Leverage เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะการซื้อขายที่มีขนาดสัญญา (Lot) ใหญ่กว่าจำนวนเงินทุนที่ทางเทรดเดอร์มีอยู่จริง ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรหรืออาจจะขาดทุนด้วยการลงทุนในจำนวนเงินที่น้อยลง ทำให้บางครั้ง การซื้อขายโดยใช้ Leverage จะถูกเรียกว่า “การซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น”
ยกตัวอย่างเช่น คุณน้าต้องการเปิดสถานะซื้อ (Buy) คู่สกุลเงิน EURUSD ขนาด 1 Lot มูลค่าสัญญา 100,000 หน่วย โดยใช้ Leverage อยู่ที่ 1:1000 คุณน้าจะต้องใช้มาร์จิ้นอยู่ที่ 100,000 / 1,000 เท่ากับ $100
ความสัมพันธ์ระหว่าง Margin และ Leverage เป็นอย่างไร?

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง Margin และ Leverage มีความสัมพันธ์แบบ “แปรผกผัน” กันค่ะ เนื่องจาก Leverage จะถูกใช้ในการคำนวณมาร์จิ้น โดยสรุปได้ดังนี้
- Leverage ที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่า การใช้ Margin จะต่ำลง
- Leverage ที่ต่ำลง นั่นหมายความว่า การใช้ Margin จะสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณน้ามีเงิน $50,000 และต้องการซื้อคู่เงิน USDJPY ด้วย 1 Lot โดยใช้ Leverage 1:1 นั่นหมายความว่าคุณน้าต้องวางเงินประกันเต็มจำนวนอยู่ที่ $50,000 แต่หากคุณน้าใช้ Leverage 1:100 ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ คุณน้าจะต้องวางเงินประกันอยู่ที่ $500 เพื่อเปิดสถานะซื้อ (Buy)
อย่างไรก็ดี จำนวนมาร์จิ้น Forex จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของ Leverage ที่เทรดเดอร์เลือกใช้ รวมถึงขนาด Lot และชนิดของตราสารด้วย
Margin คำนวณยังไง?
สำหรับวิธีการคำนวณ Margin สามารถใช้สูตรคำนวณดังต่อไปนี้ หรือสามารถใช้เครื่องมือคำนวณที่ทางโบรกเกอร์ให้มาก็ได้เช่นกันค่ะ
Margin = (ราคาปัจจุบัน x Lot Size × Contract Size) / Leverage

ตัวอย่างการคำนวณ Margin
หากคุณน้าต้องการซื้อคู่เงิน EURUSD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.38855 จำนวน 1 Lot มีขนาดสัญญาเท่ากับ 100,000 หน่วย โดยการใช้ Leverage 1:1000 คุณน้าจะต้องวางเงินประกัน (Margin) อยู่ที่เท่าไหร่?
จากตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น สามารถคำนวณได้ดังนี้ :
- ราคาปัจจุบัน (Price) : 1.38855 (สกุลเงิน EUR)
- จำนวน Lot* : 1
- ขนาดสัญญา* (Contract Size) : 100,000 หน่วย สำหรับ Standard Lot
- Leverage : 1:1000
Margin = 1.38855 x 1 x 100,000 / 1000 = 138.855
ดังนั้น คุณน้าจะต้องวางเงินประกัน (Margin) อยู่ที่ $138.855
📢 Tip จำนวน Lot* และขนาดสัญญา* : โดยปกติแล้ว ตลาด Forex จะมีจำนวน Lot อยู่ 4 ประเภท ได้แก่ Standard, Mini, Micro และ Nano ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดขนาดสัญญาโดยตรง ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
- Standard Lot : 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
- Mini Lot : 10,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
- Micro Lot : 1,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
- Nano Lot : 100 หน่วยของสกุลเงินหลัก
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Margin เพิ่มเติม
หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Margin ไปแล้ว ยังมีคำศัพท์ Forex ที่เกี่ยวข้องกับ Margin 7 คำศัพท์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Balance
Balance คือ ยอดเงินในบัญชีที่จะแสดงจำนวนเงินที่เทรดเดอร์ฝากเข้าไปในบัญชี ซึ่ง Balance จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ จนกว่าเทรดเดอร์จะปิดสถานะการซื้อขายนั้นก่อน Balance จึงจะมีการอัปเดตค่ะ
Equity
Equity คือ ยอดเงินทั้งหมด ซึ่งจะเป็นยอดเงิน Balance รวมเข้ากับกำไรหรือขาดทุนจากสถานะการซื้อขายที่เปิดอยู่ ซึ่งยอดเงิน Equity จะอัปเดตแบบเรียลไทม์
Margin Used
Margin Used คือ จำนวนเงินที่ถูกกันไว้จากบัญชีของคุณ เพื่อรองรับการเปิดสถานะการซื้อขายต่อไป
Free Margin
Free Margin คือ เงินคงเหลือที่เทรดเดอร์สามารถใช้เปิดสถานะการซื้อขายใหม่ได้ โดยเป็นจำนวนเงินที่ถูกหักออกมาจากเงินประกัน (Margin) แล้ว โดย Free Margin มีสูตรการคำนวณ ดังนี้
Free Margin = Equity – Margin
🔍 ข้อสังเกต Free Margin ติดลบได้ไหม?
Free Margin สามารถติดลบได้ เนื่องจากเป็นการขาดทุนสะสมจนทำให้ยอดเงินในบัญชี (Equity) ต่ำกว่า Margin ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณใช้เงินหลักประกันไปมากกว่าเงินที่คุณมีอยู่จริง ๆ และหาก Free Margin ของคุณยังคงเกิดการติดลบไปเรื่อย ๆ จะโดนเหตุการณ์ Margin Call จนไปถึง Stop Out ในที่สุด ดังนั้น หากไม่อยากให้ Free Margin เกิดการติดลบ คุณควรเติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่มเติม หรือปิดสถานะการซื้อขายที่คุณถืออยู่
Margin Level
Margin Level คือ เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยของพอร์ตการลงทุน ซึ่งทางโบรกเกอร์จะใช้ Margin Level เป็นตัวกำหนดว่าเทรดเดอร์จะสามารถเปิดสถานะการซื้อขายได้เพิ่มเติมหรือไม่ โดยโบรกเกอร์แต่ละรายจะกำหนด Margin Level ที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
สำหรับ Margin Level มีสูตรการคำนวณ คือ Margin Level (%) = (Equity / Margin ที่ใช้ ) x 100
Margin Call
Margin Call คือ การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ให้กับเทรดเดอร์ว่าเงินทุนกำลังจะหมดลง ซึ่งบัญชีของคุณอาจจะอยู่ในความเสี่ยงจนถูกระงับการซื้อขาย หากเทรดเดอร์ต้องการป้องกันเหตุการณ์ Margin Call นี้ เทรดเดอร์สามารถฝากเงินเพิ่มเติมหรือปิดสถานะการซื้อขายบางส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินในบัญชีติดลบหรือถูกปิดสถานะการซื้อขายโดยอัตโนมัติ (Stop Out)
Stop Out
Stop Out คือ การปิดสถานะการซื้อขายโดยอัตโนมัติ เมื่อ Margin ถึงระดับที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้ ซึ่งโบรกเกอร์แต่ละรายจะมีการกำหนด Stop Out ที่แตกต่างกันออกไป โดยโบรกเกอร์จะตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มต้นและตั้งไว้ในทุกประเภทบัญชี เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนหนักเกินไปจนทำให้สูญเสียเงินมากกว่าที่อยู่ในบัญชี
ตัวอย่างการกำหนดระดับ Margin Call และ Stop Out ของโบรกเกอร์
โบรกเกอร์ | Margin Call | Stop Out |
IUX | 30% | 0% |
FBS | 40% | 20% |
Exness | 60% | 0% |
ข้อดี-ข้อเสียของการซื้อขายด้วย Margin
ข้อดี
- ประหยัดต้นทุนการเทรดได้
- สามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มกำลังในการซื้อขายได้
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น
ข้อเสีย
- จำนวนเงินในพอร์ตต้องเหลืออยู่ในระดับที่เพียงพอ เพื่อให้ไม่โดน Margin Call จนไปถึงการถูก Stop Out
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็เพิ่มโอกาสในการขาดทุนได้เช่นกัน
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ Margin
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า Margin และ Leverage มีความสัมพันธ์ที่แปรผกผัน ถึงแม้การใช้ Margin จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มโอกาสในการขาดทุนได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งหากเทรดเดอร์ไม่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการขาดทุนมากกว่าโอกาสในการทำกำไรนั่นเอง
ดังนั้นแล้ว เทรดเดอร์ควรระมัดระวังการใช้ Margin ซึ่งคุณน้าขอแนะนำ 5 วิธีการใช้ Margin ให้เหมาะสม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เลือกใช้ Leverage ที่เหมาะสม ไม่ Over Leverage จนเกินไป
- คำนวณ Margin Level อย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวนสูง
- อย่าเปิดสถานะการซื้อขายที่มากจนเกินไป
- อย่าลืมตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
รวมทุกคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Margin
Margin คำนวณยังไง?
Margin สามารถใช้สูตรคำนวณได้ โดย Margin = (ราคาปัจจุบัน x Lot Size × Contract Size) / Leverage
มาร์จิ้นคอลคืออะไร?
มาร์จิ้นคอล หรือ Margin Call คือ การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ให้กับเทรดเดอร์ทราบว่าเงินทุนกำลังจะหมดลง ซึ่งบัญชีของคุณอาจจะอยู่ในความเสี่ยงจนถูกระงับการซื้อขาย
ระดับ Margin คืออะไร?
ระดับ Margin หรือ Margin Level คือ เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยของพอร์ตการลงทุน ซึ่งทางโบรกเกอร์จะใช้ Margin Level เป็นตัวกำหนดว่าเทรดเดอร์จะสามารถเปิดสถานะการซื้อขายได้เพิ่มเติมหรือไม่ โดยโบรกเกอร์แต่ละรายจะมีการกำหนด Margin Level ที่แตกต่างกัน
หลักประกันใน Forex คืออะไร?
หลักประกันใน Forex คือ Margin ซึ่งเป็นเงินประกันที่เทรดเดอร์ต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการเปิดสถานะการซื้อขาย โดยเงินในส่วนนี้ เทรดเดอร์จะได้คืนก็ต่อเมื่อเราทำการปิดสถานะการซื้อขาย
อิควิตี้ คืออะไร?
อิควิตี้ หรือ Equity คือ ยอดเงินทั้งหมด ซึ่งจะรวมยอดเงิน Balance เข้ากับกำไรหรือขาดทุนจากสถานะการซื้อขายที่เปิดอยู่ ซึ่งยอดเงิน Equity จะอัปเดตแบบเรียลไทม์
สรุป Margin คืออะไร
ทั้งหมดนี้ ก็คือ Margin หรือ มาร์จิ้น Forex เป็นเงินประกันที่เทรดเดอร์ต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์ เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการเปิดสถานะการซื้อขาย โดยเงินในส่วนนี้ เทรดเดอร์จะได้คืนก็ต่อเมื่อทำการปิดสถานะการซื้อขายนั่นเองค่ะ โดยการใช้ Margin จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประหยัดต้นทุนในการเทรดได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ทุกคนต้องพึงระวังไว้ด้วยนะคะว่า การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นก็เป็นการวางเงินประกันประเภทหนึ่ง ยิ่งหากเพิ่มเลเวอเรจเข้ามาด้วย ก็จะทำให้ความเสี่ยงของคุณเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น คุณน้าขอให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน เพื่อไม่ให้โดน Margin Call ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรง อย่างการโดน Stop Out ซึ่งเป็นฝันร้ายของเทรดเดอร์ทุกคน และที่สำคัญ ก็คือ อย่าลืมบริหารความเสี่ยงทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจเทรดนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Forexlearning, Investopedia, Admiralmarkets และ IG
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge