หนี้เสีย (NPL) คืออะไร ? แก้ได้ไหม มีทางด่วนหรือเปล่า !?

หนี้เสีย (NPL) คืออะไร
Table of Contents

Gen Y และ Gen X เป็นช่วงวัยที่สร้างหนี้เสียและเสี่ยงติดเครดิตบูโรสูงสุด! บริหารเงินผิด นอกจากชีวิตจะเปลี่ยนแล้ว อาจทำให้เสียประวัติด้วย คุณน้าจะพาไปทำความรู้จัก “หนี้เสีย (NPL)” ว่ามันคืออะไร, เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้หรือไม่ ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันค่ะ

หนี้เสีย (NPL) คืออะไร ?

หนี้เสีย (NPL ซึ่งย่อมาจาก Non-Performing Loan) คือ หนี้ที่ไม่สามารถชำระคืนได้ตามกำหนด และไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตค่ะ อีกทั้ง ยังอาจทำให้เกิดการฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ และเสียเครดิตต่อไปค่ะ

ไม่จ่ายหนี้กี่เดือนถึงเป็นหนี้เสีย ?

โดยปกติแล้ว การกู้ยืมเงินจะมีระยะเวลาชำระหนี้อยู่ที่ 90 วัน นั่นหมายความว่า หากเกินระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ลูกหนี้ไม่สามารถชำระเงินคืนได้ หนี้เหล่านั้นจะกลายเป็นหนี้เสียนั่นเองค่ะ

หนี้เสียคืออะไร

หนี้เสียปี 2023 มีอะไรบ้าง ?

เพียงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 หนี้เสียครัวเรือนก็พุ่งสูงถึง 1 ล้านล้าน ทำให้บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เป็นห่วงว่า ลูกหนี้จะไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ค่ะ โดยหนี้เสียสูงสุด 4 ลำดับแรก ประกอบด้วย

  • หนี้เสียจากรถยนต์ 2 แสนล้านบาท 
  • หนี้เสียบ้าน 1.8 แสนล้านบาท 
  • สินเชื่อบุคคล กู้เป็นก้อนผ่อนเป็นงวด 2.5 แสนล้านบาท
  • หนี้เกษตรกรอีกราว 6-8 หมื่นล้านบาท

หนี้เสีย vs หนี้ดี ต่างกันอย่างไร ?

หนี้เสีย

ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ตัวอย่างหนี้เสีย เช่น

  • หนี้บัตรเครดิต
  • หนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด
  • หนี้นอกระบบ

หนี้ดี

ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างหนี้ดี เช่น

  • หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ
  • หนี้เพื่อการศึกษา
  • หนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว

สาเหตุที่ทำให้เกิดหนี้เสีย

จากที่คุณน้าได้หาข้อมูลและสังเกตจากคนรอบตัวแล้ว สาเหตุของหนี้เสียส่วนมากมาจากปัจจัยเหล่านี้ค่ะ

  1. ความจำเป็นและภาระส่วนตัว
  2. ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
  3. วินัยและการจัดการทางการเงิน

คนที่เป็นหนี้หลายคนอาจมีภาระส่วนตัวที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะสร้างหนี้เพราะถูกกดดันจากครอบครัว หรือบางคนก็อาจสร้างหนี้ด้วยความต้องการตัวเองค่ะ แต่สิ่งที่ตามมาในภายหลัง คือ ลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายหนี้เหล่านั้นได้ เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ หรืออาจจะเพราะไม่มีวินัยในการบริหารเงิน ทำให้เกิดหนี้เสียในที่สุดค่ะ

หนี้เสียส่งผลต่อเราอย่างไร ?

หนี้เสียส่งผลต่อเราอย่างไร ?

หลายคนอาจมองว่า การยืมเงินมาใช้จ่ายเพื่อการส่วนตัวนี้เป็นเรื่องประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวถ้ามีเงินก็ใช้คืน คุณน้าขอเตือนเลยค่ะว่า ถ้าไม่พร้อมจ่ายหนี้อย่าทำเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลเสียต่อเราในอนาคต ดังนี้ค่ะ

  • ถูกทวงถามหนี้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการทวงถามต่อไป
  • กลายเป็นประวัติทางการเงินที่ติดตัว จนอาจทำให้ติดเครดิตบูโร
  • ในอนาคตจะทำให้การกู้ยืมเงินเป็นไปได้ยาก หรืออาจจะถูกปฏิเสธไม่ให้กู้
  • หนี้พอกพูนจากเงินที่ค้างชำระ
  • กระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและส่วนอื่น ๆ


หากลูกหนี้เสียชีวิต ทายาทต้องใช้หนี้ต่อไหม ?

อันดับแรก คุณน้าจะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “มรดก” กันก่อนค่ะ

“กองมรดกของผู้ตาย ได้แก่ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้”
(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1600)

นั่นหมายความว่า มรดก คือ ทรัพย์สินของผู้ตายที่ตกทอดแก่ทายาท ซึ่งรวมถึงหนี้สินด้วยค่ะ ดังนั้นหากลูกหนี้เสียชีวิต ทายาทจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบใช้หนี้ต่อค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหนี้สามารถติดตามหนี้กับทายาทเท่าที่ได้รับมรดกเท่านั้น หากหนี้เกินกว่ามรดกที่ได้รับ ทายาทก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายส่วนเกินให้ค่ะ

ข้อควรระวังเกี่ยวกับหนี้มรดก

  1. เจ้าหนี้ต้องฟ้องเอาเงินจากกองมรดกภายใน 1 ปี นับแต่เจ้าหนี้รู้ว่าเจ้ามรดกตายเท่านั้น แต่ถ้ามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเจ้าหนี้ไม่รู้ ก็สามารถฟ้องได้ภายใน 10 ปีค่ะ
  2. การฟ้องทายาทมรดกให้ชำระหนี้ต้องฟ้องทุกคน จะฟ้องคนใดคนหนึ่งไม่ได้
  3. หากทายาทไม่ได้รับมรดกเลย เจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับให้ทายาทหาเงินเพื่อมาใช้หนี้แทนผู้ตายได้ค่ะ
  4. ตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับหนี้มรดกนั้น ใช้ได้กับหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับหนี้นอกระบบ
  5. ทายาทต้องอ่านหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ให้ละเอียดก่อนเซ็นชื่อยินยอมเป็นลูกหนี้ต่อ


5 Step แก้หนี้เสีย (NPL) ง่าย ๆ เพื่อเครดิตที่ดี !

5 Step แก้หนี้เสีย (NPL) ง่าย ๆ เพื่อเครดิตที่ดี !

เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัวสำหรับคนไทย เราแทบไม่เคยได้รับการปลูกฝังเรื่องการบริหารเงินมาก่อน ดังนั้น หากพลาดเป็นหนี้แล้วก็ต้องตั้งสติและเดินหน้าต่อไปค่ะ ซึ่งคุณน้ามีคำแนะนำสำหรับการแก้หนี้ให้ทุกคนนำไปปรับใช้ ดังนี้ค่ะ

Step 1 : สำรวจหนี้สิน, ค่าใช้จ่าย และรายได้ของตัวเอง

ก่อนจะเริ่มแก้หนี้ เราต้องสำรวจหนี้สินทั้งหมดว่ามียอดเท่าไหร่ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง จากนั้น สำรวจค่าใช้จ่ายและรายได้ของตัวเองเพื่อหาแผนการเงินที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

Step 2 : วางแผนทางการเงินเพื่อปลดหนี้

ลำดับต่อมา คือ การวางแผนทางการเงิน (Money Management) เพื่อปลดหนี้ โดยแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

  1. เงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  2. เงินสำหรับสิ่งที่จำเป็น (เช่น ค่าที่พักอาศัย, ค่าน้ำ และค่าไฟ เป็นต้น)
  3. เงินสำหรับใช้หนี้

โดยอัตราส่วนการแบ่งเงินที่ได้รับความนิยม คือ 50/30/20 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การแบ่งเงินดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับยอดหนี้, ค่าใช้จ่าย และรายได้ของตัวเองเป็นหลัก แต่อย่างน้อย ๆ จะต้องแบ่งเงินไว้จ่ายหนี้ 10% ของรายได้ค่ะ

Step 3 : เจรจาแก้ไข NPL เพื่อรักษาเครดิต

ถ้ามีหนี้เยอะและหนี้นั้นเป็นหนี้ในระบบ เราอาจจะต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ หรือลดจำนวนดอกเบี้ยลงชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้และแผนการเงินของเราค่ะ ซึ่งมันจะทำให้ลดภาระการจ่ายหนี้และดอกเบี้ยพอกพูนต่อไปค่ะ

ข้อควรรู้เพิ่มเติม คือ ถ้าปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะค้างชำระเกินกำหนด 90 วัน จะไม่ทำให้เสียประวัติค่ะ

Step 4 : ทำตามแผนที่ตั้งไว้

หลังจากที่วางแผนจัดสรรเงินแล้ว ทุกคนจะต้องทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่มีวินัยอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันหรือสิ่งรอบตัวได้ ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนที่พอดีกับกำลังของตัวเอง เพื่อให้เราสามารถจ่ายหนี้คืนได้นั่นเองค่ะ

Step 5 : จ่ายหนี้ให้ตรง ไม่ก่อหนี้เพิ่ม

ระยะเวลาในการเรียกเก็บหนี้ของเจ้าหนี้แต่ละเจ้าจะไม่ตรงกันอยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงควรเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังให้ดี เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินสูงสุดค่ะ เพราะหากจ่ายไม่ตรงเวลาจะมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เราจึงอาจจะต้องพิจารณาจ่ายหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยมหาโหดก่อนค่ะ

และที่สำคัญอีกข้อเลย คือ ห้ามก่อหนี้เพิ่มอีกเด็ดขาด เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นหนี้พอกพูนไม่หมดไม่สิ้น กลายเป็นว่า ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดและทบไปเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ

ทั้ง 5 ขั้นตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่หลายคนกลับทำตามไม่ได้ และเลือกที่จะหันหลังหนีปัญหา ทำให้หนี้พอกพูน ดังนั้น หากทุกคนกำลังเป็นหนี้อยู่ คุณน้าขอแนะนำให้เคลียร์หนี้ตัวเองให้จบ วางแผนการเงินให้ดี และอย่าเป็นหนี้อีกจะดีที่สุดค่ะ!

มีทางด่วนแก้หนี้ไหม

มีทางด่วนแก้หนี้ไหม ?

ทุกเส้นทางไม่มีทางลัด ดังนั้น คุณน้าไม่แนะนำให้หาทางด่วนเพื่อแก้ไขหนี้ที่ตัวเองสร้างไว้โดยเด็ดขาดค่ะ เพราะมันอาจทำให้ปัญหาหนักกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ดี หากมีหนี้เสียในระบบมากเกินไป หรือประเทศชาติอยู่ในช่วงวิกฤติ ซึ่งส่งผลให้ทุกคนไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ อาจมีการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีผู้คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้หนี้อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งคลินิกแก้หนี้, ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน และลูกหนี้อีกหลายคนในกลุ่มต่าง ๆ ที่คอยให้คำแนะนำและกำลังใจดี ๆ ดังนั้น คุณน้าจึงหวังว่า ทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินจะสามารถผ่านไปได้ค่ะ

สรุป หนี้เสีย (NPL) คืออะไร แก้ได้ไหม !?

การบริหารเงินที่ผิดพลาด จ่ายเงินช้า อาจนำไปสู่หนี้เสียได้ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบหนี้สินให้ดี จ่ายให้ตรงเวลา และวางแผนการเงินให้ดีเพื่อไม่ให้ติดกับดักหนี้จะดีที่สุดค่ะ เพราะหากติด NPL และเครดิตบูโรแล้วจะทำให้เสียประวัติทางการเงิน เวลาจะกู้เงินในอนาคตก็ลำบากหรือกู้ไม่ผ่าน แต่หากเป็นหนี้อยู่ก็มาวางแผนดี ๆ ค่ะ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ


ขอบคุณข้อมูลจาก : Bangkokbiznews, DDproperty, Dharmniti และ Thai PBS

บทความในการเทรดที่น่าสนใจ : มือใหม่หัดเทรด

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

khunnaphatrade
khunnaphatrade
Recent Post
ส่องเทรนด์ Pop Mart คืออะไร ลงทุนหุ้นของเล่น Art toy น่าสนใจปี 2024
ส่องเทรนด์ Pop Mart คืออะไร ลงทุนหุ้นของเล่น Art toy น่าสนใจปี 2024

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า “กล่องสุ่ม” “Art toy” หรือ “Pop Mart” กระแสที่กำลังในประเทศไทย วันนี้คุณน้าจะพาทุกคนไปรู้จักกับเทรนด์กล่องสุ่มของ Pop Mart ค่ะ

กองทุน Thai ESG ทางเลือกใหม่เพื่อความยั่งยืน ซื้อกองไหนดี? ปี 2024
กองทุน Thai ESG ทางเลือกใหม่เพื่อความยั่งยืน ซื้อกองไหนดี? ผลตอบแทนสูง ปี 2024

คุณน้าพาเทรดจะพาทุกคนมารู้จักกับกองทุน Thai ESG ทางเลือกใหม่เพื่อความยั่งยืน ซื้อกองไหนดี? เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับกองทุนประเภทนี้ดียิ่งขึ้น