พบกับวิเคราะห์ EURUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน EURUSD
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
ค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่เข้าเดือนสิงหาคม ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือความคาดหวังของตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเป็นฝ่ายเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อน และจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐ เดือนกรกฎาคมที่อ่อนแอกว่าที่คาด อีกทั้งยังมีการปรับลดตัวเลขการจ้างงานย้อนหลังในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนลงอย่างมาก ทำให้ตลาดประเมินว่า Fed มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนกันยายน และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อยอีกหนึ่งครั้งภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ฝั่งยุโรป ตลาดประเมินว่ามีความเป็นไปได้ประมาณ 60% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ยภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในมีนาคม 2026
ในด้านเศรษฐกิจภาคครัวเรือน ยูโรโซนเริ่มแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว โดยยอดขายปลีกในเดือนมิถุนายนขยายตัว 0.3% จากเดือนก่อนหน้า ฟื้นตัวจากการหดตัว 0.3% พบว่ายอดขายในหมวดสินค้าหลัก เช่น กลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม ที่กลับมาเติบโต 0.2% สินค้าที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้น 0.6% โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยูโรโซน เช่น เยอรมนี, สเปน และอิตาลี มีการรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าฝรั่งเศสจะยังมีการหดตัวอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบเป็นรายปี พบว่ายอดขายปลีกเพิ่มขึ้นถึง 3.1% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024
อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ที่ 2.0% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเท่ากับระดับของเดือนมิถุนายน และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 1.9% อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารกลางเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยเกิดจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อภาคบริการที่ 3.1% ที่ช่วยชดเชยการเร่งตัวของราคาสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่พลังงาน และหมวดอาหาร ในขณะเดียวกัน ราคาพลังงานยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อโดยรวมไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหาร และพลังงานที่มีความผันผวน
ด้านข้อมูลด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคมยังคงแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.6 จุด มาที่ -14.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน การปรับตัวดีขึ้นนี้ส่วนใหญ่มาจากมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์การเงินของครัวเรือนในปัจจุบัน รวมไปถึงความสามารถในการซื้อสินค้าขนาดใหญ่ที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังต่อเศรษฐกิจโดยรวมกลับปรับแย่ลง สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน
ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัวแต่เป็นการหดตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 49.8 ในเดือนกรกฎาคม สูงขึ้นจาก 49.5 ในเดือนมิถุนายน โดยการฟื้นตัวของผลผลิตยังคงทรงตัวอยู่ ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ยังคงลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม การเลิกจ้างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี แม้ว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจจะลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว แสดงถึงแนวโน้มที่ภาคอุตสาหกรรมเริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัว โดยมีหลายประเทศ เช่น ไอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ และกรีซที่แสดงสัญญาณเติบโตที่ชัดเจน
ตลาดแรงงานในยูโรโซนยังคงมีเสถียรภาพ โดยอัตราการว่างงานในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 6.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจำนวนผู้ว่างงานลดลง 62,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานของเยาวชนก็ลดลงมาอยู่ที่ 14.1% หากพิจารฏณาเป็นรายประเทศ พบว่าเยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ยังคงมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในสหภาพยุโรป
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
EURUSD ฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อดูจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) โดยราคาสามารถทะลุและยืนเหนือเส้น MA 50 ได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มระยะสั้น นอกจากนี้ หากราคาสามารถผ่านแนวต้านที่ 1.1752 และ 1.1804 ไปได้ เจอถือป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ราคายังคงอยู่เหนือ MA 200 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวที่ยังคงดำเนินต่อไป
ด้าน RSI (Relative Strength Index) ปรับขึ้นจาก 32 กลับเข้าสู่ระดับประมาณ 53 อีกครั้ง บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Overbought ที่ RSI เหนือ 70 ทำให้มีพื้นที่มากพอให้ราคาสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ในขณะที่ข้อมูลปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงที่ EURUSD ปรับตัวขึ้น ชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นของ Volume ในวันที่ราคาเข้าใกล้เส้น MA 50 สะท้อนถึงแรงซื้อจากทั้งฝั่งนักลงทุนระยะสั้นและกองทุนที่เข้ามาเก็งกำไรตามแนวโน้ม
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 1.1626, 1.1574, 1.1537
- แนวต้านสำคัญ : 1.1715, 1.1752, 1.1804
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน EURUSD
ที่มา : Forexfactory
⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี
💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ EURUSD
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ประมาณ 1.1574 – 1.1626 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.1574 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1752 และ SL ที่ประมาณ 1.1537
- Buy/ Long 2 : หากสามารถเบรกแนวต้านที่ประมาณ 1.1715 – 1.1752 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1804 และ SL ที่ประมาณ 1.1574
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ประมาณ 1.1715 – 1.1752 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.1752 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1574 และ SL ที่ประมาณ 1.1804
- Sell/ Short 2 : หากสามารถเบรกแนวรับที่ประมาณ 1.1574 – 1.1626 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1537 และ SL ที่ประมาณ 1.1752
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge
