พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
เศรษฐกิจของอังกฤษในเดือนสิงหาคม 2025 แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ในเดือนกรกฎาคมไม่พบการเติบโต เน้นย้ำถึงความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าสหราชอาณาจักรจะมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับที่สองในกลุ่ม G7 ที่ 1.3% ในปีนี้ แต่ถึงอย่างไร ก็ยังไม่เพียงพอที่จะคลายแรงกดดันทางการคลังหรือฟื้นความเชื่อมั่นในกระบวนการฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ราเชล รีฟส์ กำลังเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้นในขณะที่เตรียมเสนองบประมาณในวันที่ 26 พฤศจิกายน ถึงแม้ว่าจะเคยขึ้นภาษีถึง 40,000 ล้านปอนด์ในชุดนโยบายการคลังแรกเมื่อปีที่แล้ว แต่สถาบัน IFS ประเมินว่าเธอยังต้องเผชิญกับช่องว่างทางงบประมาณระหว่าง 22,000–30,000 ล้านปอนด์ เพื่อให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างรายจ่ายประจำวันกับรายได้จากภาษีภายในปี 2030 ค่ะ
นอกจากนี้ แรงกดดันทางการคลังยังถูกซ้ำเติมด้วยต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวที่เพิ่มขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี (gilt yield) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1998 โดยธนาคารบาร์เคลย์สเตือนว่า หากอัตราผลตอบแทนยังคงสูงและมีการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น อาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน ซึ่งจะเป็นการทดสอบความน่าเชื่อถือของงบประมาณที่รีฟส์จะเสนอต่อไปค่ะ
ในแง่พฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดแรงงาน การเติบโตของการใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนกันยายนชะลออย่างหนัก เป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบสี่เดือน เนื่องจากค่าพลังงานที่สูงขึ้นและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษี ขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในภาคเอกชนลดลงมาอยู่ที่ 4.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2021 และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ซึ่งบ่งชี้ถึงการเย็นตัวของตลาดแรงงานค่ะ ส่งผลให้ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจกลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026 ค่ะ
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ที่ 3.8% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่ม G7 ขณะที่ IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.4% ในปีนี้ และจะลดลงไปอยู่ที่ 2.5% ในปี 2026 ซึ่งยังสูงเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วอื่นๆ ค่ะ โดยอัตราเงินเฟ้อสินค้าอุปโภคบริโภคและของชำ ยังคงบีบคั้นครัวเรือน ท่ามกลางราคาสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะขึ้นถึง 6% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ต้นทุนการนำเข้าและภาษีที่นายจ้างต้องแบกรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อธุรกิจ และยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวค่ะ
ฝั่งสหรัฐอเมริกา ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันศุกร์ เนื่องจากแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นและสัญญาณใหม่ของความอ่อนแอทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่การปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อเป็นสาเหตุที่ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญถูกเลื่อนออกไป และด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนหลายรายจึงหันไปหาทรัพย์สินทางเลือก เช่น ทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี นักวิเคราะห์เตือนว่า ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ Fed ความไม่เสถียรทางการเมือง และข้อพิพาททางการค้า ได้กระตุ้นให้เกิดแนวคิดในกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ค่าเงินถูกลดมูลค่า ซึ่งสะท้อนถึงความกลัวเกี่ยวกับเสถียรภาพระยะยาวของดอลลาร์ค่ะ
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของดอลลาร์ในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” โดยงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ใน 17 จาก 20 ไตรมาสที่ผ่านมา ทิศทางการเคลื่อนไหวของทุนสำรองดอลลาร์และดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มสวนทางกัน ความไม่มั่นคงทางการเมืองในสหรัฐฯ รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าในยุคทรัมป์ ยิ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นระหว่างประเทศต่อสกุลเงินดอลลาร์ลดลงไปประมาณ 9% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันค่ะ
ด้านเจ้าหน้าที่ของ Fed ยังคงส่งสัญญาณในเชิงผ่อนคลาย โดยอ้างถึงข้อมูลตลาดแรงงานที่มีทั้งสัญญาณบวกและลบ ขณะที่ผู้ว่าการ Fed คนใหม่ สตีเฟน มิแรน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ผลักดันให้มีการลดดอกเบี้ยมากขึ้น โดยรายงาน Beige Book ของ Fed ยืนยันแนวโน้มดังกล่าว และชี้ให้เห็นถึงการเลิกจ้างที่เพิ่มขึ้นและการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนรายได้ต่ำถึงกลาง ยิ่งเพิ่มความคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมของ Fed ระหว่างวันที่ 28–29 ตุลาคมค่ะ
ในด้านการคลังของสหรัฐฯ การขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2025 ลดลงเล็กน้อย โดยปัจจัยหลักมาจากรายได้จากศุลกากรที่ทำสถิติสูงถึง 195,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่มีการออกภาษีใหม่โดยรัฐบาลทรัมป์ ขณะที่กระทรวงการคลังประเมินอัตราขาดดุลงบประมาณต่อ GDP อยู่ที่ 5.9% ลดลงจาก 6.3% ในปี 2024 ค่ะ
ในภาคที่อยู่อาศัย ความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย โดยยังคงมีความหวังว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะลดลง และอาจกระตุ้นความต้องการได้ โดยรายงาน Beige Book ของ Fed ยังระบุถึงอุปสงค์แรงงานที่เบาบางและกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมที่จำกัด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะเกิดขึ้นได้ยากก่อนกลางปี 2026 ค่ะ
โดยสรุปแล้ว คู่เงิน GBPUSD อาจยังคงได้รับการสนับสนุนเชิงพื้นฐานจากความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างมุมมองนโยบายการเงินและการคลังของอังกฤษกับสหรัฐฯ ในขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษยังค่อนข้างเปราะบาง ธนาคารแห่งอังกฤษจึงยังคงให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของราคาเหนือการผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับดอลลาร์ที่เผชิญแรงกดดันในแง่ลบจากความตึงเครียดทางการค้า ความไม่เสถียรทางการเมือง และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลัง ก็ได้กัดกร่อนความเชื่อมั่นในดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนจึงแสวงหาการกระจายการลงทุนไปยังสกุลเงินใหญ่อื่นๆ รวมทั้งเงินปอนด์ค่ะ ส่งผลให้โดยภาพรวมแล้ว คู่เงิน GBPUSD มีแนวโน้มที่จะยังคงได้รับแรงหนุนในระยะกลาง ซึ่งอาจนำไปสู่แนวโน้มบวกอย่างค่อยเป็นค่อยไปสำหรับเงินปอนด์ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

คู่เงิน GBPUSD ยังคงแสดงแนวโน้มเชิงบวกอย่างชัดเจน โดยยังรักษาโมเมนตัมเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง 50 วันและ 200 วัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงสร้างในระยะสั้นยังบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งเหนือบริเวณ 1.3350 และตัวชี้วัดโมเมนตัม RSI สะท้อนถึงแรงซื้อในระดับปานกลาง โดยยังไม่เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป จึงยังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นต่อ ก่อนที่แรงขายเพื่อทำกำไรจะเริ่มเข้ามาค่ะ
แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 1.3480–1.3520 หากสามารถทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน อาจกระตุ้นแรงซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1.3600 และอาจขยายตัวขึ้นสู่ 1.3720 หากแรงกดดันฝั่งดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงอยู่
ในทางกลับกัน หากเกิดการย่อตัวต่ำกว่า 1.3350 ในระยะสั้น ก็อาจเปิดทางให้กลับไปทดสอบระดับ 1.3280 ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา เนื่องจากส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรยังอยู่ในระดับที่เอื้อต่อเงินปอนด์ ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนตัวค่ะ
อย่างไรก็ดี แม้แนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นขาขึ้น ตราบใดที่ GBPUSD สามารถทรงตัวเหนือระดับ 1.3200 ได้อย่างมั่นคง แต่หากราคาปิดรายวันต่ำกว่าระดับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานลึก โดยมีโอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงไปทดสอบบริเวณ 1.3050 ได้ค่ะ
ด้วยเหตุนี้ ในเชิงเทคนิค GBPUSD ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้ในช่วง 1.3600–1.3800 ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เว้นแต่ BoE จะปรับจุดยืนเป็นเชิงผ่อนคลายแบบไม่คาดคิด หรือผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ กลับมาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเปลี่ยนทิศทางชั่วคราวได้ค่ะ โดยรวมแล้ว แนวโน้มหลักยังคงเอื้อให้ฝั่งขาขึ้นได้เปรียบ และการย่อตัวลงสู่โซน 1.3300–1.3350 จึงอาจถือเป็นจังหวะในการเข้าซื้อภายในกรอบแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 1.3407, 1.3391, 1.3367
- แนวต้านสำคัญ : 1.3455, 1.3471, 1.3495
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ GBPUSD
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3367 – 1.3407 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3407 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3470 และ SL ที่ประมาณ 1.3347 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3455 – 1.3495 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3534 และ SL ที่ประมาณ 1.3387 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3455 – 1.3495 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3455 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3406 และ SL ที่ประมาณ 1.3515 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3367 – 1.3407 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3342 และ SL ที่ประมาณ 1.3475 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge