คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี AI ผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งช่วยยกระดับบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนตุลาคม ถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก ขณะที่ NASDAQ Composite ขยับขึ้น 4.7% และ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 2.5% ท่ามกลางการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ในกรอบ 3.75%–4.00% ที่ยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Fed ที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจท่ามกลางเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวค่ะ

อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ยังคงมีท่าทีระมัดระวัง โดยกล่าวว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมยังมีความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังในการวางกลยุทธ์การลงทุนต่อไป ปัจจุบันอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) ของ S&P 500 สูงกว่า 23 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุคดอตคอม นักวิเคราะห์จึงเตือนว่าการเติบโตของตลาดในระยะต่อไปอาจต้องอาศัยการขยายตัวของกำไรมากกว่าการขยายตัวของมูลค่าหุ้นค่ะ

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนตลาดค่ะ โดย Amazon ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการเติบโตของธุรกิจ Amazon Web Services (AWS) ถึง 20% และแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาที่ระดับ 300 ดอลลาร์ ขณะที่ Microsoft ทำได้ดีกว่าคาดเช่นกัน โดยรายได้จาก Azure เพิ่มขึ้นถึง 39% ซึ่ง Morgan Stanley ยังคงจัดให้ Microsoft เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่โดดเด่นที่สุด และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 650 ดอลลาร์ จากความต้องการด้าน AI ที่เร่งตัวและอัตรากำไรที่ขยายตัวค่ะ

ส่วน Alphabet รายงานรายได้ไตรมาสเกิน 100 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจ Search และ Cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งนักวิเคราะห์ยังเน้นย้ำว่า Alphabet มีข้อได้เปรียบจากการผสานเทคโนโลยี AI แบบครบวงจรในทุกระดับของธุรกิจค่ะ

ในทางตรงกันข้าม Meta Platforms กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาด หลังหุ้นร่วงกว่า 11% เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อแผนการเพิ่มงบลงทุนในปี 2025 ที่สูงสุดถึง 72 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แม้รายได้จากโฆษณาหลักจะออกมาดีกว่าคาด แต่ Oppenheimer ปรับลดคำแนะนำการลงทุน โดยเตือนว่ากระแสเงินสดอิสระในระยะสั้นอาจถูกกดดันจากการลงทุนที่สูงขึ้นค่ะ

ด้าน Apple มีผลงานที่ดีกว่าคาด โดยรายได้เติบโต 7.9% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าผลประกอบการไตรมาสธันวาคมจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า การเติบโตระยะยาว อาจถูกจำกัดจากโครงสร้างราคาขายและสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่เริ่มอิ่มตัว ขณะที่ Nvidia สร้างความประทับใจอีกครั้ง หลังแตะมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม AI โดยนักวิเคราะห์ยังคงมุมมองเชิงบวก และมองว่า หุ้น Nvidia ยังถูกเกินไปที่จะมองข้ามที่ระดับ P/E 21 เท่าของกำไรคาดการณ์ปี 2026 แม้ตลาดจะมีความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI อยู่บ้างค่ะ

สำหรับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ผลประกอบการก็ออกมาหลากหลาย ด้าน Tesla ได้รับการปรับราคาเป้าหมายจาก Bank of America ขึ้นเป็น 471 ดอลลาร์ โดยชี้ว่าบริษัทเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี “Physical AI” และมีศักยภาพเพิ่มขึ้นในธุรกิจ Robotaxi และ Optimus แม้นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ราคาหุ้นยังคงค่อนข้างแพง ในขณะที่ Goldman Sachs ปรับคำแนะนำหุ้น Roblox เป็น “ซื้อ” โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์เกือบ 60% จากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้และแนวโน้มการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง Chipotle ร่วงลงกว่า 18% หลังให้แนวโน้มผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดและอัตรากำไรที่ถูกกดดัน ส่วน Fiserv ดิ่งกว่า 47% ซึ่งถือเป็นการร่วงแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท หลังมีรายงานกำไรที่ต่ำกว่าคาดอย่างมากและปรับลดคาดการณ์ในอนาคตค่ะ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเตรียมรับมือกับความคึกคักในสัปดาห์นี้ โดยจะมีบริษัทในดัชนี S&P 500 กว่า 130 บริษัท เช่น AMD Qualcomm Palantir Uber และ McDonald’s ที่จะประกาศผลประกอบการ ส่งผลให้นักลงทุนควรจับตาดูว่า การลงทุนในเทคโนโลยี AI จะสามารถแปลงเป็นกำไรที่แท้จริงได้หรือไม่ และท่าทีระมัดระวังของ Fed จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดในช่วงปลายปีเพียงใดค่ะ ตามสถิติแล้ว เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นทำผลงานได้ดีที่สุด และด้วย S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 16% ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนส่วนใหญ่จึงยังคงมองบวกอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าการฟื้นตัวอาจมีความต่อเนื่อง หากกำไรบริษัทยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การควบคุมค่ะ

โดยสรุปแล้ว คุณน้ามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแรงขับเคลื่อนจากธีมเทคโนโลยีและ AI ที่ชัดเจน แต่นักลงทุนควรเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะหากผลประกอบการหรือทิศทางนโยบายการเงินไม่เป็นไปตามคาด ความผันผวนของตลาดอาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025

ดัชนี S&P 500 ยังคงรักษาแรงส่งขาขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ คุณน้ามองว่าในเชิงเทคนิค ดัชนียังคงอยู่ในแนวโน้มที่ดีและได้รับแรงสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งเส้น 20 วัน 50 วัน และเส้น 200 วัน ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณยืนยันถึงโครงสร้างตลาดที่แข็งแรงและแรงซื้อที่มีเสถียรภาพค่ะ

ในขณะเดียวกัน เครื่องมือวัดโมเมนตัมยังคงสนับสนุนมุมมองเชิงบวก โดยดัชนี RSI อยู่ที่ราว 63 จุด ซึ่งยังไม่เข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป คุณน้ามองว่าแนวต้านระยะสั้นอยู่ในช่วง 6,900–6,950 จุด ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาก่อนการทดสอบกรอบราคาที่ 7,000 จุด หากสามารถทะลุผ่าน 6,950 จุดได้ พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นแรงซื้อรอบใหม่ให้ดัชนีปรับขึ้นต่อสู่กรอบ 7,120–7,150 จุดได้ค่ะ ส่วนแนวรับใกล้ ๆ อยู่บริเวณ 6,750 จุด และแนวรับถัดไปอยู่ในโซน 6,640–6,600 จุด หากดัชนียังสามารถยืนเหนือบริเวณนี้ได้ ก็จะช่วยรักษาทิศทางขาขึ้นในภาพรวมต่อไปค่ะ

ในมุมมองระยะกลาง ดัชนี S&P 500 ยังคงมีโครงสร้างเชิงบวกที่มั่นคง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกระจายตัวของแรงซื้อที่กว้างขึ้นในตลาด และแรงส่งจากหุ้นขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA, Microsoft และ Amazon นอกจากนี้ การหมุนเวียนเม็ดเงินเข้าสู่หุ้นกลุ่มที่ยังคงตามหลัง เช่น กลุ่มการเงินและอุตสาหกรรมบางส่วน ยังสะท้อนให้เห็นว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดรอบนี้มีความกว้างมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหุ้นเทคโนโลยีเท่านั้นค่ะ

ทั้งนี้ หากดัชนียังคงสามารถปิดเหนือระดับ 6,800–6,850 จุดได้ต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน คุณน้ามองว่าแรงส่งขาขึ้นอาจขยายต่อไปเหนือระดับ 7,000 จุดได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นบริเวณแนวต้านทางจิตวิทยา โดยเฉพาะหาก RSI ปรับตัวขึ้นเกินระดับ 70 จุด หรือหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ค่ะ

โดยสรุปแล้วคุณน้ามองว่า ภาพรวมทางเทคนิคของดัชนี US500 ยังคงเป็นบวกอย่างชัดเจน และยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในช่วงไตรมาสถัดไป ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยมหภาคลบที่รุนแรงเข้ามากระทบ หรือการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในวงกว้างค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)

  • แนวรับสำคัญ : 6851.6, 6847.4, 6840.4
  • แนวต้านสำคัญ : 6865.6, 6869.8, 6876.8

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Amazon.com Inc. (AMZN): ยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งค่ะ ราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ทั้ง 20 50 และ 200 วัน ซึ่งสะท้อนแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและโมเมนตัมขาขึ้นที่ชัดเจน โดยดัชนี RSI แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ต่อเนื่อง โดยยังไม่เข้าเขตซื้อมากเกินไป ยืนยันถึงโมเมนตัมของฝั่งซื้อที่ยังแข็งแรง ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 220 ดอลลาร์ และแนวต้านอยู่ในช่วง 250–255 ดอลลาร์ หากสามารถผ่านแนวนี้ไปได้ มีโอกาสเห็นการปรับขึ้นต่อไปยังโซน 270–275 ดอลลาร์ ค่ะ แต่ในทางกลับกัน หากราคาย่อตัวลงมาใกล้ 225 ดอลลาร์ อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะกลางค่ะ โดยพื้นฐานของ Amazon ยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ AWS และแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้กราฟของ Amazon ยังคงอยู่ในสภาพเทคนิคที่ดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสจากทั้งเทรนด์ AI และอีคอมเมิร์ซ ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ค่ะ
  • Microsoft Corporation (MSFT): ยังคงรักษาแนวโน้มแข็งแกร่งทั้งด้านเทคนิคและพื้นฐานค่ะ โดยราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ 200 วัน ซึ่งตอกย้ำแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวอย่างต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนของธุรกิจ Cloud และ AI โดยค่า RSI แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังแข็งแรง โดยยังไม่เข้าเขตซื้อมากเกินไป ยืนยันถึงโมเมนตัมฝั่งขาขึ้น แนวรับสำคัญอยู่ในช่วง 505–510 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 537–540 ดอลลาร์ หากทะลุแนวนี้ไปได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสขึ้นไปต่อถึงบริเวณ 560–575 ดอลลาร์ ซึ่งโดยรวมแล้ว Microsoft ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งที่สุดในธีม AI เหมาะกับนักลงทุนที่ติดตามเทรนด์ระยะกลางถึงยาว แต่คุณน้าอยากให้รอจังหวะเข้าซื้อบริเวณที่ราคาย่อตัวลงใกล้แนวรับระยะสั้นค่ะ
  • Alphabet Inc. (GOOGL): ยังคงมีโครงสร้างทางเทคนิคที่น่าสนใจค่ะ โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 50 100 และ 200 วัน เรียงตัวในลักษณะขาขึ้น ซึ่งยืนยันถึงแนวโน้มบวกอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่แนวโน้มหลักยังคงเป็นบวก โดย RSI บ่งชี้ว่าแรงซื้อยังมีพื้นที่ให้เร่งตัวขึ้นได้ หากราคาสามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 286–288 ดอลลาร์ คุณน้าแนะนำให้นักลงทุนติดตามแนวรับบริเวณ 275 ดอลลาร์ หากราคายืนเหนือแนวนี้ได้ จะเป็นฐานสำคัญสำหรับการทะลุขึ้นไปทดสอบ 300 ดอลลาร์ในลำดับถัดไปค่ะ ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้ว Alphabet ยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่ควรรอการยืนยันจากปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้นก่อนเข้าซื้อรอบใหม่ค่ะ
  • Meta Platforms, Inc. (META): ขณะนี้อยู่ในช่วงเคลื่อนไหวแบบผันผวน หลังประกาศผลประกอบการ แม้แนวโน้มระยะกลางยังคงเป็นขาขึ้น โดยดัชนี RSI อยู่ในโซนกลาง ไม่ได้บ่งชี้ภาวะซื้อมากหรือขายมากเกินไป แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 660–670 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญ คือ 625–630 ดอลลาร์ ซึ่งจำเป็นต้องยืนเหนือระดับนี้ให้ได้เพื่อรักษาแนวโน้มขาขึ้นในภาพใหญ่ คุณน้าจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนเลือกจังหวะให้ดี แม้ Meta ยังมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว แต่ควรรอการยืนยันสัญญาณบวกที่ชัดเจน เช่น การทะลุแนวต้าน 670 ดอลลาร์ ก่อนเข้าซื้อค่ะ
  • NVIDIA Corporation (NVDA): ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง โดยราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 50 และ 200 วัน แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งและมีแรงซื้อสม่ำเสมอ โดยดัชนี RSI สะท้อนแรงซื้อที่ยังแข็งแรงและมีพื้นที่ในการปรับขึ้นต่อ แสดงถึงแรงโมเมนตัมที่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คุณน้าอยากให้ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมาค่ะ ทั้งนี้ แนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 198 ดอลลาร์ และแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 210–215 ดอลลาร์ หากสามารถทะลุเหนือ 215 ดอลลาร์ไปได้อย่างชัดเจน ก็จะช่วยเปิดทางให้ราคามีโอกาสไปทดสอบบริเวณ 225–230 ดอลลาร์ค่ะ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงจากการย่อพักฐาน แต่ด้วยความแข็งแกร่งเชิงเทคนิคของ Nvidia การอ่อนตัวลงใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 20 วันอาจเป็นโอกาสสะสมสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในแนวโน้มความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ยังเติบโตต่อเนื่องค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6837.6 – 6851.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6851.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6869.9 และ SL ที่ประมาณ 6830.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6865.6 – 6879.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6888.1 และ SL ที่ประมาณ 6844.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6865.6 – 6879.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6865.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6851.6 และ SL ที่ประมาณ 6886.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6837.6 – 6851.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6833.5 และ SL ที่ประมาณ 6872.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Table of Contents
Recent Post
Recent Post
บทวิเคราะห์คู่เงิน EURUSD 29 ธันวาคม 2025
บทวิเคราะห์ EURUSD วันที่ 29 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ EURUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน USDRUB 29 ธันวาคม 2025
บทวิเคราะห์ USDRUB วันที่ 29 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDRUB ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน EURUSD 27 ธันวาคม 2025
บทวิเคราะห์ EURUSD วันที่ 27 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ EURUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy