วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 7 สิงหาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ค่อนข้างทรงตัว หลังจากที่อ่อนค่าลงก่อนหน้านี้ โดยตลาดกำลังปรับตัวตามสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความคาดหวังที่มากขึ้นว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ค่ะ

ทั้งนี้ ดอลลาร์ยังไม่สามารถฟื้นจากการร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงวันเดียวที่แรงที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน หลังจากตัวเลขการจ้างงานเดือนกรกฎาคมออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ปัจจุบันนักลงทุนประเมินว่าเฟดมีโอกาสมากกว่า 90% ที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 63% เมื่อสัปดาห์ก่อน โดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ติดต่อกัน 3 ครั้ง และหากตลาดแรงงานอ่อนแอลงกว่านี้ ก็อาจเห็นการลดลงถึง 0.5% ได้เช่นกันค่ะ

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการภายในของเฟดเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันค่ะ ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยเฉพาะผลจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำให้ภาษีนำเข้าเฉลี่ยของสหรัฐฯ สูงถึง 18.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 1934 ขณะที่ Michelle Bowman และ Christopher Waller มีมุมมองถึงตลาดแรงงานที่เป็นความเสี่ยงที่แท้จริง และเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยทันทีค่ะ

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจก็สะท้อนความเปราะบางที่เพิ่มขึ้นของภาคบริการ ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่กว่า 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มซบเซา โดยดัชนี ISM Services PMI เดือนกรกฎาคม ลดลงมาอยู่ที่ 50.1 ซึ่งเกือบจะเข้าสู่ภาวะหดตัว รายการคำสั่งซื้อใหม่ การส่งออก และการจ้างงานต่างก็อ่อนแอลง ดัชนีการจ้างงานลดลงมาอยู่ที่ 46.4 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่ราคาต้นทุนพุ่งสูงขึ้น โดยดัชนีราคาที่จ่าย (Prices Paid) ขยับขึ้นแตะ 69.9 ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2022 ข้อมูลทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะ “Stagflation” หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อยังสูง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากภาษี อีกทั้งยังเกิดขึ้นควบคู่ไปกับสัญญาณเตือนอื่น ๆ เช่น การใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอลง การลงทุนธุรกิจที่ยังอ่อนแรง และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหดตัวค่ะ อย่างไรก็ดี บรรยากาศในตลาดการเงินยังไม่หมดความหวัง เพราะบางฝ่ายมองว่า เมื่อมีการลดดอกเบี้ยและการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าในครึ่งหลังของปี 2025 ก็อาจช่วยฟื้นความเชื่อมั่นได้ค่ะ

ในด้านการค้า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า และมีการลดลงอย่างมากในเดือนมิถุนายน เหลือเพียง 60.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าที่ลดลง หลังจากพุ่งขึ้นเพราะแรงจูงใจทางภาษีก่อนหน้า แม้ว่าการส่งออกจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม โดยการนำเข้าที่ลดลงนี้ช่วยผลักดันให้ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวค่ะ

สำหรับฝั่งอังกฤษ ค่าแรงขั้นต่ำของสหราชอาณาจักรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.1% เป็น 12.71 ปอนด์ต่อชั่วโมงในปี 2025 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการให้ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่สองในสามของรายได้เฉลี่ย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนเพิ่งขึ้นไป 6.7% ค่ะ

อย่างไรก็ดี การเพิ่มค่าแรงก็กำลังกดดันต้นทุนของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อรวมกับภาระการจ่ายประกันสังคมของนายจ้างและกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน ภาคการบริการ เช่น โรงแรม และร้านอาหาร เตือนว่าอาจต้องลดชั่วโมงทำงานหรือลดพนักงานหากค่าแรงยังเพิ่มต่อเนื่องค่ะ

นอกจากนี้ เศรษฐกิจอังกฤษยังเผชิญแรงต้านจากหลายด้าน โดยภาคบริการมีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปลายปี 2022 และการจ้างงานก็ลดลงจากการหยุดรับพนักงานใหม่และแรงกดดันด้านต้นทุน โดยอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ GDP หดตัวในเดือนเมษายนและพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจยังมีความหวังว่าการลดดอกเบี้ยและการคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ อาจช่วยฟื้นตัวได้ค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีการคลัง Rachel Reeves กำลังเจอความท้าทายด้านการคลังครั้งใหญ่ โดยสถาบัน NIESR ประเมินว่าอาจมีการขาดดุลงบประมาณราว 41–50 พันล้านปอนด์ หากจะทำตามกฎทางการคลังที่ให้รายได้ภาษีเพียงพอครอบคลุมรายจ่ายประจำ และหากไม่ปรับเพิ่มภาษีหรือไม่ตัดรายจ่าย ก็อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฎการคลังค่ะ

แม้ NIESR จะปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปี 2025 เป็น 1.3% แต่ก็ลดคาดการณ์ปีถัด ๆ ไปจากความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเงินเฟ้อคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3% ในปี 2025 และจะลดลงเป็น 2.8% ในปี 2026 และ 2.2% ในปี 2027 ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยของ BoE ต่อเนื่องค่ะ

เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดนี้ คุณน้าคาดว่าคู่เงิน GBPUSD ยังมีแรงกดดันเชิงพื้นฐานให้ปรับตัวลงต่อ เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษกำลังชะลอตัว และมีความไม่แน่นอนด้านการคลัง ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ แม้จะมีความกังวลเรื่อง Stagflation และความอ่อนแอของภาคบริการ แต่ก็ยังมีทิศทางนโยบายการเงินที่ชัดเจนกว่าค่ะ โดยแม้ฝั่งดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่หากข้อมูลจากอังกฤษยังไม่ฟื้นตัว หรือถ้าเฟดไม่ผ่อนคลายนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ คู่เงิน GBPUSD ก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อได้ค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ปัจจุบันคู่เงิน GBPUSD เคลื่อนไหวอยู่ใกล้แนวต้านสำคัญ โดยการพุ่งขึ้นรอบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในวงกว้าง และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่โมเมนตัมก็เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแรง ซึ่งบนกราฟรายวัน RSI เข้าใกล้โซน Overbought อาจบ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มตึงตัว โดยหากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านโซน 1.3370–1.3400 ได้ อาจเกิดการย่อตัวระยะสั้นได้ค่ะ

ด้านแนวรับอยู่ที่ระดับ 1.3270 ตามมาด้วย 1.3180 ซึ่งตรงจุดนี้อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งได้ค่ะ แต่ถ้าสามารถยืนเหนือระดับ 1.3400 ได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสที่จะไปทดสอบแนวต้านถัดไปแถว 1.3575 ได้ค่ะ

ทั้งนี้ ในมุมมองภาพรวมยังถือว่าเป็นขาขึ้น ตราบใดที่ราคายังยืนเหนือ 1.3100 ได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของอังกฤษที่เริ่มอ่อนแอลง อาจเป็นตัวจำกัด Upside ของคู่เงิน GBPUSD ได้เหมือนกันค่ะ

ในช่วงนี้คุณน้าแนะนำให้นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และแนวทางของเฟดให้ดี เพราะถ้าเฟดมีท่าทีผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดไว้จริง ก็อาจดัน GBPUSD ให้ขึ้นต่อได้ในไตรมาส 3 ค่ะ แต่ถ้ามีเซอร์ไพรส์หรือท่าทีเชิงเข้มงวด หรืออังกฤษออกข้อมูลเศรษฐกิจที่แย่กว่าคาด ก็อาจกดให้ราคาถอยลงมาใกล้ระดับ 1.31 ได้เหมือนกันค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

สรุปวิเคราะห์ GBPUSD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3338 – 1.3348 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3348 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3360 และ SL ที่ประมาณ 1.3333 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3358 – 1.3368 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3373 และ SL ที่ประมาณ 1.3343 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3358 – 1.3368 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3358 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3347 และ SL ที่ประมาณ 1.3373 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3338 – 1.3348 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3334 และ SL ที่ประมาณ 1.3363 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge