ในปัจจุบัน หุ้น IPO กลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีหลายบริษัทเข้ามาจดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนของบริษัทในการขยายกิจการ และเป็นการขยายชื่อเสียงที่ดีของบริษัทอีกด้วยค่ะ ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยมีบริษัทที่จดทะเบียนสินทรัพย์มากถึง 700 บริษัทค่ะ
เมื่อหุ้น IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ขาดสาย ตัวคุณน้าเองก็เห็นว่า เป็นผลดีแก่นักลงทุนในการจับจองซื้อหุ้น IPO ที่เห็นว่า จะมีโอกาสเติบโตในอนาคตค่ะ วันนี้คุณน้าจะพามาทำความรู้จักกับหุ้น IPO คืออะไร? พร้อมกับส่องหุ้น IPO ที่น่าสนใจ ปี 2566 ว่ามีอะไรกันบ้าง มาดูกันได้เลยค่ะ
หุ้น IPO คืออะไร?
![หุ้น IPO](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/businessman-presses-button-ipo-initial-public-offering-chart-phone-1024x640.jpg)
หุ้น IPO หรือ Initial Public Offering คือ การที่บริษัทเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุน หรือประชาชนทั่วไปอย่างเรา ๆ นั่นเองค่ะ โดยบริษัทจะมองหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อนำเงินทุนเหล่านี้มาขยายกิจการให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งหุ้น IPO จะทำให้บริษัทเปลี่ยนสถานะจาก “บริษัทเอกชน” กลายมาเป็น “บริษัทมหาชน” นั่นเองค่ะ
การประกาศขายหุ้น IPO นี้ มักได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อหุ้นเข้าสู่ตลาดแล้วนั้น ราคามักจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือเรียกง่าย ๆ ว่าสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้จำนวนหุ้น IPO ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงวันแรก ๆ หมดเร็วเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนรีบเข้ามาจับจองซื้อหุ้น IPO จนไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อค่ะ
อย่างไรก็ดี การจะเป็นผู้ถือหุ้น IPO ได้นั้น คุณต้องเป็นผู้ซื้อในตลาดแรก (Primary Market) เพราะจะมีการกำหนดการซื้อขั้นต่ำและมีนโยบายการจองซื้อที่แตกต่างกันตามแต่ละบริษัทค่ะ โดยขั้นตอนการเสนอขายของบริษัทจะต้องผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ (Underwriter) ที่จัดจำหน่ายก่อนเท่านั้นค่ะ เนื่องจากก่อนการเสนอขายแก่นักลงทุนในแต่ละครั้ง บริษัทต้องผ่านกฎระเบียบเงื่อนไขของก.ล.ต. ก่อนเสมอ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการเสนอขายหุ้น IPO ค่ะ
นอกจากนี้ คุณสามารถซื้อขายหุ้น IPO ในตลาดรอง (Secondary Market) ได้เช่นกัน แต่จะเป็นการซื้อขายที่เปลี่ยนมือกันเฉย ๆ ค่ะ เพราะอาจจะเป็นการซื้อจากคนที่ไปซื้อหุ้น IPO มาโดยตรงหรือได้รับจากที่ซื้อต่อ ๆ กันมาค่ะ
ต้องมีเงินเท่าไหร่จึงจะซื้อหุ้น IPO?
เมื่อรู้กันแล้วว่า หุ้น IPO คืออะไร? แต่หลาย ๆ คนคงอยากทราบใช่ไหมคะว่า ต้องมีเงินเท่าไหร่จึงจะซื้อหุ้น IPO ได้ คุณน้าขอบอกเลยนะคะว่า แต่ละบริษัทจะมีวิธีการเสนอขายหุ้นที่แตกต่างกันค่ะ โดยคุณน้าขอยกตัวอย่างเช่น หุ้น OR หรือ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจะใช้วิธีการกระจายหุ้น หรือที่เรียกว่า Small Lot First ค่ะ ซึ่งจะกำหนดขั้นต่ำของการจองซื้อไว้ที่ 300 หุ้น ในราคา 18 บาทต่อหุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อได้ผ่านว็บไซต์และแอปพลิเคชันของธนาคารที่บริษัทกำหนดไว้ ทำให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการจองซื้อหุ้นได้ก่อนค่ะ
ในขณะที่หุ้น IPO ของหุ้น OR อย่างเช่น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จะใช้วิธีการกระจายหุ้นผ่านโบรกเกอร์ ทำให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปไม่ได้สิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นค่ะ
ดังนั้น การจองซื้อของหุ้น IPO มักจะใช้เงินไม่เท่ากันค่ะ เพราะจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทกำหนดว่า จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนประเภทใด หรือใช้วิธีการกระจายหุ้นอย่างไร ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้เลยค่ะ
หุ้น IPO ใครได้ประโยชน์?
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/ชวนรู้จัก-หุ้น-IPO-คืออะไร-03-1024x683.jpg)
1. นักลงทุน
การจองซื้อหุ้น IPO ถือเป็นการลงทุนที่เปิดโอกาสที่ดีให้แก่นักลงทุนทั่วไป เนื่องจากนักลงทุนสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัทที่จะเติบโตในอนาคตได้ หากบริษัทที่เราเลือกนั้นมีศักยภาพในการขยายกิจการมากพอ ก็จะทำให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ
2. บริษัทที่เสนอขายหุ้น IPO
การเสนอขายหุ้น IPO ถือเป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่ว ๆ ไป ซึ่งบริษัทจะนำเงินทุนส่วนที่ได้มาพัฒนาและขยายกิจการในบริษัทต่อไป โดยการขายหุ้นประเภทนี้จะเป็นเงินทุนที่ไม่ได้มาจากการกู้ยืมธนาคารนั่นเองค่ะ
วิธีการเลือกหุ้น IPO ทำได้อย่างไร
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/ชวนรู้จัก-หุ้น-IPO-คืออะไร-02-1024x683.jpg)
วิธีการเลือกหุ้น IPO สามารถทำได้ 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. วัตถุประสงค์ของบริษัทที่เสนอขายหุ้น IPO
ผู้ซื้อหุ้น IPO ควรศึกษาวัตถุประสงค์ของบริษัทที่เสนอขายหุ้นว่า จะนำเงินทุนไปใช้เพื่ออะไร โดยรายละเอียดส่วนนี้จะสามารถดูได้จากหนังสือเชิญชวนของบริษัทในหัวข้อ “วัตถุประสงค์การใช้เงิน” เพื่อที่เราจะได้สามารถติดตามผลการใช้เงินของบริษัทในอนาคตได้ทุกครั้ง ซึ่งในทุก ๆ 6 เดือน บริษัทจะต้องรายงานผลการใช้เงินทุนกับตลาดหลักทรัพย์
2. โมเดลธุรกิจ ผลประกอบการ และแนวโน้มการเติบโตของบริษัท
ผู้ซื้อหุ้น IPO ควรศึกษาโมเดลธุรกิจของบริษัทว่า มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคตหรือไม่ อีกทั้งยังจำเป็นต้องศึกษาผลประกอบการย้อนหลัง 3-5 ปี เพื่อแสดงให้เห็นว่า ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์บริษัทมีรายได้ มีกำไรสุทธิ มีสินทรัพย์ และมีหนี้สิ้นอยู่ที่เท่าไหร่ค่ะ จากนั้นค่อยวิเคราะห์ว่า บริษัทที่เสนอขายหุ้น IPO จะมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตคุ้มค่ากับที่เราเลือกลงทุนหรือไม่ค่ะ
3. ความเหมาะสมของราคาที่เสนอขาย
ผู้ซื้อหุ้น IPO ควรคำนวณราคาที่เสนอขายว่า เหมาะสมสำหรับนักลงทุนหรือไม่ โดยสามารถคำนวณได้หลายวิธี เช่น วิธี Price/Earning (P/E) หรือวิธีการเทียบอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ เป็นต้น โดยสามารถดูรายละเอียดการกำหนดราคาได้ในหัวข้อ “ที่มาของการกำหนดราคาหลักทรัพย์ที่ขาย” ได้ค่ะ
4. ช่องทางการจองซื้อหุ้น IPO
ผู้ซื้อหุ้น IPO ควรศึกษาช่องทางการจองซื้อหุ้น IPO ที่ตนเองสนใจว่า มีช่องทางจองซื้อหุ้น IPO ช่องทางใดบ้างและสามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารหรือโบรกเกอร์ที่จัดจำหน่าย ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับแต่ละเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดขึ้นค่ะ
5. รายละเอียดวันจองซื้อหุ้น IPO
หากเลือกหุ้น IPO ที่สนใจได้แล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือ การดูรายละเอียดวันจองซื้อหุ้น IPO ว่า สามารถจองซื้อได้ในวันไหนและจ่ายเงินได้ถึงวันที่เท่าไหร่ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นค่ะ
หุ้น IPO ที่น่าสนใจ ปี 2566
1. บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) : PHG
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/download-2.png)
ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการด้านการแพทย์ภายใต้โรงพยาบาล 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 และโรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต
มูลค่าระดมทุน : 1,134 (ล้านบาท)
มูลค่าเสนอขาย : 1,134 (ล้านบาท)
ราคาเสนอขาย : 21 บาท
วันที่เปิดขายครั้งแรก : 6 กรกฎาคม 2566
เว็บไซต์ : patrangsit.com
2. บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) : MGC
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/340637024_179501704977631_6429817786048497044_n.jpg)
ลักษณะธุรกิจ : ประกอบธุรกิจครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยประกอบไปด้วย 1. กลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ 2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ 3. กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับ และ 4. กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) บริหารจัดการ (Shared Service) และบริการทำความสะอาด
มูลค่าระดมทุน : 2,2126 (ล้านบาท)
มูลค่าเสนอขาย : 2,2126 (ล้านบาท)
ราคาเสนอขาย : 7.95 บาท
วันที่เปิดขายครั้งแรก : 26 เมษายน 2566
เว็บไซต์: mgc-asia.com
3. บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) : GABLE
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/220713_logo_20200327143409.png)
ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และให้บริการเกี่ยวกับซอฟต์แวร์แพลต์ฟอร์ม
มูลค่าระดมทุน : 1,118.25 (ล้านบาท)
มูลค่าเสนอขาย : 1,118.25 (ล้านบาท)
ราคาเสนอขาย : 6.39 บาท
วันที่เปิดซื้อขายครั้งแรก : 9 พฤษภาคม 2566
เว็บไซต์ : www.g-able.com
4. บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) : BLC
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/315066383_831203124553876_2594658665371962176_n.jpg)
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและจัดจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ เป็นต้น
มูลค่าระดมทุน : 1,260 (ล้านบาท)
มูลค่าเสนอขาย : 1,260 (ล้านบาท)
ราคาเสนอขาย : 10.50 บาท
วันที่เปิดซื้อขายครั้งแรก : 21 มิถุนายน 2566
เว็บไซต์ : http://www.blcplc.com
5. บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) : PRTR
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/08/img.jpg)
ลักษณะธุรกิจ : ให้บริการจัดหาบุคลากรและทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจรและให้บริการสรรหาบุคลากร
มูลค่าระดมทุน : 1,080 (ล้านบาท)
มูลค่าเสนอขาย : 1,080 (ล้านบาท)
ราคาเสนอขาย : 7.20 บาท
วันที่เปิดซื้อขายครั้งแรก : 26 เมษายน 2566
เว็บไซต์ : https://www.prtr.com
ข้อดี-ข้อเสียหุ้น IPO
ข้อดี-ข้อเสียของหุ้น IPO สามารถเปรียบเทียบได้ ดังต่อไปนี้
ข้อดี
- มีทางเลือกและช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
- เป็นการระดมทุนที่ไม่มีดอกเบี้ย
- ภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
- การบริหารมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
- มีโอกาสได้รู้จักบุคลากรที่มีคุณภาพมากขึ้น
ข้อเสีย
- มีกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น
- มีความเสี่ยงสูงขึ้น
- มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
- สูญเสียส่วนแบ่งในกรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ
- มีความผันผวนของราคาที่เพิ่มมากขึ้น
สรุปหุ้น IPO
จากที่คุณน้าได้สรุปเกี่ยวกับหุ้น IPO ไปข้างต้น เห็นได้ว่า หุ้น IPO ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนค่ะ เพราะหุ้น IPO เป็นหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มจะเติบโตไปพร้อม ๆ กับกิจการ เนื่องจากก่อนการเปิดจองซื้อหุ้น IPO ทุกครั้งนั้น จะมีการเขียนหนังสือชี้ชวนถึงจุดประสงค์ของการเสนอขายหุ้นและเราสามารถติดตามได้หุ้นที่เราซื้อได้ในทุก 6 เดือน แสดงให้เห็นถึงทิศทางของหุ้นและความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงทุนทุกครั้ง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดของหุ้นที่เราสนใจให้ดี เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอค่ะ โดยเราควรเลือกหุ้น IPO ที่มีความน่าเชื่อถือ และคำนวณถึงความเหมาะสมของราคาที่เสนอขาย รวมทั้งโอกาสในการเติบโตของหุ้นที่เราเลือกด้วยเช่นกัน จากความห่วงใยของทีมงานคุณพาเทรดค่ะ
![หุ้น ipo](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2023/07/4-น้า-Aler-1.png)
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge