หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Black Monday กันมาบ้าง โดยเฉพาะเหล่าบุคคลที่ลงทุนในตลาดหุ้นหรือการเทรด วันนี้คุณน้าเลยอยากเอาที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้มาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ
Black Monday คืออะไร ?
Black Monday เรียกได้ว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 1987 เมื่อดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ลดลงเกือบ 22% ในวันเดียว เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการตกต่ำของตลาดหุ้นทั่วโลก ภายในสิ้นเดือน การแลกเปลี่ยนหลักส่วนใหญ่ลดลงมากกว่า 20% เท่านั้น

ทำไมถึงได้กล่าวว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์หุ้น
อันที่จริงถ้าหากตลาดหุ้นร่วงเพียงแค่ประมาณ 1-3% ก็จะถือว่าเริ่มเข้าขั้นรุนแรงแล้ว และถ้าหากว่าอยู่ ๆ ตลาดหุ้นนั้นร่วงหนักทีเดียวมากเกินกว่า 20 % ล่ะจะเป็นยังไง ซึ่ง Black Monday นั้นเป็นวันที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปกว่า 500 จุดซึ่งนับว่าเป็นจำนวน 22 % และการร่วงลงของดัชนีนี้เกิดขึ้นภายในวันเดียว ซึ่งนับว่าเป็นเปอร์เซ็นต์การลดลงที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นตั้งแต่เคยมีมาเลยทีเดียวค่ะ
สาเหตุของ Black Monday
ปกติแล้วถ้าหากว่าเกิดการร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นนั้นมักจะเกิดจากสาเหตุที่ค่อนข้างรุนแรงหรือเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นสงคราม การโจมตี หรือมีมาตรการบางอย่างที่ออกกฎมาใหม่ หรือการมีการจราจลรวมไปถึงเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น แต่กับ Black Monday นั้นไม่ใช่เลยค่ะ เป็นเหตุผล Basic มากกว่าที่เราคิด นั่นก็คือเกิดจากแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ
แต่แรงขายที่มากกว่าแรงซื้อในครั้งนี้นั้นไม่ใช่การขายแบบธรรมดาแต่อย่างใด แต่เป็นแรงขายที่เรียกได้ว่า “มหาศาล” โดยเป็นการคำนวณจากระบบเทรดของคอมพิวเตอร์
ซึ่งในยุคสมัยนั้นคอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถแบ่งเบาภาระงานได้ดี โดยเฉพาะในสายคำนวน รวมไปถึงการซื้อขายหุ้นด้วยเช่นกันค่ะ เพราะการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยทำการปิดออเดอร์ขายขาดทุนได้เป็นอย่างดี ถ้าหากเทียบกับมนุษย์เราที่อาจจะมีความลังเลในการซื้อขาย
และด้วยเหตุที่ว่าเจ้าคอมพิวเตอร์ที่สามารถคำนวนและทำหน้าที่กำหนดจุดขาดทุนได้เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน และเพราะเหตุนี้ก็คือสาเหตุให้เหล่าคอมพิวเตอร์คิดเหมือนกันในเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 1987 ค่ะ ซึ่งเกิดแรงขายเป็นจำนวนมากที่เกิดขึ้นในกองทุน เมื่อเกิดแรงขายมากกว่าแรงซื้อก็จะส่งผลให้ตลาดนั้นร่วงหนักเลยค่ะ
แล้วพอเกิดแรงขายรอบแรกแล้วเป็นอย่างไร ? คอมพิวเตอร์ก็จะคำนวนเห็นถึงจุดเสี่ยงอีก ก็จะเกิดการขายมากขึ้นอีกทั่วตลาด ก็เลยทำให้ตลาดร่วงหนักอย่างไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ
พอคอมพิวเตอร์ทำการขายที่จุดตัดขาดทุนเป็นยังไง พอนักลงทุนจริงๆ มาเห็นก็ยิ่งขายเข้าไปอีก ทำให้ในวันนั้นจบลงด้วยการที่ดัชนีดาวโจนส์ติดลบไปกว่า 500 จุดเลยทีเดียวค่ะ