การลงทุนในปัจจุบัน นักลงทุนต้องมีการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของหลักทรัพย์แต่ละประเภท ว่ามีผลตอบแทน กำไรสุทธิต่อปี ความเสี่ยงยังไงบ้าง ซึ่งหลักทรัพย์มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ เป็นต้น และในบทความนี้จะมาพูดถึงในส่วนของ “ประเภทของหุ้น” หรือตราสารทุน (Share) กันค่ะ
ตราสารทุนหรือหุ้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นสามัญ (Common Stock) และ หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
หุ้นสามัญ (Common Stock)
คือ หลักทรัพย์ที่บริษัทออกจำหน่าย เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือในการร่วมเป็นเจ้าของบริษัท ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อร่วมตัดสินใจในการบริหาร การวางนโยบายการดำเนินการของบริษัท การเลือกตั้งกรรมการของบริษัท และเพื่อร่วมตัดสินใจในปัญหาสำคัญของบริษัท
ผู้ถือหุ้นมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล เมื่อบริษัทมีกำไรและอนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผล หรือเมื่อราคาหุ้นในตลาดรองสูงขึ้นก็สามารถนำไปขาย เพื่อรับส่วนต่างจากราคาหุ้นที่ซื้อมา (Capital Gain) นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิจองหุ้นใหม่ (Right) เมื่อบริษัทต้องการจะเพิ่มทุนด้วย
หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)
คือ ตราสารที่ผู้ถือมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ เพียงแต่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร และมีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญคือ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ ในส่วนของผลตอบแทน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ หุ้นประเภทนี้มีไม่มากนักในตลาดหลักทรัพย์ มีการซื้อขายกันน้อยหรือเรียกว่ามีสภาพคล่องต่ำ
ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิ มีดังนี้
หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม
คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในปีที่ไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม
คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่หากปีใดไม่ได้จ่ายเงินปันผล จะไม่สามารถยกยอดไปจ่ายในปีถัดไป
หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ
คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลร่วมกับผู้ถือหุ้นสามัญอีก หลังจากที่ได้รับเงินปันผลในอัตราที่กำหนดแล้ว
หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ
คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ได้รับเงินปันผลตามอัตราที่กำหนดเท่านั้น
ความแตกต่างของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ
ความแตกต่างของหุ้นสองตัวนี้หลักๆ ก็คือเรื่องสิทธิ์ของการออกเสียงค่ะ โดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหารนั่นเอง
ดังนั้นการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ควรจะศึกษารายละเอียด ผลตอบแทน ผลกำไร และความเสี่ยงของธุรกิจนั้นให้ดีก่อนจะทำการลงทุน เพื่อที่จะลดผลกระทบที่ตามมาทีหลังได้
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge
ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia