คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 22 กรกฎาคม 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 22 กรกฎาคม 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ดัชนี S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องในวันจันทร์ โดยสามารถปิดเหนือระดับ 6,300 ได้เป็นครั้งแรกค่ะ นักลงทุนเริ่มวางตำแหน่งพอร์ตของตัวเองล่วงหน้าก่อนที่ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มประกาศอย่างเข้มข้นในสัปดาห์นี้ แม้จะยังมีความตึงเครียดทางการค้ากับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่บ้าง แต่ดัชนีก็ยังสามารถไต่ระดับขึ้นไปได้ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทำผลงานได้โดดเด่นค่ะ

ทั้งนี้ ตลาดดูเหมือนจะยังนิ่งแม้ว่าเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปและประเทศคู่ค้ารายอื่น ๆ ระหว่าง 15%–30% กำลังใกล้เข้ามาค่ะ ซึ่งอาจส่งแรงกระเพื่อมให้กับตลาดในระยะสั้น อีกทั้ง สัปดาห์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 โดยขณะนี้ยังมีบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 85% ที่ยังไม่รายงานค่ะ

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่มีประกาศออกมาแล้วถือว่าออกมาดีค่ะ โดยประมาณ 86% ของบริษัทที่รายงาน พบว่า กำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และ 67% มียอดขายสูงกว่าคาด ปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของบริษัทใน S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแรงหนุนหลักมาจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ค่ะ นักลงทุนจำนวนมากกำลังจับตาหุ้น “Magnificent Seven” โดยเฉพาะ Alphabet และ Tesla ที่จะรายงานผลในวันพุธนี้ ซึ่งน่าจะมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดในวงกว้างค่ะ

นอกจากนี้ หุ้นรายตัวยังมีผลช่วยผลักดันตลาดขึ้นค่ะ Alphabet (GOOGL) เพิ่มขึ้น 2.7% ก่อนประกาศงบ ส่วน Tesla (TSLA) มีการอ่อนตัวเล็กน้อย Verizon (VZ) พุ่งขึ้นกว่า 4% หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี ขณะที่หุ้นรายใหญ่ตัวอื่นอย่าง Intel (INTC), IBM (IBM) และ Texas Instruments (TXN) ก็กำลังจะรายงานผลเช่นกันค่ะ ท่ามกลางบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ เช่น General Motors (GM), Coca-Cola (KO) และ Union Pacific (UNP) ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชัดเจนขึ้นค่ะ

ในด้านของผลตอบแทนตามกลุ่มอุตสาหกรรมมีถึง 7 จาก 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ โดยกลุ่มสื่อสารและสินค้าฟุ่มเฟือยนำมาเป็นอันดับต้น ๆ ขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปิดค่อนข้างนิ่งท่ามกลางข่าวสารที่หลากหลายทั้งจากผลประกอบการและประเด็นการค้า

ด้านกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดดเด่นในปีนี้ มีผลตอบแทนแล้วถึง 15% ตั้งแต่ต้นปี นำโดยบริษัทด้านการป้องกันประเทศและอวกาศอย่าง Lockheed Martin (LMT) และ RTX Corp (RTX) ซึ่งทั้งคู่จะรายงานผลในสัปดาห์นี้ค่ะ

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีก็คือ การที่ Block (SQ) ซึ่งเดิม Square ได้ถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในดัชนี S&P 500 แทนที่ Hess Corp หลังควบรวมกิจการกับ Chevron ค่ะ เหตุการณ์นี้ถือว่า สะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฟินเทคในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังส่งผลให้มีความต้องการซื้อกองทุนที่อิงตามดัชนีอีกด้วย โดยนักวิเคราะห์มองว่า การที่ Block ได้เข้าสู่ดัชนีหลักนี้ บ่งชี้ถึงความเติบโตและความแข็งแรงของภาคฟินเทคในระยะยาวค่ะ

แม้โดยรวมของบรรยากาศผลประกอบการจะดูสดใส แต่ก็ยังมีความระมัดระวังในเรื่องนโยบายการค้าระหว่างประเทศอยู่ค่ะ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนหลายรายก็เริ่มมองข้ามผลกระทบในระยะสั้น โดยเชื่อว่า ผลกระทบจริงต่อเศรษฐกิจอาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่กังวล ขณะที่ Goldman Sachs ให้ความเห็นว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด อย่างเช่น ยอดค้าปลีกและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ดีกว่าคาด บ่งชี้ว่า ภาษีนำเข้ายังไม่กระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อมากนักในตอนนี้ค่ะ

มองไปข้างหน้า ความสนใจของนักลงทุนยังคงแบ่งออกระหว่างผลประกอบการบริษัทและแนวโน้มนโยบายเศรษฐกิจมหภาค แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมของเดือนกรกฎาคมนี้ แต่นักลงทุนเริ่มประเมินความเป็นไปได้ที่ Fed อาจจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงกดดันจากประธานาธิบดีทรัมป์ต่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนค่ะ

อย่างไรก็ดี แม้จะมีแรงกดดันจากทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการเงิน แต่ดัชนี S&P 500 ก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 7–8% แล้วในปี 2025 ค่ะ Goldman Sachs ยังคงมองตลาดในเชิงบวก โดยคาดว่า ดัชนีจะขึ้นไปแตะระดับ 6,900 ภายในหนึ่งปี หากพื้นฐานกำไรยังมั่นคง ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง และเศรษฐกิจในปี 2026 ยังคงมีแนวโน้มสดใส และหากผลประกอบการในอนาคตออกมาต่ำกว่าคาด หรือเกิดความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงถือเป็นบททดสอบสำคัญของโมเมนตัมตลาดค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 22 กรกฎาคม 2025

ดัชนี S&P 500 จากมุมมองทางเทคนิค ดัชนีได้ทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 6,300 ขึ้นมาอย่างชัดเจน และตอนนี้ได้เปลี่ยนแนวต้านเดิมให้กลายเป็นแนวรับระยะสั้นเรียบร้อยแล้ว ตัวชี้วัดโมเมนตัมยังคงเป็นบวก โดย RSI อยู่ใกล้ระดับ Overbought แต่ยังไม่ส่งสัญญาณว่าเริ่มอ่อนแรง ซึ่งแปลว่ายังมีพื้นที่ให้ขยับขึ้นไปต่อได้ในระยะสั้นค่ะ

หากสามารถยืนเหนือระดับ 6,300 ได้อย่างมั่นคง เป้าหมายเชิงบวกถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 6,360–6,400 จุด ส่วนด้านล่าง แนวรับแรกอยู่ที่ 6,270 จุด และถ้ามีแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค ตรงระดับ 6,230–6,250 จะเป็นบริเวณที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาชัดเจนค่ะ ขณะเดียวกัน ดัชนีความผันผวน (VIX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 16.64 ซึ่งแสดงว่าตลาดยังไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนควรจับตาดูคำปราศรัยของประธาน Fed และรายงานกิจกรรมทางธุรกิจในวันพฤหัสบดีนี้ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของตลาดได้ค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)

  • แนวรับสำคัญ : 6302.7, 6294.3, 6280.6
  • แนวต้านสำคัญ : 6330.1, 6338.5, 6352.2

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Alphabet Inc. (GOOGL) : ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งจากแรงสนับสนุนของบริการ Cloud และโมเมนตัมด้าน AI ทางเทคนิค หุ้นกำลังอยู่ในช่วงสะสมกำลังใกล้แนวต้านจิตวิทยาที่ $195–$200 หากผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดและหุ้นสามารถทะลุ $200 ได้อย่างชัดเจน จะเปิดทางไปสู่โซน $210–$215 โดยมีแรงผลักจาก FOMO และการเข้าซื้อของสถาบันต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณซื้อขายยังคงเสริมแรงหนุน และ RSI อยู่ต่ำกว่า 70 เล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าการปรับขึ้นยังไม่เข้าสู่ภาวะ Overbought อย่างเต็มตัวค่ะ
  • Tesla Inc. (TSLA) : ฟื้นตัวแรงและได้ทะลุแนวต้านเดิมที่ $300 ขึ้นมาอย่างมั่นคง ยืนยันรูปแบบการกลับตัวขาขึ้น แต่ขณะนี้กำลังเข้าใกล้แนวต้านหลักบริเวณ $330–$340 RSI อยู่ในเขต Overbought ที่ระดับ 75 และความผันผวนโดยนัยพุ่งขึ้นสูงก่อนประกาศผลประกอบการ ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดยังคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง โดยหลังประกาศผล หากตัวเลขออกมาดีกว่าเป้า เป้าหมายขาขึ้นถัดไปจะอยู่ที่ $360–$370 แต่ถ้าออกมาน่าผิดหวัง โดยเฉพาะในเรื่อง Margin หรือยอดส่งมอบสินค้า ราคามีความเสี่ยงที่จะร่วงลงต่ำกว่า $310 โดยมีแนวรับถัดไปที่ $295 ค่ะ
  • Intel Corp. (INTC) : เชิงเทคนิคยังคงอ่อนแอ โดยล่าสุดราคาหลุดแนวรับระยะยาวที่ $25 ลงมา ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นแนวต้าน ช่องว่างระหว่างราคาปัจจุบันกับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แสดงให้เห็นถึง Sentiment เชิงลบที่ยังคงอยู่ การรายงานผลประกอบการจะเป็นจุดตัดสินทิศทาง หากบริษัทให้แนวโน้มบวกในเรื่องกลยุทธ์ AI หรือการควบคุมต้นทุน อาจเกิดแรงซื้อคืน ดันราคาไปทดสอบ $26.50 และ $29.80 แต่หากไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจน หุ้นอาจค่อย ๆ ไหลลงไปยังโซน $20–$21 อีกครั้งค่ะ โดยขณะนี้โมเมนตัมยังแผ่ว และ MACD ยังอยู่ในแดนลบ แสดงว่าฝั่งขายยังครองความได้เปรียบอยู่ค่ะ
  • RTX Corp. (RTX) : เคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ หุ้นสามารถทะลุแนวต้านระยะยาวที่ $145 ได้ และเปลี่ยนเป็นแนวรับอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งขณะนี้กำลังได้รับแรงซื้อเข้ามาก่อนการรายงานผลประกอบการ โดยมีเป้าหมายทดสอบบริเวณ $156–$158 และ RSI อยู่ที่ประมาณ 68 แม้ใกล้ระดับ Overbought แต่ยังสะท้อนแรงส่ง หากผลออกมาดีกว่าคาด มีโอกาสเข้าสู่ระดับเหนือ $160 แต่ถ้าผลไม่เข้าเป้า ก็อาจเห็นแรงขายดึงราคากลับไปที่ $143–$145 ค่ะ
  • Coca-Cola Co. (KO) : ได้พยายามออกจากกรอบราคาระหว่าง $58 ถึง $64.50 ซึ่งการขึ้นมาที่ $70 สะท้อนกระแสเงินไหลเข้าหุ้นป้องกันความเสี่ยง (Defensive Stocks) ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคากำลังชนแนวต้านที่ $71–$72 ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ $61 ยังเป็นแนวรับสำคัญ หากผลประกอบการออกมาดี หุ้นมีโอกาสขึ้นต่อถึง $75 แต่ถ้าพลาดเป้าหรือมีแนวโน้มที่อ่อนแอ ก็อาจเกิดแรงขายทำกำไรและถอยลงมายังโซนกลาง $60 ได้ค่ะ
  • NXP Semiconductors (NXPI) : แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง โดยสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 200 วันได้อย่างมั่นคง และกำลังก่อตัวฐานราคาบริเวณ $220 ขณะนี้กำลังเข้าใกล้แนวต้านทางเทคนิคที่ $235–$240 ซึ่งหากทะลุได้ จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนและอาจนำไปสู่การเร่งขึ้นต่อถึง $250–$255 โดยเฉพาะหากยอดขายชิปในภาคยานยนต์และอุตสาหกรรมออกมาดีกว่าคาด ตัวชี้วัดโมเมนตัมยังอยู่ในฝั่งบวก หากผลประกอบการแข็งแกร่ง คุณน้าว่าก็มีโอกาสเห็นแรงซื้อค่ะ แต่ถ้าออกมาน่าผิดหวัง แนวรับที่ต้องจับตาจะอยู่ที่ $215 และแนวลึกสุดที่ $205 ค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6278.7 – 6302.7 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6302.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6331.9 และ SL ที่ประมาณ 6266.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6330.1 – 6354.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6367.7 และ SL ที่ประมาณ 6290.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                                          

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6330.1 – 6354.1 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6330.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6296.1 และ SL ที่ประมาณ 6366.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6278.7 – 6302.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6260.3 และ SL ที่ประมาณ 6342.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Recent Post
บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 31 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ AUDUSD วันที่ 31 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน EURUSD 31 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ EURUSD วันที่ 31 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ EURUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 30 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ AUDUSD วันที่ 30 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy