คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 29 กรกฎาคม 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 29 กรกฎาคม 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 0.14% แม้ว่าดัชนี S&P 500 และ Nasdaq จะสามารถปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเพิ่มขึ้น 0.02% และ 0.33% ตามลำดับค่ะ ซึ่งจุดอ่อนของดาวโจนส์ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกระแสความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเริ่มจางลง ประกอบกับการจับตาการประชุมธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงการแถลงผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะทยอยเปิดเผยในสัปดาห์นี้ค่ะ

แม้ว่าตลาดโดยรวมจะได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังเรื่อง AI และผลประกอบการที่ยังแข็งแกร่ง แต่ดาวโจนส์กลับถูกกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่บางตัวที่อ่อนตัวลงค่ะ โดยหุ้นที่ลดลงแรงที่สุดในกลุ่ม คือ Travelers Companies (TRV) ที่ร่วงลงถึง 2.35% ตามด้วย Amgen (AMGN) ลดลง 1.72% และ Verizon (VZ) ลดลง 1.67% ซึ่งการปรับลงของหุ้นเหล่านี้ได้พลิกกลับผลบวกจากหุ้นตัวอื่นไปพอสมควรค่ะ

อย่างไรก็ดี ยังมีหุ้นบางตัวในดัชนีดาวโจนส์ที่แสดงความแข็งแกร่ง เช่น Nike (NKE) ที่พุ่งขึ้นถึง 3.89% หลังจากที่ J.P. Morgan ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “น้ำหนักมากกว่าตลาด” (Overweight) พร้อมแนะนำให้นักลงทุน “ซื้อไว้” ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวที่เริ่มชัดเจนค่ะ อีกทั้ง Nvidia (NVDA) ยังเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่โดยเพิ่มขึ้น 1.87% และ Boeing (BA) ก็เพิ่มขึ้น 1.42% ทะลุระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์อีกครั้ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นในภาคอุตสาหกรรมค่ะ

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นรายตัวที่น่าสนใจ เช่น Advanced Micro Devices (AMD) ที่เพิ่มขึ้น 4.33% ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ และ Tesla (TSLA) ที่พุ่งขึ้น 4% หลังประกาศดีลผลิตชิปกับ Samsung มูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน Cisco Systems (CSCO) ลดลงเกือบ 2% หลังถูก Evercore ปรับลดอันดับเนื่องจากมองว่า Upside ของหุ้นมีจำกัดค่ะ

ทั้งนี้ ถึงแม้บรรยากาศโดยรวมจะเป็นบวก แต่ความกังวลยังคงอยู่ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ได้ประกาศข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงนี้ประกอบด้วยการกำหนดอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่ 15% ต่ำกว่าที่เคยขู่ไว้ที่ 30% นอกจากนี้ EU ยังตกลงที่จะนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 750 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนในสินค้าสหรัฐฯ รวมถึงยุทโธปกรณ์อีก 600 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าการไม่มีเอกสารทางการ อาจส่งผลให้ข้อตกลงนี้ไม่ยั่งยืนในระยะยาวค่ะ

ในขณะเดียวกัน การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งที่กรุงสตอกโฮล์ม โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะขยายระยะเวลาพักรบทางภาษีออกไปอีก 90 วัน ซึ่งการพักรบเดิมมีกำหนดหมดอายุในวันที่ 12 สิงหาคมค่ะ โดยทางสื่อ South China Morning Post รายงานว่าการเจรจาครั้งนี้ ยังรวมถึงประเด็นโครงสร้างเชิงอุตสาหกรรมของจีน เช่น ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน เป็นต้น และยังไม่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการเก็บภาษีใหม่ในช่วงนี้ค่ะ

นักลงทุนในขณะนี้จึงหันมาจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยจะสิ้นสุดในวันพุธนี้ แม้ว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.5% แต่ตลาดจะจับตาสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหรือธันวาคมค่ะ ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อ โดยเฉพาะดัชนี PCE ประจำเดือนมิถุนายน และข้อมูลตลาดแรงงานที่กำลังจะเปิดเผย เช่น รายงาน JOLTS ตัวเลขจ้างงาน ADP และ Nonfarm Payrolls ประจำเดือนกรกฎาคม ก็จะมีผลต่อทิศทางตลาดอย่างมากค่ะ

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนต้องเผชิญ คือ การแถลงผลประกอบการของบริษัทใน S&P 500 กว่า 150 แห่งในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะกลุ่ม “Magnificent Seven” อย่าง Meta, Microsoft, Apple และ Amazon ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI ซึ่งเป็นธีมหลักของการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคในปีนี้ค่ะ และนอกจากกลุ่มเทค ยังมี Visa และ Mastercard ที่เตรียมรายงานผล ซึ่งจะช่วยบ่งชี้ถึงพลังการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ค่ะ

อย่างไรก็ดี แม้ดาวโจนส์จะติดลบเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ยังคงมองบวกกับตลาดในภาพรวม โดยคาดการณ์ว่า ดัชนีหลักอื่น ๆ อย่าง S&P 500 อาจแตะระดับ 7,200 จุดภายในกลางปี 2026 จากแรงหนุนของผลประกอบการที่ดีขึ้น การลงทุนด้าน AI และโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าค่ะ โดยการอ่อนตัวของดาวโจนส์ในครั้งนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนก่อนเข้าสู่สัปดาห์แห่งการตัดสินใจ ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางระยะต่อไปค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 29 กรกฎาคม 2025

ปัจจุบันดัชนี US30 กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 44,880 จุด หากดัชนียังสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะทะลุไปยังช่วง 45,000–45,050 จุด และอาจต่อเนื่องไปถึงแนวต้านถัดไปที่ 45,300–45,500 จุดค่ะ

อย่างไรก็ดี หากแนวต้านดังกล่าวยังแข็งแกร่งเกินไป อาจมีแรงขายทำกำไรกลับลงมา โดยแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 44,700 จุด และหากแรงขายเพิ่มขึ้น อาจถอยลงมาที่แนวรับถัดไปที่ 44,500–44,300 จุดได้ค่ะ

ในด้านอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรง แสดงถึงแรงขายในรอบสั้น ๆ ขณะที่เส้นระยะยาวอย่าง 100 และ 200 วัน ยังคงสะท้อนโครงสร้างตลาดที่แข็งแรงในภาพรวมอยู่ค่ะ

โดยสรุปแล้ว ถ้าดัชนีปิดเหนือ 45,000 จุดได้อย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณว่า ขาขึ้นยังเดินหน้าต่อไปได้ถึง 45,200–45,500 จุด แต่หากไม่ผ่านแนวต้านนี้ ก็อาจถอยลงมาทดสอบบริเวณ 44,700–44,500 จุด โดยระดับล่างสุดของช่วงราคาใกล้ 44,150 ถือเป็นแนวรับที่มีความสำคัญค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)

  • แนวรับสำคัญ : 44756.4, 44662.6, 44510.6
  • แนวต้านสำคัญ : 45060.4, 45154.2, 45306.2

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Nike (NKE) : ปรับตัวขึ้นเกือบ 3.9% หลังจากได้รับการปรับคำแนะนำที่ดีขึ้นจากนักวิเคราะห์ และทะลุแนวต้านบริเวณ $77.50 ซึ่งถือเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่น่าสนใจค่ะ แม้ว่าแนวโน้มระยะยาวจะยังดูเป็นบวก แต่สัญญาณระยะสั้นยังมีความหลากหลายอยู่บ้าง โดย RSI อยู่ในโซนกลางที่ประมาณ 47.5 และทั้ง MACD กับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นก็ยังแสดงแรงกดดันขาลงในบางส่วน โดยเป้าหมายราคาหุ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าถูกประเมินไว้ระหว่าง $78 ถึง $93 ซึ่งแปลว่าหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นในระดับปานกลางถึงมาก ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุนค่ะ
  • NVIDIA (NVDA) : ยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลแถว $176–177 แม้ว่า RSI จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าสู่เขต Overbought แปลว่ายังมีโอกาสไปต่อได้อีกค่ะ ซึ่งเป้าหมายระยะสั้นอยู่ใกล้ ๆ ระดับ $178 และในกรณีที่แรงซื้อยังเดินหน้าต่อเนื่อง นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าอาจเห็นราคาขยับไปถึง $300 ได้ภายในสิ้นปีนี้เลยค่ะ
  • Boeing (BA) : ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ซึ่งแรงหนุนมาจากปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ที่ตั้งเป้าราคาใหม่ไว้ที่ประมาณ $266 โดยปัจจุบัน ราคากำลังทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ $235–$237 ถ้าผลประกอบการในไตรมาสถัดไปออกมาดี และสนับสนุนภาพฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดไว้ เป้าหมายทางเทคนิคถัดไปจะอยู่ในช่วง $260–$270 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่แข็งแกร่งและบรรยากาศเชิงบวกในตลาดก็ยังช่วยเสริมแนวโน้มขาขึ้นให้กับหุ้นตัวนี้อีกแรงค่ะ
  • Advanced Micro Devices (AMD) : ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น หลังจากราคาพุ่งกว่า 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามกระแสเชิงบวกจากการปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากหลายโบรกเกอร์ ซึ่งให้เป้าราคาระยะ 12 เดือนที่ $200 หากการเปิดตัวชิปประสบความสำเร็จในการเจาะตลาด AI GPU ที่ครองโดย Nvidia ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงอยู่ในแดนบวก RSI ปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้เขต Overbought อาจทำให้ราคาหุ้นเข้าสู่ช่วงพักฐานได้ในระยะสั้น แม้ว่าสัญญาณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะกลางและระยะยาวยังคงเป็นบวก โดยระดับแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ $175.0 และระดับถัดไปที่ $181.5 ส่วนแนวรับอยู่ที่ $168.5 และ $165 โดยมีแนวลึกที่ $159 หากมีการพักตัวแรง
  • Tesla (TSLA) : ดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากร่วงลงไปแตะระดับต่ำกว่า $300 หลังการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าคาด ปัจจุบันราคาฟื้นตัวจากแรงที่ซื้อกลับเข้ามา หลังจาก Elon Musk ส่งสัญญาณว่าการส่งมอบรถ Cybertruck จะเร่งตัวในครึ่งหลังของปี โดยในเชิงเทคนิค MACD พลิกกลับมาเป็นบวกเล็กน้อย ขณะที่ RSI ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Overbought ซึ่งแนวต้านจะอยู่ที่ $330 และ $340 ขณะที่แนวรับจะอยู่ที่ $318 และ $310 โดยรูปแบบราคาปัจจุบันอาจนำไปสู่การ Breakout รุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้ค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 44426.4 – 44756.4 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 44756.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45079.6 และ SL ที่ประมาณ 44261.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 45060.4 – 45390.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45477.4 และ SL ที่ประมาณ 44591.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 45060.4 – 45390.4 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 45060.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44681.8 และ SL ที่ประมาณ 45555.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 44426.4 – 44756.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44284.0 และ SL ที่ประมาณ 45225.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Recent Post
บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 30 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ AUDUSD วันที่ 30 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์ทองคำ 29 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 29 กรกฎาคม 2025

ในบทวิเคราะห์นี้ จะศึกษาภาพรวมปัจจัยพื้นฐานและภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำ จะมีจุดน่าเข้าซื้อหรือน่าขายจุดไหนบ้าง? บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้มีคำตอบ!

บทวิเคราะห์คู่เงิน USDRUB 29 กรกฎาคม 2025
บทวิเคราะห์ USDRUB วันที่ 29 กรกฎาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDRUB ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy