ก่อนหน้านี้ มีการนำเสนอข่าวอย่างหนาหูว่า ไทยจะมีการเก็บภาษีขายหุ้นเข้าคลังเพิ่มเติม โดยจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราคงที่ 0.05% – 0.10% แต่มันคืออะไรกันแน่? นักลงทุนทุกคนต้องเสียไหม? คุณน้าจะพาไปทำความรู้จัก กลุ่มที่ได้รับการยกเว้น, กลุ่มที่ต้องเสีย ตลอดจนการคำนวณภาษีกันค่ะ
ภาษีขายหุ้น คืออะไร?
ภาษีขายหุ้น (Financial Transaction Tax) หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ การจัดเก็บภาษีสำหรับการขายหุ้นในตลาดหุ้นเพิ่มเติม โดยที่ภาษีส่วนนี้จะไม่รวมอยู่ในภาษีกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain Tax) และภาษีจากเงินปันผล (Dividend Tax) ซึ่งเป็นเงินได้ของนักลงทุนค่ะ
หากให้อธิบายง่าย ๆ เลยก็คือ ภาษีขายหุ้นจะถูกเก็บ “ขณะทำรายการขายหุ้น” โดยจะคิดจากรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของการขาย แต่ภาษีกำไรจากการขายหุ้นจะถูกเก็บเมื่อมีรายได้ “หลังจากทำการขายหุ้น” นั่นเองค่ะ
![ภาษีขายหุ้น คืออะไร เก็บเมื่อไหร่ กระทบใครบ้าง?](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2022/12/tax-1024x683.jpg)
ภาษีขายหุ้นในอดีต
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยมีภาษีขายหุ้นมาก่อนค่ะ เพียงแต่ในขณะนั้นเรียกว่า ‘ภาษีการค้าสำหรับรายรับจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ‘ โดยมีการเก็บภาษีในอัตรา 0.1% มาตั้งแต่ปี 2521 และได้รับการยกเว้นไปในปี 2525 จากนั้น มีการนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งในปี 2534 ก่อนจะได้รับการยกเว้นในปี 2535 จนถึงปัจจุบันค่ะ
โดยเหตุผลที่ทำให้มีการยกเว้นภาษีขายหุ้นมาถึงปัจจุบัน คือ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะผู้ร่วมตลาดต่างกังวลว่า ภาษีขายหุ้นจะทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่น่าสนใจ และผลักให้คนออกไปลงทุนในต่างประเทศค่ะ
ภาษีขายหุ้นในปัจจุบัน 2566
สำหรับข่าวการเก็บภาษีขายหุ้นในปัจจุบัน เป็นที่ถกเถียงกันมาสักพัก และร้อนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งดูเหมือนว่า เสียงแย้งจะมากกว่าเสียงเห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลอยู่ดี เพราะกระทรวงการคลังได้เดินหน้าจัดเก็บภาษีขายหุ้นตามที่ ครม.อนุมัติเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า จะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม 2566 ค่ะ โดย รมว. การคลัง ให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมให้กับรัฐ แม้ว่าอาจทำให้สภาพคล่องของตลาดลดลงไปก็ตามค่ะ
![ภาษีขายหุ้น คืออะไร เก็บเมื่อไหร่ กระทบใครบ้าง?](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2022/12/finance-accounting-1024x683.jpg)
การคำนวณภาษีขายหุ้น
เรามาดูรายละเอียดของข้อบังคับรอบนี้กันค่ะว่า นักลงทุนต้องเสียภาษีเท่าไหร่M
- ช่วงปี 2566 จะมีการเก็บภาษีเพียงครึ่งเดียว คือ 0.055% (รวมภาษีท้องถิ่น) จากยอดขาย ซึ่งหากนำตัวเลขนี้มารวมกับค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ 0.15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% สรุปแล้ว นักลงทุนต้องเสียภาษีรวม 0.195%
- ช่วงปี 2567 จะมีการเก็บภาษีเต็มอัตราที่ 0.11% (รวมภาษีท้องถิ่น) จากยอดขาย ซึ่งหากนำตัวเลขนี้มารวมกับค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ 0.15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% สรุปแล้ว นักลงทุนต้องเสียภาษีรวม 0.22%
* Note : คุณน้าชวนรู้! ภาษีท้องถิ่น คือ ภาษีที่จัดเก็บโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่นั้น ๆ ผ่านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีป้ายค่ะ
นั่นหมายความว่า ปีหน้าเราจะเสียภาษีแบบลดราคา 50% ขณะที่ปีถัดไปเราต้องเสียภาษีแบบเต็มราคานั่นเองค่ะ แม้จะมีการขายหุ้นแค่ 100 บาท ก็ต้องเสียภาษีนะคะ
ตัวอย่างเช่น ปีหน้า คุณน้าขายหุ้น 100 บาท คุณน้าก็จ่ายภาษีขายหุ้นเพียงครึ่งราคา หรือก็คือ 0.055 บาท แต่หากเป็นปีถัดไปที่ต้องเสียเต็มราคา คุณน้าก็ต้องเสียภาษีขายหุ้นที่ราคา 0.11 โดยราคาที่กล่าวไปนี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ และภาษีมูลค่าเพิ่มค่ะ
จากการจัดเก็บภาษีขายหุ้นครั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ปีหน้าจะสามารถเก็บได้ถึง 8,000 ล้านบาท ส่วนปีถัดไปเกือบ 20,000 ล้านบาทค่ะ นับเป็นเม็ดเงินอย่างมหาศาลทีเดียวที่จะไหลเข้ารัฐ ดังนั้น มันจึงเป็นที่ถกเถียงกันค่ะ
![ภาษีขายหุ้น คืออะไร เก็บเมื่อไหร่ กระทบใครบ้าง?](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2022/12/investor-1024x683.jpg)
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาษีขายหุ้น
1) นักลงทุนรายย่อย – สถาบัน
หากมีการเก็บภาษีขายหุ้น แน่นอนว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือ “นักลงทุน” ค่ะ โดยเฉพาะนักลงทุนสายเก็งกำไร, สายเดย์เทรด, นักลงทุนสถาบัน และกลุ่มที่ใช้โปรแกรมซื้อขาย (High-frequency Trading: HFT) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 20% – 30% ของการซื้อขายต่อวันค่ะ
เพราะมันจะทำให้ต้นทุนการซื้อขายของนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่มีค่าคอมมิชชันอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีข้อกังวลเรื่องต้นทุนการระดมทุน (Cost of Capital) ที่จะสูงขึ้น และต้นทุนภาษีที่ซ้ำซ้อน (Double Taxation) ในผลิตภัณฑ์การลงทุนบางประเภท เช่น ETF, Derivative Warrant และ Single Stock Futures ด้วยค่ะ
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายหุ้น รวมถึงสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องของนักลงทุน ซึ่งอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เช่น การลงทุนเพื่อการออมเป็นหลักค่ะ โดยมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าการซื้อขายอาจลดลงถึง 30% – 40%
2) นักลงทุนชาวต่างชาติ
นอกจากนักลงทุนภายในที่หายไปแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือ “นักลงทุนชาวต่างชาติ” ค่ะ เพราะอย่าลืมนะคะว่า เม็ดเงินที่ไหลเวียนในตลาดทุนไทยส่วนใหญ่มาจากต่างชาติเกือบครึ่งหนึ่ง ดังนั้น หากมีการเก็บภาษีขายหุ้น นักลงทุนชาวต่างชาติและเม็ดเงินจากส่วนนี้ก็จะหายไปเยอะเช่นกัน ซึ่งมันจะกระทบต่อสภาพคล่อง ศักยภาพตลาดหุ้นไทย รวมถึงเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไปค่ะ
3) ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
อีกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือ “นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์” ที่อาจจะมีผลประกอบการลดลง จนต้องลดค่าคอมมิชชันลงเพื่อโน้มน้าวนักลงทุนเพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ค่ะ
![ภาษีขายหุ้น คืออะไร เก็บเมื่อไหร่ กระทบใครบ้าง?](https://www.tradewithauntie.com/wp-content/uploads/2022/12/fund-1024x683.jpg)
กลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีขายหุ้น
- ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ
- สำนักงานประกันสังคม
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
- กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
- กองทุนการออมแห่งชาติ
- กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมแก่สำนักงานประกันสังคม หรือกองทุนอื่น ๆ ตามข้อ 3-7
ในช่วงที่ผ่านมา มีการถกเถียงเกี่ยวกับผู้ได้รับการยกเว้นภาษีขายหุ้นเป็นจำนวนมากค่ะ เพราะมีการรายงานข่าวว่า นักลงทุนรายใหญ่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น คือ ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) กับกองทุนบำนาญ ทั้งนี้ การยกเว้นให้แก่ Market Maker ก็เพื่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ค่ะ
สรุป ภาษีขายหุ้น
โดยสรุปแล้ว ภาษีขายหุ้น ก็คือ ภาษีเพิ่มเติมที่มีการจัดเก็บขณะทำการขายหุ้น นอกเหนือจากค่าคอมมิชชัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีกำไรจากการขายหุ้น และภาษีจากเงินปันผลค่ะ ซึ่งการจัดเก็บภาษีนี้จะทำให้เพิ่มต้นทุนในการขายหุ้นแก่นักลงทุน อันจะกระทบต่อนักลงทุนทั้งภายในและภายนอก ธุรกิจนายหน้า รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในอนาคตค่ะ
ดังนั้น การจัดเก็บภาษีขายหุ้นแม้จะผ่านมติแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่า มันจะกระทบต่อตลาดทุนไทยแค่ไหน เพราะแม้แต่เพื่อนร่วมภูมิภาคของเราก็ยังยกเว้นภาษีขายหุ้น หรือเลือกเก็บเฉพาะส่วน เพื่อดึงดูดความน่าสนใจในการลงทุนของประเทศ แล้วไทยจะกลับมายกเว้นการจัดเก็บภาษีดังกล่าวอีกครั้งหรือไม่ ทุกคนคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ?
ขอบคุณข้อมูลจาก : iTax, The Standard, Thairath, กรุงเทพธุรกิจ
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge