Time Frame หรือที่เทรดเดอร์เรียกกันสั้น ๆ ว่า TF ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, ทองคำ หรือ Cryptocurrency ซึ่งแต่ละ TF จะแสดงแนวโน้มและจังหวะการซื้อขายต่างกัน ดังนั้น คุณน้าจึงอยากพาเทรดเดอร์มือใหม่ทุกคน มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Time Frame เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ตามสไตล์การเทรดและกลยุทธ์ของตนเองค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย…
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Time Frame (TF) คืออะไร?
Time Frame (TF) คือ กรอบเวลาหรือระยะเวลาที่เทรดเดอร์ทำการตั้งค่าไว้ เพื่อดูหรือวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟนั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วกรอบเวลา จะมีกรอบเวลาวัดเป็นนาที (M), ชั่วโมง (H), วัน (D), สัปดาห์ (W) และเดือน (MN) ขึ้นอยู่กลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์ค่ะ
ปกติแล้วแท่งเทียน (Candlestick) จะแสดงราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด ในช่วงเวลานั้น ๆ โดย Time Frame ที่สั้นก็จะแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ละเอียดมาก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่จับจังหวะเร็ว แต่อาจเกิดสัญญาณหลอกค่อนข้างบ่อย ทำให้ต้องมีการดูกราฟใน Time Frame ที่กว้างขึ้นเพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมของราคาระยะยาวและลดโอกาสในการเจอสัญญาณหลอกค่ะ
ความหมายของแต่ละ Time Frame
สำหรับกรอบเวลาของ Time Frame สามารถแบ่งออกมาได้หลากหลาย โดย TF ที่เทรดเดอร์นิยมใช้และพบบ่อย ๆ มีดังนี้
- M (Minute): หน่วยนาที เช่น M1 (1 นาที), M5 (5 นาที), M15 (15 นาที) และ M30 (30 นาที)
- H (Hour): หน่วยชั่วโมง เช่น H1 (1 ชั่วโมง) และ H4 (4 ชั่วโมง)
- D (Day): รายวัน
- W (Week): รายสัปดาห์
- MN (Month): รายเดือน
ตัวอย่าง เช่น M1 หมายถึง แท่งเทียนจะเริ่มใหม่ทุก ๆ 1 นาที หรือ D1 หมายถึง แท่งเทียนจะมีการเริ่มใหม่ทุก ๆ 1 วันนั่นเองค่ะ
แต่ถึงแม้จะเป็นสินทรัพย์เดียวกันและช่วงระยะเวลาเดียวกัน แต่เมื่อดูใน Time Frame ที่แตกต่างกัน เทรดเดอร์จะได้รับมุมมองและแนวโน้มราคาที่แตกต่างกันไปค่ะ




การตั้ง Time Frame ใน MT5
การเลือก Time Frame ในโปรแกรม MT5 สามารถทำได้ ดังนี้
- เปิดโปรแกรม MT5
- คลิกที่แถบเครื่องมือ Time Frame ด้านบน
- เลือกหน่วยเวลาที่ต้องการ เช่น M1, M5, M15, M30, H1, H4, D1, W1 หรือ MN
- กราฟจะรีเฟรชและแสดงข้อมูลราคาตาม TF ที่เลือกทันที

คุณน้าขอแนะนำ
นอกจากการเลือก Time Frame ที่ใช่แล้ว การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานก็สำคัญไม่แพ้กัน! คุณน้าได้รวบรวมคำศัพท์จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนไว้ให้แล้ว คลิกอ่านเลยเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเทรดของคุณ!
การแบ่งช่วงเวลา Time Frame

จะเห็นได้ว่า TF มีค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกใช้หรือสลับ TF ได้ตลอดตามสถานการณ์หรือสไตล์การเทรดค่ะ โดยเทรดเดอร์สามารถแบ่งช่วงเวลา Time Frame ให้แตกต่างกันได้ แต่กรอบเวลาที่เทรดเดอร์นิยมใช้จะแบ่งช่วงออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
1. High Time Frame
การใช้ Time Frame ที่มีช่วงเวลานานนั้นเหมาะสำหรับดูภาพรวมและแนวโน้มหลักของตลาด ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการเทรดในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูกราฟตลอดเวลา
การใช้ TF ระยะยาวเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเน้นจับจังหวะการซื้อขายอย่างรอบคอบและต้องการวางแผนเพื่อเข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยการใช้ Time Frame ระยะนี้จะช่วยลดความเครียดจากความผันผวนระยะสั้นและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจที่มั่นคงมากขึ้นสำหรับการสร้างผลกำไรในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น
โดย High Time Frame หรือ TF ระยะยาว ได้แก่ H4, D1, W1 หรือ MN
ข้อดีข้อเสียของ High Time Frame
ข้อดี
- ช่วยให้เห็นแนวโน้มหลักชัดเจน
- ให้สัญญาณเทรดน้อย แต่มีความแม่นยำกว่า TF ระยะสั้น
- ช่วยลดการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์
- ใช้เวลาติดตามกราฟน้อย ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
ข้อเสีย
- ต้องอดทนเพื่อรอสัญญาณค่อนข้างนาน
- ต้องตั้ง Stop Loss กว้างขึ้น เพื่อรองรับการแกว่งตัวของราคาที่มีช่วงระยะเวลานานขึ้น
- ใช้เงินทุนเยอะ เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับความผันผวนจากรอบเวลาที่ยาวขึ้น
2. Low Time Frame
การใช้ Time Frame ที่มีช่วงเวลาสั้น เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเน้นทำกำไรระยะสั้น โดยเทรดเดอร์ที่ใช้กรอบเวลานี้มักต้องเฝ้าหน้าจออย่างต่อเนื่องเพื่อจับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาแบบเรียลไทม์
การเทรดใน TF ระยะสั้นเหมาะกับผู้ที่ชอบการเทรดแบบเร็ว ตัดสินใจและเปิด-ปิดออเดอร์ในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อสะสมกำไรทีละน้อยแต่หลายครั้งตลอดทั้งวัน โดยการเทรดในกรอบเวลาสั้นนี้แม้จะมีโอกาสทำกำไรได้เร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนและสัญญาณหลอก จึงต้องมีการวินัยและการจัดการความเสี่ยงที่ดีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
โดย Low Time Frame หรือ TF ระยะสั้น ได้แก่ M1, M5, M15, M30 และ H1
ข้อดีข้อเสียของ Low Time Frame
ข้อดี
- มีสัญญาณเทรดเกิดขึ้นบ่อย ช่วยให้มีโอกาสเข้าออเดอร์มากขึ้น
- เหมาะกับการทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะกับเทรดเดอร์สาย Day Trading และ Scalping ที่เน้นการเทรดเร็ว
- สามารถใช้ Stop Loss ที่แคบลง ช่วยจำกัดการขาดทุนต่อออเดอร์ได้ดี
ข้อเสีย
- เสี่ยงเกิด Over-Trading ได้ง่าย หากเทรดบ่อยเกินไปจนขาดวินัย อาจนำไปสู่การขาดทุน
- ต้องใช้เวลาเฝ้าหน้าจอและวิเคราะห์ตลาดมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีเวลาว่าง
- ในกรอบเวลาสั้น มักจะเกิด Noise หรือสัญญาณหลอกค่อนข้างบ่อย อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
การเลือก Time Frame ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด

การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเทรดเดอร์ต้องมีการพิจารณาตามสไตล์การเทรดและเป้าหมาย ดังนี้
1. TF สำหรับสาย Scalping
สำหรับสาย Scalping ซึ่งเน้นการเทรดระยะสั้นมาก ๆ เช่น การเปิด-ปิดออเดอร์บ่อยครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อเก็บกำไรเล็กน้อยแต่สะสมบ่อย ๆ จะเหมาะกับ Time Frame ที่สั้น เช่น M1, M5 หรือ M15 เพราะสามารถจับจังหวะราคาได้รวดเร็วและทันต่อการเปลี่ยนแปลงค่ะ
2. TF สำหรับสาย Day Trading
สำหรับสาย Day Trading ซึ่งเน้นเปิด-ปิดออเดอร์ภายในวันเดียวโดยไม่ถือข้ามคืน เหมาะกับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดตลอดวัน ควรใช้ Time Frame M30 หรือ H1 เพราะช่วยให้เห็นแนวโน้มหลักของวันและจังหวะการเข้าออกที่เหมาะสม
เทคนิคการเลือกโบรกเกอร์ Forex
หากเทรดเดอร์มือใหม่ต้องการเรียนรู้การเป็นเทรดเดอร์รายวัน (Day Trade) แบบละเอียด ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี? หรือวิเคราะห์ว่าตนเองเหมาะสำหรับการเป็นเทรดเดอร์แบบ Day Trading หรือไม่ คุณน้าแนะนำให้อ่านบทความนี้ค่ะ
3. TF สำหรับสาย Swing Trading
สำหรับสาย Swing Trading ที่ถือออเดอร์ข้ามวันและเน้นการเก็บจังหวะการเทรดในแนวโน้มใหญ่ อาจไม่ต้องเฝ้ากราฟบ่อยนัก เหมาะกับ Time Frame H4 หรือ D1 ซึ่งช่วยให้เห็นเทรนด์ที่ต่อเนื่องและมั่นคงมากขึ้นนั่นเองค่ะ
4. TF สำหรับสาย Position Trading
สำหรับสาย Position Trading เป็นการถือออร์เดอร์ระยะยาวเป็นสัปดาห์หรือเดือน โดยเน้นการมองแนวโน้มใหญ่และภาพรวมของตลาดโดยไม่ต้องติดตามกราฟบ่อย เหมาะกับการใช้ Time Frame W1 หรือ MN ที่สามารถวิเคราะห์เทรนด์ระยะยาวเพื่อวางแผนลงทุนได้อย่างมีระบบและใช้ข้อมูลภาพรวมประกอบการตัดสินใจ
เกร็ดความรู้! เลือก Time Frame ไหนดี?
สำหรับเทรดเดอร์ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกราฟได้ตลอดเวลาก็สามารถเลือกใช้ Time Frame ใดก็ได้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเทรดและกลยุทธ์ค่ะ แต่สำหรับเทรดเดอร์ที่มีเวลาจำกัดหรือไม่ค่อยมีเวลาในการเฝ้ากราฟ ควรจะเลือก Time Frame ที่กว้างขึ้น เช่น TF รายวัน เพื่อที่จะได้เข้ามาดูเพียงไม่กี่ครั้งต่อวัน และไม่ต้องกังวลกับความผันผวนจาก TF ระยะสั้นค่ะ สรุปง่าย ๆ ก็คือ การเลือก Time Frame ต้องพิจารณาจากเวลาที่มี ความสามารถในการติดตามตลาด รวมถึงความชอบและเป้าหมายของแต่ละคน การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมจะช่วยให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองค่ะ |

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
เทรด Cryptocurrency เลือก TF ไหนดี?
สำหรับการเทรด Cryptocurrency ที่มีความผันผวนสูง การเลือก Time Frame ควรสอดคล้องกับความชำนาญและสไตล์ของเทรดเดอร์ หากมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ สามารถใช้ Time Frame สั้นตั้งแต่ M5 ถึง M30 เพื่อหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนที่รวดเร็ว ส่วนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการวางแผนระยะยาว แนะนำให้ใช้ Time Frame ที่ยาวขึ้น เช่น H1 หรือ D1 เพื่อมองแนวโน้มหลักของตลาด ลดการเกิดสัญญาณหลอก และทำให้สามารถวางกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า การเลือก Time Frame ที่เหมาะสมกับระดับความชำนาญและเวลาที่มีจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จและลดความเครียดในตลาดคริปโตได้ดียิ่งขึ้น
*หมายเหตุ : การใช้ Time Frame ระยะสั้นสามารถหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนได้รวดเร็ว แต่ก็มีโอกาสในการขาดทุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น ควรใช้ความระมัดระวังในการเทรดนะคะ
เทรดทองเลือก TF ไหนดี?
สำหรับการเทรดทอง หากคุณเป็นสายเทรดระยะสั้นหรือ Day Trade ที่ต้องการเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละวัน Time Frame ที่เหมาะสมจะอยู่ที่กรอบ 15 นาที (M15), 30 นาที (M30) และ 1 ชั่วโมง (H1) เพราะสามารถเห็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนและตอบสนองต่อความผันผวนได้ทันที ช่วยให้จับจังหวะเข้าออกออเดอร์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับมือใหม่ หากต้องการดูภาพรวมและฝึกวิเคราะห์เทรนด์ควรเริ่มที่ H4 หรือ D1 ก่อน แล้วจึงค่อยซูมดูจุดเข้าออกในกรอบ M15 หรือ M30 เพื่อเพิ่มความแม่นยำ สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ชอบเทรดสั้นหรือเทรดในช่วงตลาดผันผวนสูง M15, M30 และ H1 จะตอบโจทย์เรื่องความเร็วและโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองได้ดีที่สุดค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Time Frame (TF)
เทรดทองใช้ Time Frame ไหนดี?
การเทรดทองสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ แนะนำให้ดูจากภาพรวม Time Frame ใหญ่ อาทิ H4 หรือ D1 เพื่อดูแนวโน้มเทรนด์ของราคาทองคำก่อน จากนั้นค่อยซูมเข้าเพื่อดู TF ระยะสั้น อาทิเช่น M15 หรือ M30 เพื่อหาจุดเข้าออกที่เหมาะสม แต่สำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สามารถใช้ได้ทั้ง Time Frame ระยะสั้นและระยะยาว ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดค่ะ
Time Frame Day คืออะไร?
Time Frame Day หรือ Time Frame รายวัน (D1) คือ ช่วงเวลาที่ใช้วิเคราะห์กราฟโดยแท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงข้อมูลราคาภายในระยะเวลา 1 วันเต็มและจะเริ่มแท่งใหม่ทุก ๆ 1 วันค่ะ
Time Frame Week คืออะไร?
Time Frame Week หรือ Time Frame รายสัปดาห์ (W1) คือ ช่วงเวลาที่ใช้วิเคราะห์กราฟโดยแท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงข้อมูลราคาภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็มและจะเริ่มแท่งใหม่ทุก ๆ 1 สัปดาห์ค่ะ
Time Frame M1 และ M5 ในการเทรดฟอเรกซ์ต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างระหว่าง M1 และ M5 ในการเทรดฟอเรกซ์ คือ ระยะเวลาของกรอบเวลา ซึ่ง M1 หมายถึงกราฟแท่งเทียนที่รีเฟรชข้อมูลทุก 1 นาที ส่วน M5 คือ กรอบเวลาที่แท่งเทียนจะรีเฟรชข้อมูลทุก 5 นาที
สรุปกรอบเวลา (TF) คืออะไร
Time Frame หรือที่เทรดเดอร์มักเรียกย่อ ๆ ว่า TF คือ กรอบเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์และติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟ ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, ทองคำ หรือ Cryptocurrency โดย TF แต่ละแบบจะแสดงภาพรวมของราคาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้เทรดเดอร์เห็นแนวโน้มและจังหวะการซื้อขายในมุมมองที่ต่างกัน
ด้วยเหตุนี้ เทรดเดอร์มือใหม่จึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Time Frame ให้ชัดเจน เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและกลยุทธ์ของตนเอง เมื่อเลือกใช้ Time Frame อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และลดความเสี่ยงในการเทรดได้มากขึ้น
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge