พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงต้นปี 2025 เริ่มต้นได้ดีกว่าที่คาดไว้ โดยขยายตัว 0.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากตัวเลข 0.1% ที่รายงานไว้ช่วงปลายปี 2024 ค่ะ ซึ่งตัวเลขที่เหนือความคาดหมายนี้ดีเกินกว่าที่ตลาดและธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดไว้ โดยมีแรงหนุนหลักจากการเติบโตในภาคบริการที่กระจายตัวทั่วทั้งระบบ และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากภาคธุรกิจค่ะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ราเชล รีฟส์ กล่าวชื่นชมตัวเลขนี้ว่าเป็นสัญญาณของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร พร้อมทั้งชี้ว่าอังกฤษมีการเติบโตแซงหน้าประเทศอื่นในกลุ่ม G7
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางอังกฤษเตือนว่า การเติบโตครั้งนี้อาจจะเป็นเพียงระยะสั้น ส่วนหนึ่งมาจากภาคธุรกิจที่เร่งออเดอร์ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เตรียมปรับใช้ แม้ว่าข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหรัฐฯ จะช่วยลดความกังวลได้บางส่วน โดยเฉพาะในสินค้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียม แต่ภาษีนำเข้าระดับ 10% ที่ยังใช้กับสินค้าส่วนใหญ่จากอังกฤษก็ยังคงเป็นความเสี่ยงค่ะ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 1% ตลอดปี 2025 และค่อยๆ ขยับขึ้นเป็น 1.5% ภายในปี 2027 ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณความตึงตัว อัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.5% ในเดือนมีนาคม และแม้การเติบโตของค่าจ้างจะยังอยู่ในระดับสูงที่ 5.6% แต่ก็เริ่มชะลอลงค่ะ อีกทั้ง นายจ้างหลายรายเริ่มระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้ตำแหน่งงานว่างและจำนวนลูกจ้างในระบบลดลง ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ BoE ฮิว พิลล์ เตือนว่า โครงสร้างการปรับค่าจ้างและราคาสินค้าแบบใหม่อาจทำให้เงินเฟ้อฝังรากลึกมากขึ้น และอาจต้องใช้มาตรการการเงินที่เข้มงวดขึ้น หรือคงอัตราไว้นานกว่าที่คาดไว้ค่ะ
ทางด้านราเชล รีฟส์เองก็เผชิญกับเสียงวิจารณ์เรื่องการขึ้นภาษีธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม หรือการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่เริ่มมีผลในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีเจตนาเพื่อสร้างความมั่นคงทางการคลัง แต่ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจได้ค่ะ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษและกระทรวงการคลังก็ยังต้องรับมือกับผลกระทบจากโครงการซื้อพันธบัตรในช่วงวิกฤตโควิด ที่อาจสร้างภาระขาดทุนสูงถึง 120 พันล้านปอนด์ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนไปใช้ระบบสำรองเงินแบบรีโป (repo-based reserve system) คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้และลดภาระทางการคลังในระยะต่อไปค่ะ
ในทางตรงกันข้าม ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังและสัญญาณด้านนโยบายที่ขัดแย้งกัน ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ โดยยอดค้าปลีกในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เทียบกับเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้นแรงจากการเร่งซื้อสินค้าล่วงหน้าก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีค่ะ
ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.5% ซึ่งเป็นการลดลงที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะในภาคบริการอย่างสายการบินและโรงแรม แสดงถึงความต้องการที่อ่อนแรงลง ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐานก็ลดลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2023 และดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ก็อ่อนตัวลงเช่นกัน โดยลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2021 ทำให้ตลาดยิ่งมั่นใจว่าเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนค่ะ
ขณะเดียวกัน แม้อัตราการขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงที่ที่ 229,000 ราย แต่จำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับลดลง และระยะเวลาเฉลี่ยของการว่างงานก็เพิ่มขึ้นค่ะ ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ลดลงอย่างมากจากภาระภาษีและต้นทุนวัตถุดิบที่สูง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมทั้งประเภทคงทนและไม่คงทนก็หดตัวลงเช่นกันค่ะ
แม้ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อารมณ์ของตลาดจะเป็นบวกหลังจากที่สหรัฐฯ และจีนตกลงพักการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน แต่น้ำหนักของข้อมูลเงินเฟ้อและการเติบโตที่อ่อนแอทำให้ความเชื่อมั่นลดลงอีกครั้ง อีกทั้ง ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่สร้างความเชื่อมั่นใด ๆ ขณะที่ผู้ว่าการไมเคิล บาร์ก็ยอมรับว่า แม้เศรษฐกิจจะยังมีเสถียรภาพ แต่ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้ายังคงเป็นความเสี่ยงค่ะ
นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงด้านการคลังก็เริ่มปรากฏชัดขึ้น ธนาคาร Deutsche Bank เตือนว่า การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น บวกกับการที่สภาคองเกรสไม่ยอมลดรายจ่ายภาครัฐ อาจทำให้ทั้งค่าเงินดอลลาร์และตลาดพันธบัตรของสหรัฐฯ อ่อนแอลง แม้จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น แต่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ยังมีแนวโน้มลึกขึ้น ซึ่งอาจเป็นภาระต่อตลาดโลกในการดูดซับพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ และกดดันแนวโน้มระยะยาวของดอลลาร์ต่อไปค่ะ
ทั้งนี้ ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น Goldman Sachs และ JPMorgan ได้ปรับลดประมาณการความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและรอบการลดดอกเบี้ยลง โดยเน้นการใช้ความระมัดระวังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในดอลลาร์ยังลดลงต่อเนื่อง ธนาคาร Bank of America รายงานว่า ดอลลาร์เผชิญกับการเริ่มต้นปีที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 และการขายชอร์ตดอลลาร์ได้กลายเป็นกลยุทธ์ที่คนถือกันมากที่สุดในปี 2025 นี้ค่ะ
ค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) แข็งค่าขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและแนวโน้มที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยชัดเจนกว่าจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแรง ข้อมูล GDP ที่แข็งแกร่งของอังกฤษ รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัว ทำให้ตลาดเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า BoE อาจชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป หรืออาจลดน้อยกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

กลางเดือนพฤษภาคม 2025 ค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นผลจากแรงส่งทางเศรษฐกิจมหภาคที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหรัฐฯ ค่ะ โดยเศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวอย่างเหนือความคาดหมายในไตรมาสแรกของปี 2025 ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวลงในไตรมาสเดียวกัน ช่องว่างทางการเติบโตนี้เองที่ทำให้นักลงทุนเริ่มโยกเงินไปยังเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มสดใสกว่าในระยะสั้น ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ค่ะ
ในมุมมองด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กลับเผชิญแรงกดดันให้เริ่มลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากข้อมูลเงินเฟ้อที่เริ่มอ่อนแรงและสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความคาดหวังว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน 2025 และยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ พร้อมส่งผลบวกต่อ GBP/USD ค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สนับสนุนการแข็งค่าของเงินปอนด์อีกด้วยค่ะ ความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงที่สถานะ “สกุลเงินสำรองของโลก” ของดอลลาร์อาจถูกกัดเซาะในระยะยาว ก็ยิ่งซ้ำเติมภาพลบต่อตลาดเงินดอลลาร์ค่ะ ในขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักรก็ได้รับประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าบางส่วนกับสหรัฐฯ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากภาษีนำเข้า และลดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าในวงกว้าง ทำให้บรรยากาศของภาคธุรกิจดูดีขึ้นค่ะ
ในด้านเทคนิค ค่าเงิน GBPUSD ยังคงมีโครงสร้างขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยทำจุดสูงสุดใหม่ และจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับประมาณ 64 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่ถึงระดับที่ถือว่า “ซื้อมากเกินไป” (overbought) ค่ะ
แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1.3350 และมีแนวต้านที่แข็งแกร่งระหว่าง 1.3430 ถึง 1.3450 หากสามารถทะลุกรอบนี้ได้สำเร็จ ก็อาจเปิดทางไปถึงระดับ 1.3600 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาและเทคนิค ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1.3250 และแนวรับถัดไปที่ 1.3175 และ 1.3110 โดยระดับ 1.3110 ถือเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และเป็นฐานของแนวโน้มขาขึ้นในปัจจุบันค่ะ
โดยสรุปแล้ว แนวโน้มของ GBPUSD ในช่วง 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในทิศทางขาขึ้นในระดับปานกลาง โดยกรอบการคาดการณ์อยู่ระหว่าง 1.3110 ถึง 1.3600 คุณน้าคาดว่าแนวโน้มหลักจะยังคงมุ่งหน้าไปที่ 1.3450 ได้ โดยมีแรงสนับสนุนจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร การเปลี่ยนมุมมองของตลาดต่อ Fed และโครงสร้างพื้นฐานของดอลลาร์ที่ยังเปราะบาง อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระวังค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งภายในเกี่ยวกับนโยบายภาษีของอังกฤษ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อาจยืดเยื้อ และความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดโลกที่อาจทำให้นักลงทุนกลับไปหาดอลลาร์ชั่วคราวในยามที่เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีกครั้ง
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 1.3270, 1.3254, 1.3230
- แนวต้านสำคัญ : 1.3318, 1.3334, 1.3358
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ GBPUSD
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3220 – 1.3270 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3270 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3331 และ SL ที่ประมาณ 1.3195 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3318 – 1.3368 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3395 และ SL ที่ประมาณ 1.3245 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3318 – 1.3368 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3318 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3267 และ SL ที่ประมาณ 1.3393 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3220 – 1.3270 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3203 และ SL ที่ประมาณ 1.3343 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge