สำหรับโลกแห่งการลงทุนของเรา คงปฏิเสธไม่ได้กันนะคะว่า มีหลายเหตุผลและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาแต่ละตราสาร ไม่ว่าจะเป็น นโยบายทางการเงิน, ข่าว, เศรษฐกิจ รวมไปถึงด้านการเมือง และการนำเข้าส่งออก วันนี้คุณน้าอยากจะพาทุกคนมารู้จักอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อราคาตราสารในทุกตลาดได้ นั่นก็คือ Market Sentiment นั่นเองค่ะ
ว่าแต่เจ้า Market Sentiment นี้คืออะไร ? มีผลอย่างไรต่อตลาดการลงทุน ? เราควรจะให้ความสนใจกับ Market Sentiment มากน้อยแค่ไหน ? บทความนี้มีคำตอบค่ะ

คำนิยามของคำว่า Sentiment
ในบริบทของตลาดการลงทุนนั้น “Sentiment” หมายถึงแนวทางความคิด และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาด ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงินค่ะ เป็นความรู้สึกหรืออารมณ์โดยรวมที่นักลงทุนและเทรดเดอร์มีต่อตลาดนั้น ๆ หรืออาจจะเป็นตราสารบางอย่าง ซึ่งก็จะมีมุมมองแตกต่างออกไป
Market Sentiment สามารถบ่งบอกได้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองทิศทางตลาดไปในเทรนด์ใด
เชื่อว่าตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้น : หากราคาไปในแนวโน้มขาขึ้น นั่นแปลว่าเทรดเดอร์และนักลงทุนที่มีทัศนคติเชิงบวกคาดว่าราคาจะสูงขึ้นตามค่ะ (อย่างในตลาดหุ้น เป็นต้น)
เชื่อว่าตลาดอยู่ในภาวะน่ากังวล : สิ่งนี้จะสะท้อนถึงความกังวลในตลาดค่ะ เพราะหากขาดความเชื่อมั่น อาจทำให้ตราสารราคาลดลงก็ได้เช่นกัน (แต่เมื่อตลาดมีความกังวล ส่วนใหญ่สินทรัพย์ปลอดภัยจะราคาขึ้นนะคะ)
ตลาดยังหาทิศทางไม่ได้ : ในกรณีนี้ เราจะเห็นได้เลยว่ากราฟจะไหลในแบบ Sideway ที่ค่อนข้างจะอึดอัดหัวใจสำหรับเทรดเดอร์หน่อย ๆ เพราะราคาจะวิ่งน้อยมาก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า Sentiment ของตลาดจะยังคงหาทิศทางไปไม่ได้ ซึ่งอาจกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมหรือสัญญาณที่ชัดเจนก่อน (อย่างเช่น ข่าว นั่นเอง) ที่จะตัดสินใจว่าตลาดไปในเทรนด์ไหนค่ะ

เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์มักจะใช้เครื่องมือและตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เพื่อวัดความเชื่อมั่นของตลาด เช่น แบบสำรวจ, ดัชนีความเชื่อมั่น, ข้อมูลการซื้อขาย Options และการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาช่วยเพื่อตัดสินใจว่า ทิศทางตลาดควรเป็นยังไง
*คำเตือน : ความเชื่อมั่นของตลาด หรือ Market Sentiment อาจไม่แน่นอนและผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่ความสวิงของกราฟราคา ดังนั้น เทรดเดอร์อย่าลืมตั้ง TP และ SL อยู่เสมอนะคะ
แล้วปกติ Market Sentiment มีผลมากน้อยแค่ไหน
ต้องบอกเลยค่ะว่า ปกติแล้วเราก็มักจะเจอกับ Market Sentiment อยู่แล้ว เพราะเมื่อมีปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารใด ๆ เข้ามา ตลาดก็มักจะมองไปในทิศทางเดียวกันเป็นส่วนใหญ่
แต่สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์พึงระวัง Market Sentiment ไว้ให้ดีก็คือ วันที่ไม่มีข่าวสำคัญ
ทำไมวันที่ไม่มีข่าวสำคัญเราควรระวัง Market Sentiment เป็นพิเศษ ?
เหตุผลที่ Market Sentiment จะมีผลมากในวันที่ไม่มีข่าว นั่นก็เป็นเพราะว่าเราต้องมาเดาทิศทางอารมณ์ของตลาดด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีข่าวชี้นำนั่นเองค่ะ
เราคงจะพอเห็นภาพว่า โดยปกติหากตัวเลขว่างงานออกมาสูง นั่นแปลว่าเศรษฐกิจอาจจะย่ำแย่กว่าเดิมเพราะมีคนว่างงานมากขึ้นใช่มั้ยล่ะคะ นั่นแปลว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอาจจะมั่นคงกว่าในแง่ของการลงทุน ซึ่งก็จะทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น นี่ก็เป็นตัวอย่างของการที่เรามองทิศทางจากข่าวและเศรษฐกิจค่ะ
ลองนึกภาพช่วงหรือวันที่ไม่มีข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นสิคะ นั่นแปลว่าเราไม่มีปัจจัยสำคัญชี้นำ และเราต้องมาเดาอารมณ์หรือความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดล้วน ๆ เลย
เหตุการณ์ควรระวังสำหรับ Market Sentiment

การเทขายเพราะความกังวลของตลาด หรือ Panic Sell
หมายถึงสถานการณ์ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกิดความกลัวและทัศนคติเชิงลบเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้น ๆ ค่ะ พฤติกรรมนี้ได้รับแรงผลักดันจากความเชื่อที่ว่าตลาดกำลังมุ่งหน้าไปสู่การลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือมูลค่าของสินทรัพย์กำลังจะดิ่งลงนั่นเอง การขายแบบตื่นตระหนกมักเกิดจากเหตุการณ์ที่ผิดคาด จนทำให้สินทรัพย์ที่เราถืออยู่นั้นดูไม่มีความน่าเชื่อถือ และต้องรีบเทขายเพื่อทำกำไร จนราคาลดต่ำลงค่ะ
การเข้าซื้อเพราะมีอุปทานสูง หรือ Serious Buy
คำนี้หมายถึงสถานการณ์ที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนแสดงพฤติกรรมการซื้ออย่างรุนแรงเพราะว่ามั่นใจในสินทรัพย์นั้น ๆ ค่ะ ซึ่งก็เกิดจากความเชื่อว่า ตลาดหรือสินทรัพย์เฉพาะเจาะจงถูกประเมินต่ำเกินไปหรือเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการรีบเข้าซื้อ เพราะราคาจะขึ้นสูงกว่านี้แน่นอน เราเลยเห็นแท่งสีเขียวยาว 8 เมตรอยู่เป็นประจำในช่วง Serious Buy ค่ะ
Market Sentiment มีในทุกตลาด
Market Sentiment มีในทุกตลาดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
ตลาดหุ้น : Market Sentiment เป็นปัจจัยสำคัญในตลาดหุ้นเลยค่ะ ซึ่งเทรดเดอร์และนักลงทุนจะตัดสินใจโดยพิจารณาจากแนวโน้มหุ้นรายตัว, ภาคส่วน หรือตลาดโดยรวม ข่าวเชิงบวก รายงานผลประกอบการ เป็นต้น
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ : สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ, น้ำมัน และสินค้าเกษตรก็ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อมั่นของตลาดเช่นกัน ปัจจัยต่าง ๆ เช่น พลวัตของอุปสงค์และอุปทาน, เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ก็เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ตลาดส่วนใหญ่จะเอนเอียงตามค่ะ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ : ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ Sentiment ของตลาด มีอิทธิพลต่อราคาและอุปสงค์ของอสังหาริมทรัพย์ได้ อย่างเช่นความเชื่อมั่นในโครงการ หรืออสังหานั้น ๆ นั่นเองค่ะ ถ้าหากมีความเชื่อมั่นสูง แน่นอนว่าราคาก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ตลาดสกุลเงินดิจิทัล : ตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้รับอิทธิพลจาก Sentiment ของตลาดค่อนข้างมากค่ะ เพราะเป็นตลาดที่มีปัจจัยต่อราคาแบบไม่แน่นอนมาก ๆ (บางทีก็ขึ้นอยู่กับบุคคลทรงอิทธิพลก็มี อย่าง Elon Musk)
ตลาด Forex : หนึ่งในไฮไลต์ของตลาดเลยค่ะ เพราะว่า Forex เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ Market Sentiment มีผลมาก อย่างที่เรารู้กันว่า ตลาด Forex เป็นตลาดที่ไหลตามข่าวค่อนข้างมาก และวันไหนที่เป็นวันที่ธนาคารหยุดทำการ หรือไม่ค่อยมีข่าวสำคัญ ก็จะทำให้ตลาดอิงตาม Sentiment ส่วนใหญ่ของนักลงทุนค่ะ
ตลาดตราสารหนี้ : แม้แต่ในตลาดตราสารหนี้ที่นักลงทุนมักให้ความสำคัญกับผลตอบแทนและความเสี่ยงมากกว่า Sentiment ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย, ความคาดหวังทางเศรษฐกิจ และการรับรู้ความน่าเชื่อถือทางเครดิตสามารถส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดตราสารหนี้ได้เหมือนกัน
สรุป
คุณน้าต้องขอบอกเลยว่า Market Sentiment เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนควรรู้จักไว้และไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะสามารถกำหนดทิศทางราคาหรือตลาดได้เลย ซึ่งอาจจะเป็นเทรนด์ใหญ่หรือเทรนด์เล็กก็ได้
และ Market Sentiment จะมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในวันที่ไม่มีข่าวหรือปัจจัยสำคัญชี้นำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการสวิงของราคาขึ้นได้ ทุกคนอย่าลืมกำหนดจุด TP และ SL ในการเปิดออเดอร์อยู่เสมอนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge