คงปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะว่า การวิเคราะห์สินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อทำกำไรนั้น การใช้ Indicator เข้ามามีส่วนช่วยถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เรามีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น วันนี้คุณน้าเลยอยากพาทุกคนมารู้จักหนึ่งใน Indicator ยอดนิยมอย่าง MACD กันค่ะว่า MACD คืออะไร มีวิธีดูและวิธีใช้อย่างไร มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

Indicator คืออะไร ?
Indicator คือเครื่องมือที่เทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและตัดสินใจอได้ดียิ่งขึ้น เกี่ยวกับการซื้อหรือขายสินทรัพย์ เพราะ Indicator จะช่วยระบุแนวโน้ม, รูปแบบ และจุดเข้าหรือออกที่มีโอกาสทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
สามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Indicator มากขึ้นได้ในบทความนี้
MACD คืออะไร ?

MACD (Moving Average Convergence Divergence) : MACD คือ ตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่ติดตามแนวโน้มซึ่งช่วยระบุการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ จุดสังเกตคือ MACD จะมีเส้นที่เป็น Signal และเส้น MACD ค่ะ รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 2 เส้น ซึ่งหากทั้ง 2 เส้นตัดกันแปลว่าจะมีการกลับตัวของราคาค่ะ
สำหรับใครที่มองหา Indicator ยอดนิยมอื่น ๆ สามารถตามอ่านได้ที่ : 5 Indicators ยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์
MACD เป็น Indicator ประเภทไหน ?
สำหรับ MACD นั้น จัดเป็น Indicator ประเภท Momentum Indicators (ตัวบ่งชี้โมเมนตัม) ซึ่งเป็นโมเมนตัมประเมินความเร็วและความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา ช่วยบ่งบอกเมื่อสินทรัพย์ถูกซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปนั่นเองค่ะ
รู้จัก 6 ประเภทยอดนิยมของ Indicator ได้ที่นี่
การใช้งาน MACD ในการวิเคราะห์

การคำนวณ
เส้น MACD : เส้น MACD คำนวณโดยการลบ Exponential Moving Average (EMA) 26 วันออกจาก EMA 12 วัน ผลลัพธ์คือเส้นที่สั่นรอบศูนย์ ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างระหว่าง EMA ระยะสั้นและระยะยาว
เส้นสัญญาณ : เส้นสัญญาณคือเส้น EMA 9 วันของเส้น MACD ช่วยสร้างสัญญาณการซื้อขายและช่วยให้เราดูสัญญาณได้ง่ายขึ้นค่ะ
Histogram (แท่งการซื้อขาย) : ฮิสโตแกรมแสดงถึงความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณ โดยจะเป็นสัญญาณว่าในช่วงเวลานั้นว่า ขณะนั้นมีปริมาณการซื้อหรือขายที่มากกว่ากัน
วิธีอ่านสัญญาณ MACD
ครอสโอเวอร์: เมื่อเส้น MACD ข้ามเหนือเส้นสัญญาณ มันจะสร้างสัญญาณขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มหรือโมเมนตัมขาขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อเส้น MACD ตัดใต้เส้นสัญญาณ มันจะสร้างสัญญาณขาลง ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มที่อาจลดลง
ไดเวอร์เจนซ์: ไดเวอร์เจนซ์เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับตัวบ่งชี้ MACD Bullish divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดในขณะที่ MACD ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่อาจกลับตัวเป็นขาขึ้น Bearish divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดในขณะที่ MACD ทำจุดสูงสุดที่ต่ำกว่า ส่งสัญญาณถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นเป็นขาลง
การใช้ MACD ในการเทรด
Signal Line Crossovers : เทรดเดอร์มักมองหาสัญญาณซื้อเมื่อเส้น MACD ข้ามเหนือเส้น Signal และขายสัญญาณเมื่อเส้น MACD ข้ามใต้เส้น Signal
การวิเคราะห์ฮิสโตแกรม : เทรดเดอร์อาจวิเคราะห์ฮิสโตแกรมเพื่อระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้ม แถบฮิสโตแกรมที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่แถบที่ลดลงอาจบ่งบอกถึงแนวโน้มที่อ่อนตัวลงนั่นเองค่ะ
การยืนยันความแตกต่าง : เทรดเดอร์สามารถใช้ความแตกต่างระหว่างราคาและ MACD เพื่อยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องรอการยืนยันราคาก่อนดำเนินการ
*ข้อควรระวัง : การใช้ Indicator ไม่ได้แปลว่าเจ้าตัวช่วยอัจฉริยะนี้จะให้สัญญาณถูกเสมอไปนะคะ เพราะในบางครั้ง Indicator ก็ให้สัญญาณหลอกด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเทรดกันอย่างระมัดระวังน้า
ตัวอย่างเทรนขึ้น

เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวทะลุผ่านเส้น Signal ลงมา
ให้พิจารณาเข้าเปิดออเดอร์ BUY
ตัวอย่างเทรนลง

เมื่อเส้น MACD เคลื่อนตัวขึ้นเหนือเส้น Signal ขึ้นไป
ให้พิจารณาเข้าเปิดออเดอร์ SELL

ขอบคุณข้อมูลจาก : Traderbobo และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทความในการเทรดที่น่าสนใจ : มือใหม่หัดเทรด
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge