หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวเล็กน้อย ช่วยลดระยะห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (เมื่อ 4 ธันวาคม) ตลาด Wall Street โดยรวมยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ย และคาดหวังว่าข้อตกลงการค้าจะเกิดขึ้นก่อนเส้นตายของประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนกรกฎาคม แม้ Dow จะยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม แต่บรรยากาศโดยรวมของตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถือว่าคึกคัก โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และการผ่อนคลายทางภูมิรัฐศาสตร์หลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านค่ะ
ด้านดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะ Nasdaq ที่เข้าสู่สภาวะตลาดกระทิงนับจากจุดต่ำในเดือนเมษายนค่ะ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาสภาคองเกรสสหรัฐฯ หลังร่างกฎหมายลดภาษีและใช้จ่ายขนาดใหญ่ของทรัมป์ผ่านขั้นตอนสำคัญในวุฒิสภาช่วงสุดสัปดาห์ แม้ว่าพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาจะหวังปิดดีลก่อน 4 กรกฎาคม แต่ก็ยังถกเถียงกันเรื่องผลกระทบที่จะเพิ่มหนี้รัฐบาลกลางราว 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้าค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นบวกในเย็นวันอาทิตย์ บ่งชี้ถึงกระแสเชิงบวกต่อเนื่องค่ะ
ในบรรดาหุ้นรายตัว Microsoft ได้รับแรงเชียร์จากนักวิเคราะห์ โดย Wedbush ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก $515 เป็น $600 โดยอ้างถึงการใช้งาน AI ในภาคธุรกิจที่โตเร็ว การเติบโตของ Copilot และแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ AI ขนาดใหญ่ โดย Microsoft ยังคงเป็นหุ้น AI ขนาดใหญ่ตัวโปรดของ Wedbush ซึ่งคาดว่ารายได้จาก Copilot อย่างเดียว อาจจะพุ่งแตะ 25 พันล้านดอลลาร์ภายในปีงบประมาณ 2026 ค่ะ
ด้าน Amazon ก็ยังถูก JPMorgan ย้ำว่าเป็น “Best Idea” ด้วยเหตุผลจากข้อเสนอที่คุ้มค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ของบริการสมาชิก Prime ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 1,400 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่ค่าธรรมเนียมในสหรัฐฯ อยู่ที่เพียง 139 ดอลลาร์ โดย JPMorgan คาดว่าการปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกในสหรัฐฯ ในปี 2026 จะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีกหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่จำนวนสมาชิกทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 350 ล้านรายภายในปีหน้า ท่ามกลางการลงทุนของ Amazon ในด้านโลจิสติกส์ที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของสมาชิก Prime มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2024 มีการจัดส่งสินค้ากว่า 9 พันล้านชิ้นค่ะ
Tesla ก็มีแรงเชียร์เพิ่มขึ้นหลัง Benchmark ปรับเป้าราคาเป็น $475 หลังเปิดตัวบริการ Robotaxi ที่ Austin โดยนักวิเคราะห์มองว่า นี่เป็นการเปิดตัวแบบคุมเข้ม เน้นความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ก่อนจะขยายวงกว้างขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกฎระเบียบในรัฐเท็กซัสในอนาคต แม้การจัดส่งจะชะลอตัวลง แต่การเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของ Tesla ไปสู่ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ยังคงเป็นแก่นหลักของวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทค่ะ
ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย HSBC ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ Broadcom เป็น ‘ซื้อ’ พร้อมตั้งเป้าราคาไว้ที่ 400 ดอลลาร์ โดยชี้ถึงโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในสายผลิตภัณฑ์ ASIC และอำนาจในการตั้งราคาที่ดีกว่าคาด ซึ่งรายได้จาก ASIC คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ภายในปี 2027 จากความต้องการของบริษัทคลาวด์ขนาดใหญ่และภาพรวมโครงการที่ชัดเจนขึ้น
ด้าน AMD ก็ถูก Melius Research อัปเกรดเป็น “ซื้อ” และปรับเป้าหมายเป็น $175 อ้างถึงโมเมนตัมในตลาด AI inference GPU สภาพตลาดพีซีที่ดีขึ้น และความร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่หลายราย
ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาพตลาดในปัจจุบัน บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเซมิคอนดักเตอร์อย่าง Advantest และ Teradyne ได้รับความสนใจมากขึ้นจากบทบาทสำคัญในการรองรับความซับซ้อนของชิป AI โดย Advantest ครองตำแหน่งผู้นำในการทดสอบ GPU ของ Nvidia ขณะที่ Teradyne มีความแข็งแกร่งในการทดสอบ ASIC แบบกำหนดเอง ซึ่งทั้งสองบริษัทได้รับประโยชน์จากความต้องการหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ที่พุ่งสูงขึ้น แม้จะมีการชะลอตัวตามวัฏจักรในระยะสั้นก็ตาม
โดยรวม แม้ Dow จะยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม แต่ความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ย การพัฒนาการเมืองในวอชิงตัน และเทรนด์ใหญ่ใน AI กับระบบอัตโนมัติ ยังคงช่วยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

US30 ล่าสุดปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ Fed ความกังวลเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลาย และความคาดหวังว่าการเจรจาการค้าจะคืบหน้า โดยตอนนี้ดัชนีอยู่แถว 44,120 และยังคงแสดงแรงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งค่ะ
แนวรับระยะสั้นที่สำคัญน่าจะก่อตัวบริเวณ 43,500–43,700 ค่ะ แนวรับเชิงโครงสร้างถัดไปคือบริเวณ 42,800–43,000 โดยคุณน้ามองว่าตราบใดที่ดัชนียังยืนเหนือ 43,000 ได้ โมเมนตัมขาขึ้นก็ยังถือว่าแข็งแรงค่ะ
ทางด้านแนวต้าน หากมองขึ้นไปใกล้ ๆ ระดับ 45,000 น่าจะเป็นแนวจิตวิทยาสำคัญที่นักลงทุนจับตากันอยู่ค่ะ การทะลุและปิดรายวันเหนือ 45,000 ได้ชัดเจนจะเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่เปิดทางไปสู่เป้า 46,000–46,500 ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านตัวชี้วัดโมเมนตัมตอนนี้ถือว่าตึงตัว แต่ยังไม่แสดงสัญญาณกลับตัวขาลงค่ะ หมายความว่าการปรับตัวขึ้นยังมีโอกาสไปต่อได้ แต่อาจเสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรเป็นพัก ๆ นักลงทุนควรจับตาการเคลื่อนไหวสะสมแรงซื้อในช่วง 43,500–45,000 ว่าจะยืนได้มั่นคงก่อนวิ่งต่อหรือไม่ค่ะ
ทั้งนี้ ปัจจัยมหภาคก็ยังหนุนแนวโน้มขาขึ้นนะคะ ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ๆ โดยเฉพาะสาย AI ก็เป็นตัวนำตลาด ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มใหญ่ใน Dow ที่มีธุรกิจเทคโนโลยีอยู่ในพอร์ตค่ะ
โดยรวมคุณน้ามองว่า แนวโน้มยังเป็นบวก ตราบใดที่ยืนเหนือ 43,000 ได้ แผนทางเทคนิคระยะสั้นยังเน้นการซื้อเมื่อย่อตัวในโซนแนวรับ โดยมีเป้าใกล้ ๆ 45,000 และถ้าผ่านได้ชัดเจน ก็มีสิทธิ์ไปต่อถึง 46,500 ค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : 44116.7, 44110.4, 44100.3
- แนวต้านสำคัญ : 44136.9, 44143.2, 44153.3
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Microsoft : ยังคงแข็งแกร่งทางเทคนิค ใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยซื้อขายต่ำกว่า $500 เล็กน้อยหลังแรงหนุนจากกระแส AI แนวรับอยู่แถว $475–$480 ขณะที่ $500 เป็นจุดจิตวิทยาสำคัญ หากปิดเหนือ $500–$505 ได้ชัดเจน คุณน้าคาดว่าอาจเร่งไปที่ $525 หรือแม้แต่ $550–$600 ค่ะ นักลงทุนจึงควรติดตามว่าราคาจะยังคงอยู่เหนือระดับ $475 ได้หรือไม่ เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม โดยการเติบโตของรายได้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเฉพาะจาก Copilot ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนมุมมองตลาดกระทิงค่ะ
- Amazon : ยืนเหนือ $220 ได้อย่างมั่นคงหลังปรับขึ้นแรงในปีนี้ แนวต้านทางเทคนิคอยู่ในช่วง $230– $235 หากสามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ คาดว่าราคาจะขึ้นไปแตะ $250 ในระยะสั้น ขณะที่แนวรับจะอยู่ที่ช่วง $215– $218 โดยในภาพรวมยังมีโอกาสกลับไป $260–$270 หากมีการปรับขึ้นราคา Prime และปรับประสิทธิภาพโลจิสติกส์ต่อเนื่องค่ะ คุณน้าแนะนำให้สังเกตสัญญาณยืนยันจากปริมาณซื้อขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือระดับ $230 เพื่อบ่งชี้การกลับมาเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นค่ะ
- Broadcom : ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายใหม่ของ HSBC ที่ $400 ซึ่งให้ Upside ราว 48% แนวต้านระยะสั้น อยู่ที่ $280–$285 และมีแนวรับแข็งแกร่งที่ $250 หากยืนเหนือ $285 ได้ จะยืนยันเป้ากลางเทอมที่ $300–$320 สำหรับนักเทรดระยะสั้น ควรเฝ้าระวังแนวรับที่ระดับ $250 เพื่อรักษาโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้น
- AMD : เคลื่อนไหวแถว $144 หลังขึ้นแรงตลอดปีนี้ Melius Research ปรับเป้าเป็น $175 คิดเป็น Upside ราว 22% แนวต้านอยู่ที่ $150–$155 หากทะลุ $155 ได้จะเปิดทางสู่ $165–$175 แนวรับอยู่ที่ $135–$138 คุณน้าแนะนำให้ลองจับตาระดับ $150 ซึ่งจะเป็นจุดหมุนสำคัญสำหรับการผลักดันราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 44096.7 – 44116.7 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 44116.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44143.0 และ SL ที่ประมาณ 44087.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 44136.9 – 44156.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44170.0 และ SL ที่ประมาณ 44107.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 44136.9 – 44156.9 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 44136.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44116.6 และ SL ที่ประมาณ 44166.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 44096.7 – 44116.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44090.0 และ SL ที่ประมาณ 44147.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge