หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วอลล์สตรีทพุ่งแรง โดยดัชนีดาวโจนส์กระโดดขึ้นเกือบ 850 จุด หรือประมาณ 1.9% ปิดที่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 45,631.74 จุด ทะลุสถิติเดิมเมื่อเดือนธันวาคม 2024 หลังจาก เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณที่ Jackson Hole ว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือนกันยายน ทำให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์โอกาสการลดดอกเบี้ยขึ้นเกือบ 90% เลยทีเดียวค่ะ
ด้านดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 1.5% และ Nasdaq พุ่ง 1.9% ช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากแรงขายหุ้นเทคโนโลยีที่กดดันมาตลอดทั้งสัปดาห์ โดยมีถึง 10 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมใน S&P 500 ปรับตัวบวก นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ขณะที่ดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 พุ่งแรงกว่า 4% สะท้อนถึงแรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นขนาดเล็กซึ่งอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยค่ะ
ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ก็มีความโดดเด่น โดยดัชนี Philadelphia SE Semiconductor Index ขยับขึ้น 2.7% และ Tesla พุ่งแรงถึง 6.2% ส่วน Intel กระโดดขึ้น 5.5% หลังมีรายงานว่าทำเนียบขาวอาจเข้าซื้อหุ้น 10% ในบริษัท และ Coinbase บวก 6.5% ตามแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มคริปโตที่พุ่งแรงค่ะ
อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นบางตัวที่เผชิญแรงกดดันจากผลประกอบการ โดย Intuit ร่วงลง 5% หลังส่งสัญญาณแนวโน้มอ่อนตัวในธุรกิจ Mailchimp ขณะที่ Workday ปรับลง 3% แม้ตัวเลขคาดการณ์จะออกมาตามที่ตลาดคาดไว้ ด้านค้าปลีก Walmart ร่วงแรง 4.5% แม้รายได้สูงกว่าคาด แต่กำไรพลาดเป้า ส่วน Target ร่วงเกิน 6% แม้ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาด แต่ยังเจอแรงกดดันจากการแข่งขันสูงค่ะ
นอกจากนี้ Palantir ดิ่งลงกว่า 10% จากความกังวลด้านมูลค่าที่นักลงทุนฝั่ง Short ยกขึ้นมาโจมตี ในขณะที่ Dayforce พุ่งแรงหลังมีดีลซื้อกิจการมูลค่า 12.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้น Viking Therapeutics ทรุดหนักถึง 35% หลังผลทดลองยาลดน้ำหนักไม่เป็นไปตามคาดค่ะ
ทั้งนี้ ตลาดกำลังจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่มีมูลค่าตลาดแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ และถือเป็นศูนย์กลางของกระแส AI นักวิเคราะห์คาดว่างบจะออกมาแข็งแกร่งอีกไตรมาส แต่ก็เตือนว่าอาจเผชิญแนวโน้มที่ระมัดระวังมากขึ้นเพราะข้อจำกัดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้ Microsoft ยังคงได้รับความสนใจ หลัง Truist ปรับเป้าราคาเป็น 675 ดอลลาร์ จากความแข็งแกร่งของธุรกิจ Cloud และ AI ขณะที่ Bank of America ได้ปรับเพิ่มอันดับของ Palo Alto Networks หลังรายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง ส่วน Snowflake ก็ได้รับการประเมินในเชิงบวกจากแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากเทคโนโลยี AI ค่ะ
แม้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะมีความผันผวน แต่ทั้ง Dow Jones และ S&P 500 ยังคงปิดบวกตลอดสัปดาห์ สะท้อนแรงหมุนเวียนของการลงทุนไปยังหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ด้วยสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีที่มีมากถึงหนึ่งในสามของ S&P 500 นักวิเคราะห์เตือนว่าทิศทางของดัชนีในอนาคตยังคงขึ้นอยู่กับความสามารถของหุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม AI อย่าง Nvidia, Microsoft และ Apple ว่าจะรักษาโมเมนตัมได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ค่ะ
ในภาพรวม ดัชนีดาวโจนส์ (US30) กำลังแสดงถึงโมเมนตัมเชิงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสะท้อนถึงการคาดการณ์ของนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น โดยปัจจัยมหภาคยังสนับสนุนหุ้นในกลุ่มวัฏจักรและหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย ทำให้ดาวโจนส์สามารถปรับตัวดีกว่า Nasdaq ในรอบล่าสุด
แม้หุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และหุ้นขนาดเล็กจะยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ยังมีความหลากหลาย ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานของดัชนีดาวโจนส์ยังคงได้รับการสนับสนุนจากการเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น และการหมุนเวียนของเงินทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและบลูชิพ อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ คุณภาพกำไรของบริษัทต่าง ๆ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจกดดันโมเมนตัมขาขึ้นของตลาดได้ค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US30 ภาพทางเทคนิคยังคงแสดงถึงการทรงตัวในแนวโน้มขาขึ้น แต่เริ่มมีสัญญาณการพักฐานระยะสั้นให้เห็นบ้าง ราคายังยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ 45,000 จุด หากยังไม่หลุดลงมา จะช่วยคงโมเมนตัมเชิงบวกและเปิดโอกาสให้ดัชนีกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 45,500–45,700 จุดได้ และหากผ่านไปได้อย่างชัดเจน แนวถัดไปจะอยู่ที่ 46,000 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิดค่ะ
อย่างไรก็ตาม หาก US30 หลุดต่ำกว่า 45,000 จุด อาจกระตุ้นแรงขายเพิ่มและกดให้ดัชนีถอยลงสู่โซนแนวรับถัดไปที่ 44,700–44,500 จุด และหากแรงขายรุนแรงต่อเนื่อง ระดับ 44,200 จุดจะเป็นด่านรับสำคัญที่ต้องป้องกันเพื่อไม่ให้แนวโน้มหลักพลิกกลับลง โดยรวมแล้วภาพรวมยังคงเอนเอียงไปทางบวก แต่ตลาดอยู่ในช่วง consolidation ที่ต้องระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้นค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : 45148.5, 45096.6, 45012.8
- แนวต้านสำคัญ : 45316.1, 45368.0, 45451.8
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Tesla (TSLA): ยังคงแสดงแรงหนุนเชิงบวกอย่างแข็งแกร่งจากตัวชี้วัดทางเทคนิคหลายตัว โดยราคายังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญได้อย่างมั่นคง ขณะที่โครงสร้างราคากำลังสร้างฐาน โดยมีจุดทะลุแนวต้านสำคัญอยู่ใกล้ 367.71 ดอลลาร์ ซึ่งฐานนี้ได้ก่อตัวต่อเนื่องหลายสัปดาห์และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากหุ้นฟื้นตัวจากความผันผวนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจุบัน Tesla เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญแถว 380 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI อยู่ในโซนบวก บ่งชี้ถึงแรงส่งขาขึ้นต่อเนื่อง โดยเส้นค่าเฉลี่ยทั้งระยะสั้นถึงระยะยาวยังคงสนับสนุนแนวโน้มเชิงบวก หากทะลุและยืนเหนือกรอบ 367–380 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง จะเปิดโอกาสแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- Nvidia (NVDA): ยังคงมีโครงสร้างทางเทคนิคที่แข็งแรง แม้ว่าตัวชี้วัดทางเทคนิคจะอยู่ในโซนกลาง บ่งบอกถึงการพักตัวหรือการแกว่งสะสม โดยระดับสำคัญที่ต้องจับตาคือ 184.48 ดอลลาร์ ขณะที่แรงส่งโดยรวมยังคงอยู่ และความต้องการหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม AI ยังคงช่วยหนุนเสถียรภาพและโอกาสการปรับขึ้นของราคา โดยรวมแล้ว NVDA ยังคงอยู่ในจังหวะทางเทคนิคที่ดี หากสามารถทะลุเหนือ 184–185 ดอลลาร์ ได้ จะเปิดทางให้ราคาปรับขึ้นต่อ แต่ถ้าไม่ผ่าน อาจเห็นการพักตัวหรือแกว่งสะสมระยะสั้นค่ะ
- Microsoft (MSFT): ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ด้านโมเมนตัม RSI ยังคงเคลื่อนตัวในโซนบวก เหนือระดับ 60–65 สะท้อนแรงซื้อที่ยังไม่อ่อนแรง หากราคาสามารถทรงตัวเหนือบริเวณ 500–505 ดอลลาร์ ได้อย่างมั่นคง จะถือเป็นการสร้างฐานแนวรับใหม่ รองรับการขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 520–530 ดอลลาร์ หากสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ มีโอกาสเร่งตัวต่อเนื่องขึ้นไปแถว 545–550 ดอลลาร์ โดยโซน 485–490 ดอลลาร์ จะทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญที่ต้องติดตามค่ะ
- Intel (INTC): ราคากำลังเข้าใกล้แนวต้านสำคัญแถว 24–26 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวรอบใหม่ ขณะที่โซน 19 ดอลลาร์ ยังคงทำหน้าที่เป็นแนวรับหลักของกรอบนี้ หากผ่านแนวต้านด้านบนได้อย่างมั่นคง อาจสร้างแรงหนุนต่อเนื่อง แต่ถ้าไม่ผ่าน ก็อาจกลับไปแกว่งในกรอบหรืออ่อนตัวลงอีกครั้งค่ะ
- Intuit (INTU): โมเมนตัมขาขึ้นยังคงแข็งแรง และมีแนวโน้มขยายเป้าหมายไปยังโซน 675–680 ดอลลาร์ โดยอาจมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับจิตวิทยาที่ 700 ดอลลาร์ หากราคายังสามารถยืนเหนือแนวรับใหม่บริเวณ 655 ดอลลาร์ ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม หากเกิดแรงขายทำกำไรและราคาหลุดต่ำกว่า 650 ดอลลาร์ อาจเห็นการพักฐานลงมาที่แนวรับถัดไปในช่วง 630–625 ดอลลาร์ หรือแม้กระทั่งลงลึกถึงโซน 600 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง โดยทิศทางระยะสั้นยังคงเอนเอียงไปทางบวก แต่ควรระมัดระวังแรงขายเมื่อ RSI เข้าใกล้เขต overbought ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานระยะสั้นค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 45078.5 – 45148.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 45148.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45330.1 และ SL ที่ประมาณ 45043.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 45316.1 – 45386.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45549.0 และ SL ที่ประมาณ 45113.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 45316.1 – 45386.1 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 45316.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45110.6 และ SL ที่ประมาณ 45421.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 45078.5 – 45148.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44891.0 และ SL ที่ประมาณ 45351.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge