หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนี S&P 500 ปิดลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยในจำนวน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก มีถึง 7 กลุ่มที่ปิดในแดนลบ นำโดยกลุ่มสุขภาพและวัสดุพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ดัชนีโดยรวมยังปรับตัวขึ้น 1.6% ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ค่ะ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาท่าทีของ Fed ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะคำแถลงของประธาน Fed นาย Jerome Powell ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงินในระยะสั้นถึงกลางค่ะ
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวในดัชนี S&P 500 สัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่ามีความหลากหลายและโดดเด่น หุ้น Microsoft ปรับขึ้น 1.8% หลังจากสามารถหลีกเลี่ยงค่าปรับจากคณะกรรมาธิการยุโรปด้วยการปรับราคา Office ที่ไม่มีโปรแกรม Teams ส่วนหุ้น Tesla พุ่งขึ้นถึง 7.4% หลังประธานคณะกรรมการบริหาร Robyn Denholm ออกมายืนยันถึงบทบาทสำคัญของ Elon Musk แม้จะมีกระแสความกังวลเรื่องบทบาททางการเมือง ขณะที่หุ้น Tesla ยังคงติดลบราว 2% นับตั้งแต่ต้นปี
ด้าน Oracle เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สร้างความประหลาดใจ โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 26% หลังมีการปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้จากระบบคลาวด์ และประกาศข้อตกลงใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งยืนยันถึงบทบาทของ Oracle ในการเป็นผู้เล่นหลักด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ขณะที่หุ้น Warner Bros. Discovery ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยราคาหุ้นทะยานเกือบ 60% ตลอดสัปดาห์ จากข่าวลือว่าบริษัท Skydance อาจยื่นข้อเสนอเข้าซื้อกิจการ Paramount และ SanDisk กระโดดขึ้นกว่า 28% จากกระแสความต้องการ NAND ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการเติบโตของ AI ท่ามกลางหุ้น UnitedHealth ที่ได้รับแรงหนุนหลังบริษัทออกมายืนยันแนวโน้มกำไรต่อหุ้นปี 2025 รวมถึงแนวโน้มเชิงบวกของแผน Medicare Advantage ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 14.5% ตลอดสัปดาห์ค่ะ
ในทางกลับกัน หุ้น Synopsys กลับปรับตัวลงแรงกว่า 30% หลังรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดและมีการลดแนวโน้มรายได้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในกลุ่มเทคโนโลยีบางส่วนสั่นคลอน นอกจากนี้ หุ้นของผู้ผลิตวัคซีน เช่น Moderna ก็ร่วงลง 7.4% ขณะที่ Pfizer และ Novavax ต่างลดลงมากกว่า 3% หลังมีรายงานว่าทางการสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบกรณีเสียชีวิตที่อาจเกี่ยวข้องกับวัคซีนค่ะ
ทั้งนี้ แม้ภาคส่วนบางกลุ่มในตลาดยังคงอ่อนแรง และดัชนีปิดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยความผันผวน แต่คุณน้าเห็นว่าภาพรวมของดัชนี S&P 500 ยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI ซึ่งยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของตลาดในขณะนี้ค่ะ แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคจะยังเปราะบาง และยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบให้ต้องจับตา แต่โดยรวมแล้ว คุณน้ามองว่าพื้นฐานของตลาดยังคงชี้ไปในทิศทางบวกในลักษณะที่ต้องระมัดระวังค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US500 ขณะนี้กำลังเคลื่อนไหวในลักษณะพักฐานใต้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้บริเวณ 6,600 จุด สะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนก่อนการประชุมนโยบายการเงินของ Fed ที่กำลังจะมีขึ้นค่ะ ในมุมมองทางเทคนิค คุณน้าสังเกตว่า เครื่องมือวัดโมเมนตัมอย่าง RSI ยังคงอยู่ในระดับสูงแต่ยังไม่เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีพื้นที่สำหรับการปรับขึ้นต่อ หาก Fed ยืนยันการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดไว้
แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ช่วง 6,620–6,650 หากสามารถทะลุผ่านแนวต้านบริเวณนี้ได้อย่างชัดเจน ดัชนีมีโอกาสขึ้นต่อไปยังโซน 6,720–6,750 ได้ โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
ในด้านแนวรับ แนวรับเบื้องต้นอยู่ที่ 6,540 ขณะที่แรงซื้ออาจปรากฏในช่วง 6,480–6,500 หากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจนำไปสู่การปรับฐานลึกลงไปยังบริเวณ 6,400 จุดได้ค่ะ
ทั้งนี้ แม้ดัชนีโดยรวมจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ตลาดยังคงกระจุกตัว โดย 7 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนว่าภาวะการนำตลาดยังจำกัดอยู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร มากกว่าจะเป็นการฟื้นตัวในวงกว้าง
โดยรวมแล้ว คุณน้ามองว่าแนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นไปในเชิงบวกแบบระมัดระวัง นักลงทุนควรจับตาว่า ดัชนีจะสามารถทะลุแนวต้าน 6,650 จุดได้หรือไม่ เพราะจะเป็นสัญญาณยืนยันโมเมนตัมเชิงบวกอย่างยั่งยืน ในทางกลับกัน หากราคาหลุดต่ำกว่า 6,480 จุด อาจสะท้อนถึงความเสี่ยงขาลงที่เริ่มเพิ่มขึ้นค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)
- แนวรับสำคัญ : 6582.5, 6580.9, 6578.5
- แนวต้านสำคัญ : 6587.3, 6588.9, 6591.3
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Microsoft (MSFT): แนวโน้มของหุ้นยังคงแข็งแกร่ง โดยราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญได้อย่างต่อเนื่อง แนวรับสำคัญอยู่บริเวณ $495 ขณะที่แนวต้านอยู่แถว $520 หากสามารถทะลุแนวต้านนี้ขึ้นไปได้อย่างชัดเจน มีโอกาสที่แรงส่งจะดันราคาขึ้นต่อไปถึง $540 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากกระแสการนำ AI และระบบคลาวด์มาใช้ในวงกว้างค่ะ
- Tesla (TSLA): ฟื้นตัวแรงและสามารถยืนเหนือระดับ $390 ได้อีกครั้ง โดยแนวต้านใกล้ที่สุดอยู่ที่ $405 และแนวรับอยู่บริเวณ $375 หากสามารถทะลุแนวต้าน $405 ได้อย่างมั่นคง มีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นต่อไปยังระดับ $420 ท่ามกลางความผันผวนของหุ้นตัวนี้ที่ยังคงสูงมากค่ะ
- Oracle (ORCL): หลังจากที่หุ้นพุ่งขึ้นแรงจากกระแส AI ตอนนี้ราคากำลังอยู่ในช่วงพักฐาน โดยยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันซึ่งอยู่ใกล้ระดับ $285 ได้ แนวต้านถัดไปคือบริเวณ $300 หากสามารถทะลุผ่านได้ อาจเปิดทางให้ราคาขึ้นไปแตะ $315 แต่หากหลุดแนวรับ $285 มีความเสี่ยงที่ราคาจะอ่อนตัวลงไปแถว $272 ค่ะ
- UnitedHealth (UNH): ราคากำลังเข้าใกล้แนวต้านที่ $360 ขณะที่แนวรับอยู่ที่ $340 หากสามารถทะลุผ่าน $360 ได้อย่างชัดเจน คุณน้ามองว่าราคามีโอกาสขึ้นต่อถึง $375 อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นมาค่อนข้างแรง อาจเห็นการพักตัวหรือไซด์เวย์ในระยะสั้นได้ค่ะ
- Synopsys (SNPS): ขณะนี้ราคากำลังทดสอบแนวรับระยะยาวบริเวณ $420 หากหลุดแนวรับนี้ลงมา มีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไปที่ $400 แต่หากสามารถทรงตัวเหนือ $430 ได้อย่างมั่นคง อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวในระยะสั้น ถึงอย่างไรก็ดี แรงซื้อยังดูเปราะบางค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6558.5 – 6582.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6582.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6587.7 และ SL ที่ประมาณ 6546.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6587.3 – 6611.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6,640.0 และ SL ที่ประมาณ 6570.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6587.3 – 6611.3 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6587.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6581.3 และ SL ที่ประมาณ 6623.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6558.5 – 6582.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6,530.0 และ SL ที่ประมาณ 6599.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge