คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 1 ตุลาคม 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 1 ตุลาคม 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ช่วยให้บรรดานักลงทุนสามารถมองข้ามความเสี่ยงจากการที่รัฐบาลอาจต้องปิดทำการชั่วคราว นักวิเคราะห์มองว่าการปิดทำการของรัฐบาลในอดีต มักไม่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อตลาด อย่างไรก็ตาม หากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น รายงานการจ้างงานเดือนกันยายนต้องล่าช้า ก็อาจส่งผลต่อแนวโน้มการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อนการประชุมปลายเดือนตุลาคมนี้ค่ะ

กลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดในดัชนี S&P 500 โดยได้รับแรงผลักดันจากความตื่นตัวของนักลงทุนต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และความคึกคักของหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ โดยหุ้น Nvidia ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่เคยปรับฐานก่อนหน้านี้ ส่วนหุ้น Micron Technology กระโดดขึ้นถึง 4.1% และหุ้น Lam Research ก็เพิ่มขึ้นถึง 2.4% หลังจาก Deutsche Bank ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ค่ะ

ในขณะเดียวกัน หุ้น Western Digital และ Seagate ปรับตัวขึ้น 9.2% และ 5.3% ตามลำดับ กลายเป็นผู้นำในกลุ่ม S&P 500 ประจำวัน ส่วนหุ้น AppLovin ก็พุ่งขึ้นมากกว่า 6% หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก $480 เป็น $750 ค่ะ

นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ยังได้แรงสนับสนุนจากความเชื่อมั่นในผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ความยืดหยุ่นของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และความคาดหวังต่อผลิตภาพที่ดีขึ้น โดยธนาคาร Bank of America ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนี 12 เดือนข้างหน้าเป็น 7,200 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 8% โดยอ้างอิงจากการชะลอตัวของอัตราค่าจ้างและการลดต้นทุนจากการผ่อนคลายกฎระเบียบ ขณะที่ HSBC เตือนว่าดัชนี S&P 500 ได้ทะลุเป้าหมายสิ้นปีที่ 6,500 จุดไปแล้ว และอาจเผชิญแรงต้านจากการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ การตัดสินใจของ Fed และความเสี่ยงจากการค้า ด้านบริษัท Yardeni Research ยังระบุว่า แม้หุ้น “Magnificent 7” จะผลักดันมูลค่าตลาดขึ้น แต่แนวโน้มขาขึ้นอาจขยายตัวไปสู่กลุ่ม “Impressive 493” หรือหุ้นอีก 493 ตัวในดัชนี S&P 500 ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หากความสนใจของนักลงทุนกระจายออกไปค่ะ

ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Megacaps) หุ้น Tesla ยังโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 32% ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม จากความคาดหวังในการส่งมอบรถที่แข็งแกร่ง กระแสคาดหวังก่อนการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นในเดือนพฤศจิกายน และการมีส่วนร่วมอีกครั้งของซีอีโอ Elon Musk โดยแม้ว่า Barclays จะยังคงมีมุมมองเชิงบวก แต่นักวิเคราะห์บางรายก็เตือนว่า มูลค่าหุ้นของ Tesla ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 180 เท่าของกำไรคาดการณ์ในปี 2026 อาจสูงเกินไป แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดีก็ตาม

ด้าน Intel ยังคงถูกจับตามอง โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า บริษัทยังมีปัญหาเรื่องการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กิจกรรม M&A มีบทบาทช่วยหนุนตลาดเช่นกัน โดยหุ้น Electronic Arts พุ่งขึ้นราว 4.5% หลังบรรลุข้อตกลงมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนเริ่มคาดหวังถึงการมี M&A เพิ่มขึ้นในกลุ่มเกมและเทคโนโลยีค่ะ

ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หุ้น Carnival Corp ปรับขึ้นราว 1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรทั้งปีและรายงานรายได้เป็นประวัติการณ์ ซึ่งมาจากดีมานด์และราคาตั๋วเรือสำราญที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 22% ตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังเจอแรงขายทำกำไรอยู่บ้างค่ะ ด้านหุ้น Nike อยู่ในความสนใจของนักลงทุน เนื่องจากกำลังจะรายงานผลประกอบการ โดยนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการพลิกฟื้นธุรกิจของซีอีโอ Elliott Hill หลังประสบปัญหายอดขายและสินค้าคงคลังมาหลายปีค่ะ

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ประกาศแผนขยายการผลิตขีปนาวุธเพื่อเตรียมรับมือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับจีน ท่ามกลางหุ้นกลุ่มกัญชา (Cannabis) ที่ปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน หลังประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาสนับสนุนคุณประโยชน์ของสาร CBD ที่ได้จากกัญชง

ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานกดดันตลาดโดยรวม เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 3% ทำให้ดัชนีพลังงานใน S&P 500 ลดลงเกือบ 2%

อย่างไรก็ดี แม้จะมีความเสี่ยงทางการเมืองระยะสั้นและการล่าช้าของข้อมูลเศรษฐกิจ แต่ดัชนี S&P 500 ก็ยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้นานกว่า 100 วันติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่แข็งแกร่งและพบไม่บ่อยนัก โดยปัจจุบันดัชนีเพิ่มขึ้น 33% จากระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดค่ะ

นักวิเคราะห์มองว่า กลุ่มที่ช้อนซื้อหุ้นยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยมีแรงสนับสนุนจากแนวโน้มที่ Fed อาจเริ่มผ่อนคลายนโยบาย ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และความตื่นตัวเกี่ยวกับ AI รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพ โดยนักลงทุนควรระมัดระวังต่อหุ้นที่มีมูลค่าสูงเกินไป เช่น Tesla หรือหุ้นบางตัวในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 1 ตุลาคม 2025

ดัชนี US500 ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในกรอบกว้าง ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI และหุ้นที่อ่อนไหวต่อการเติบโต เช่น Western Digital และ Tesla ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งค่ะ ล่าสุดดัชนีได้ดีดตัวขึ้นจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในเชิงพื้นฐาน ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัมยังคงบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้นยังไม่หมดไปค่ะ

แนวต้านใกล้เคียงอยู่ที่บริเวณ 6,700–6,720 อย่างไรก็ตาม หากสามารถทะลุแนวต้านนี้ไปได้อย่างชัดเจน อาจเปิดโอกาสให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นไปแตะระดับจิตวิทยาที่ 6,800 ซึ่งอาจดึงดูดแรงซื้อจากนักลงทุนที่เน้นการตามโมเมนตัมเพิ่มเติมได้ค่ะ

ในทางกลับกัน แนวรับใกล้ที่สุดอยู่ที่ระดับ 6,600 ส่วนแนวรับทางเทคนิคที่แข็งแกร่งกว่านั้นอยู่ที่ 6,540 หากหลุดต่ำกว่า 6,540 ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นและนำไปสู่การปรับฐานลึกลงไปถึงบริเวณ 6,480 ได้เช่นกันค่ะ

อย่างไรก็ตาม จากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่ม AI และการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มผู้บริโภคบางส่วน ก็ทำให้คุณน้าเห็นว่ายังมีโอกาสที่แรงซื้อจะเข้ามารองรับเมื่อดัชนีอ่อนตัวลงนะคะ แต่ในทางกลับกัน ความอ่อนแอของหุ้น Nike และความระมัดระวังต่อหุ้น Intel บ่งชี้ว่า ยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนหากผู้นำในตลาดเริ่มจำกัดอยู่เพียงบางกลุ่มค่ะ

โดยสรุปแล้ว ตราบใดที่ดัชนี US500 ยังยืนอยู่เหนือระดับ 6,600 ได้ ทิศทางหลักยังคงเป็นขาขึ้น โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 6,800 ค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)

  • แนวรับสำคัญ : 6648.8, 6637.0, 6617.8
  • แนวต้านสำคัญ : 6687.2, 6699.0, 6718.2

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Intel (INTC): การฟื้นตัวของหุ้น Intel ในช่วงหลังสะท้อนถึงความหวังจากแรงสนับสนุนด้านนโยบายและความสนใจจากนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยราคาที่สามารถทะลุระดับ $34 ได้ แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งเกินคาด แม้ว่าคุณน้าจะยังมองว่า Intel ยังเผชิญกับความท้าทายพื้นฐานอยู่ เช่น ปัญหาการดำเนินงาน และความต้องการทั่วโลกที่ยังซบเซาค่ะ โดยจากมุมมองทางเทคนิค หุ้นได้ทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และเครื่องมือโมเมนตัมก็บ่งชี้ว่า อาจมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านในช่วง $36–$37 ซึ่งหากสามารถปิดเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างมั่นคง ก็อาจเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นค่ะ ส่วนแนวรับหลักจะอยู่ที่บริเวณ $32 ค่ะ
  • Tesla (TSLA): ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่ขับเคลื่อนด้วยโมเมนตัมอย่างเด่นชัด ในเชิงเทคนิคตอนนี้ RSI ของหุ้นเริ่มเข้าใกล้ระดับ Overbought แล้ว และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ $450–$455 ซึ่งหากทะลุได้ อาจมีโอกาสขึ้นต่อถึง $475 แต่ถ้าไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะย่อลงมาที่แนวรับแรกบริเวณ $420 ค่ะ
  • Western Digital (WDC): ได้แรงหนุนจากความต้องการด้าน AI และการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ค่ะ กลายเป็นตัวแทนของกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากกระแสการใช้งาน AI ซึ่งกำลังเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเชิงเทคนิค หุ้นยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 50 วันและ 200 วัน แนวต้านอยู่ที่บริเวณ $120 ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ระหว่าง $108–$110 ซึ่งถือเป็นแนวรับที่มั่นคงในระยะสั้นค่ะ
  • Nike (NKE): ปรับตัวลดลงต่อเนื่องก่อนการรายงานผลประกอบการ สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน โดยเฉพาะจากปัจจัยลบที่ยังไม่คลี่คลาย เช่น ยอดขายที่อ่อนแอ สินค้าคงคลังที่ล้น และความเสี่ยงจากตลาดจีน ในมุมมองของคุณน้า หุ้นกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญ เพราะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ 200 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบทางเทคนิค โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่บริเวณ $67 ซึ่งหากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะถอยลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $65 ค่ะ ขณะที่แนวต้านใกล้ที่สุดอยู่แถว $73 หากสามารถทะลุผ่านได้อย่างมั่นคง อาจถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัว แต่ในภาพรวม คุณน้ายังมองว่า ตลาดยังไม่แสดงความมั่นใจอย่างชัดเจนในขณะนี้ค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6608.8 – 6648.8 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6648.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6695.1 และ SL ที่ประมาณ 6588.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6687.2 – 6727.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6745.3 และ SL ที่ประมาณ 6628.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                                          

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6687.2 – 6727.2 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6687.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6644.9 และ SL ที่ประมาณ 6747.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6608.8 – 6648.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6594.7 และ SL ที่ประมาณ 6707.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Table of Contents
Recent Post
Recent Post
บทวิเคราะห์คู่เงิน EURUSD 15 พฤศจิกายน 2025
บทวิเคราะห์ EURUSD วันที่ 15 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ EURUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน USDRUB 14 พฤศจิกายน 2025
บทวิเคราะห์ USDRUB วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ USDRUB ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 14 พฤศจิกายน 2025
บทวิเคราะห์ AUDUSD วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy