หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางการซื้อขายบางตาเนื่องจากวันหยุด โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9–10 ธันวาคมนี้ค่ะ ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์สยังคงสะท้อนมุมมองเชิงบวก โดยสัญญา S&P 500 ขยับขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนประเมินความเป็นไปได้มากกว่า 80% ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเกิดจากท่าทีผ่อนคลายของเจ้าหน้าที่ Fed และตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ของเดือนพฤศจิกายน ตลาดจะเผชิญแรงขายนำโดยหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นที่เชื่อมโยงกับ AI แต่ดัชนีก็ยังสามารถปิดสัปดาห์ในแดนบวกได้เล็กน้อยค่ะ
ทั้งนี้ หุ้นเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการฟื้นตัวของ S&P 500 แม้ว่าการเคลื่อนไหวภายในกลุ่มจะต่างกันมาก โดย Intel โดดเด่นที่สุด พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังมีรายงานจากนักวิเคราะห์ว่าบริษัทอาจเริ่มผลิตชิปตระกูล M ให้ Apple ได้ในปี 2027 ขณะที่กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อื่น ๆ เช่น AMD Broadcom และ Texas Instruments ต่างปรับตัวขึ้นเช่นกันค่ะ อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังเผชิญแรงกดดัน ลดลงราว 1% ท่ามกลางข่าวว่า Google กำลังพัฒนาชิป AI ของตัวเอง และ Meta อาจหันไปสั่งซื้อชิปจาก Google ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อความเป็นผู้นำของ Nvidia ในตลาดศูนย์ข้อมูลค่ะ
นอกเหนือจากกลุ่มชิปแล้ว หุ้นรายตัวที่อยู่ในดัชนี S&P หลายบริษัทก็เคลื่อนไหวโดดเด่นค่ะ Dell Technologies กระโดดขึ้นกว่า 11% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 แข็งแกร่งกว่าคาดและปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ จากความต้องการเซิร์ฟเวอร์ด้าน AI ที่สูงเกินคาด ส่วน Symbotic พุ่งขึ้นกว่า 56% ตลอดสัปดาห์จากคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งและลูกค้าใหม่หลายราย Credo Technology ปรับขึ้นกว่า 35% จากการทำสัญญาอนุญาตใช้สิทธิบัตรสายเคเบิลความเร็วสูง ขณะเดียวกัน Robinhood ก็พุ่งขึ้นเกือบ 20% หลังประกาศเข้าซื้อกิจการ 90% ของตลาดอนุพันธ์ MIAX ซึ่งจะช่วยให้บริษัทขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม prediction-market ที่นักลงทุนสามารถเดิมพันหรือคาดการณ์ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ค่ะ
ในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรม เกือบทุกภาคส่วนในดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น ยกเว้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่อ่อนตัวจากการร่วงลง 2.6% ของ Eli Lilly ขณะที่กลุ่มค้าปลีกเองก็มีส่วนสนับสนุนบรรยากาศเชิงบวก เนื่องจากช่วง Black Friday และ Cyber Monday ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลจับจ่ายค่ะ แม้ว่าในตลาดฟิวเจอร์สจะเกิดความขัดข้องชั่วคราวจากปัญหาระบบทำความเย็นของศูนย์ข้อมูล CME แต่โดยรวมแล้วความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงแข็งแรงค่ะ
อย่างไรก็ดี แม้ว่า S&P 500 จะดูพร้อมสำหรับการปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี แต่แนวโน้มขาขึ้นนี้ยังคงพึ่งพาปัจจัยหลายด้านค่ะ ดัชนีอาจจะปิดเดือนด้วยแรงหนุนจากความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ย แต่ก็ยังถูกกดดันจากความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ AI และมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นประมาณ 16% นับตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่การรายงานข้อมูลสำคัญสัปดาห์นี้ ดัชนี PCE จะครอบคลุมแค่ข้อมูลเดือนกันยายน เนื่องจากผลกระทบจากการปิดหน่วยงานของรัฐค่ะ ขณะเดียวกัน เมื่อเข้าใกล้สิ้นปี นักลงทุนยังคงจับตาดูว่าการผ่อนคลายสภาพคล่องทางการเงินจะช่วยขยายแรงซื้อจากหุ้นที่นำตลาดในกลุ่ม AI ไปสู่หุ้นขนาดเล็กและหุ้นในกลุ่มที่ไม่ใช่เทคโนโลยีได้หรือไม่ หากปัจจัยใดสะดุด หรือหากความคาดหวังในเรื่องการลดดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามที่คาด ความผันผวนอาจกลับมาได้ เนื่องจากมูลค่าหุ้นหลายตัวในตอนนี้ยังอยู่ในระดับสูง และภาวะการเงินโดยรวมก็เริ่มตึงตัวมากขึ้นค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี S&P 500 ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในโครงสร้างขาขึ้นที่ชัดเจน โดยราคายังทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 100 วันที่มีความชันขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแรงซื้อระยะกลางที่ยังมั่นคง และสนับสนุนมุมมองพื้นฐานว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 6,900–6,950 ได้ค่ะ
โมเมนตัมยังอยู่ในภาวะเชิงบวก โดย RSI ทรงตัวในโซนบนของระดับกลางและยังไม่เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป หากราคาสามารถปิดเหนือโซน 6,780–6,800 ได้อย่างต่อเนื่อง ดัชนีจะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เอื้อต่อการไต่ระดับขึ้นไปสู่กรอบบนของช่องแนวโน้มขาขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณของการพักฐานให้เห็นบ้าง โดยหลายช่วงการซื้อขายมีปริมาณการซื้อขายลดลงในวันที่ราคาปรับขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ดัชนีอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบช่วง 6,700–6,900 ในระยะสั้น
ทั้งนี้ หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือโซนรับ 6,740–6,720 และยืนยันการทะลุลงใต้ระดับดังกล่าว จะเปิดทางไปสู่โซน 6,560–6,500 แต่ไม่ถือว่าเป็นการทำลายแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวค่ะ
โดยสรุป ภาพทางเทคนิคของ S&P 500 ยังคงโน้มไปในทางบวก แต่มีความเสี่ยงต่อการพักฐาน คุณน้ามองว่าทิศทางยังคงอยู่ในขาขึ้นสู่ระดับ 6,900–6,950 แต่โอกาสของการย่อตัวมาที่โซน 6,560–6,500 จะเพิ่มขึ้นหากโมเมนตัมอ่อนแรงลงต่อไป ในช่วงสัปดาห์นี้ ปัจจัยต่าง ๆ จะเป็นตัวกำหนดว่าตลาดจะเลือกเดินไปในทิศทางใด แต่ในภาพรวมโครงสร้างระยะยาวยังเป็นขาขึ้นและแนวรับหลักยังคงแข็งแรงค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)
- แนวรับสำคัญ : 6808.9, 6805.8, 6800.6
- แนวต้านสำคัญ : 6819.3, 6822.4, 6827.6
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- NVIDIA (NVDA): ยังคงอยู่ในช่วงการปรับตัว หลังจากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 181–185 ได้ ตัวบ่งชี้โมเมนตัมแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง โดย RSI เคลื่อนไปที่ระดับกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงสนับสนุนจากฝั่งซื้อเริ่มลดลง โดยหาก NVDA ร่วงต่ำกว่า 175 การถอยลึกลงไปที่ 168–170 ก็อาจเกิดขึ้นได้ ขณะที่การดีดตัวกลับเหนือ 185 จะยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นยังคงดำเนินต่อไปค่ะ
- AMD (AMD): ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อื่น ๆ โดยทำลายแนวต้านเดิมที่ 215 และยืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันที่กำลังปรับขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มยังคงเป็นบวก แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 222–225 ซึ่งอาจมีแรงขายเกิดขึ้น ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 210 และการยืนเหนือระดับนี้จะทำให้ AMD อยู่ในโครงสร้างทางเทคนิคที่แข็งแกร่งได้ค่ะ
- Broadcom (AVGO): กำลังสร้างกรอบพักฐานแคบ ๆ ระหว่าง 395–405 ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการทะลุกรอบเมื่อความผันผวนลดลง โดยราคายังคงอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ RSI มีเสถียรภาพที่ระดับกลาง ซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัว หากทะลุ 405 ได้ จะเปิดทางไปที่ 418–425 ขณะที่การหลุดต่ำกว่า 392 อาจทำให้ราคาถอยลงไปที่ 380 โดยการปรับตัวลงไปที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันยังคงเป็นโซนที่ดีสำหรับการสะสมหุ้นในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวค่ะ
- Dell Technologies (DELL): ยังคงมีโครงสร้างการทะลุกรอบขาขึ้นหลังจากพุ่งขึ้นเหนือแนวต้านที่ 130 ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ราคายังคงอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน และการขยายตัวของปริมาณการซื้อขายในวันที่ราคาปรับตัวขึ้นบ่งชี้ถึงความสนใจจากนักลงทุนสถาบันที่ยังคงอยู่ ขณะที่ RSI ยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่ยังไม่ถึงจุด overbought ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่อาจต่อเนื่อง โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 138–140 ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 128–129 หากราคายังคงอยู่เหนือช่วงระดับนี้ได้ จะทำให้ DELL อยู่ในรูปแบบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องในระยะกลางค่ะ
- Robinhood Markets (HOOD): แสดงแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางหลังจากที่ทะลุผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 120 ได้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นหลังจากข่าวการเข้าซื้อกิจการตลาดอนุพันธ์ โดยราคากำลังรวมตัวอยู่บริเวณ 130–132 หากทะลุผ่านช่วงระดับนี้ไปได้ อาจทำให้ราคาพุ่งไปถึง 138–140 ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 118–120 หากราคายืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ จะทำให้หุ้นยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6800.9 – 6808.9 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6808.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6820.7 และ SL ที่ประมาณ 6796.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6819.3 – 6827.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6834.2 และ SL ที่ประมาณ 6804.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6819.3 – 6827.3 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6819.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6807.2 และ SL ที่ประมาณ 6831.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6800.9 – 6808.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6793.7 และ SL ที่ประมาณ 6823.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge







