หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังเผชิญความผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.38% ได้แรงหนุนหลักจากการกลับมาปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยชดเชยแรงขายรุนแรงในหุ้นกลุ่มผู้บริโภคบางรายได้ค่ะ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจาก Micron Technology รายงานประมาณการผลประกอบการที่โดดเด่นเกินคาด ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยปรับขึ้นถึง 7% ในวันศุกร์ค่ะ
ขณะเดียวกัน Nvidia ปรับตัวขึ้นเกือบ 4% หลังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้บริษัทส่งออกชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับสองไปยังจีนได้ ส่วน Oracle พุ่งขึ้นมากกว่า 6% หลังมีข่าวว่า ByteDance ตกลงมอบอำนาจควบคุมการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับกลุ่มพันธมิตรที่มี Oracle รวมอยู่ด้วย ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อธุรกิจคลาวด์ของบริษัทค่ะ โดยการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้มีส่วนช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ ท่ามกลางความแตกต่างของผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม และความกังวลด้านมูลค่าหุ้น AI ที่ยังคงอยู่ค่ะ
ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มผู้บริโภคและหุ้นเชิงป้องกันกลับกดดันบรรยากาศการลงทุนภายในดัชนี โดยหุ้น Nike ร่วงลงมากกว่า 10% หลังรายงานอัตรากำไรขั้นต้นลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง จากยอดขายในจีนที่อ่อนแอ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้ Nike กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถ่วงดัชนีมากที่สุดในกลุ่มผู้บริโภคค่ะ ขณะที่นอกเหนือจากดาวโจนส์ บรรยากาศการลงทุนแบบหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยิ่งชัดเจนขึ้น จากการร่วงลงอย่างหนักของผู้ผลิตอาหาร เช่น Lamb Weston และ Conagra ซึ่งสะท้อนความกังวลต่ออุปสงค์โดยรวมค่ะ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังพอได้แรงหนุนทางจิตวิทยาจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งตอกย้ำความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งในปีหน้า ขณะที่โดยภาพรวมแล้ว ดัชนีดาวโจนส์ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำกว่า S&P 500 และ Nasdaq ตลอดทั้งสัปดาห์ แต่การรีบาวด์ที่นำโดยหุ้นเทคโนโลยีในวันศุกร์ สะท้อนให้เห็นว่าผลการเคลื่อนไหวของดัชนียังคงอ่อนไหวอย่างมากต่อหุ้นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัว โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI เซมิคอนดักเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ ท่ามกลางหุ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงเผชิญแรงกดดันทั้งเชิงโครงสร้างและวัฏจักรเศรษฐกิจค่ะ
ทั้งนี้ คุณน้ามองว่าดัชนีดาวโจนส์ (US30) ยังมีปัจจัยพื้นฐานรองรับจากการฟื้นตัวของแรงส่งด้านผลประกอบการในกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แม้ว่าผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มจะยังไม่สม่ำเสมอก็ตาม สะท้อนว่าตลาดในระยะนี้ขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ มากกว่าการประเมินมูลค่า โดยนักลงทุนพร้อมปรับราคาใหม่ให้กับหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ที่มีความชัดเจนด้านการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในเชิงเศรษฐกิจมหภาค แรงกดดันเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง และความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed อย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อหุ้นในดาวโจนส์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอค่ะ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง และสภาพแวดล้อมของเส้นอัตราผลตอบแทนที่เริ่มมีแนวโน้มชันขึ้น มักเอื้อประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม การเงิน และโลจิสติกส์ในดัชนี แม้ Fed จะยังไม่สนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายในระยะสั้น แต่ตลาดยังคงประเมินเส้นทางนโยบายการเงินในเชิงบวก ส่งผลให้แรงกดดันจากอัตราต้นทุนการกู้ยืมต่อหุ้นขนาดใหญ่ลดลงค่ะ
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของ US30 ไม่ได้สะท้อนการเร่งตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง แต่ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของงบดุล อำนาจการตั้งราคา และการมีส่วนร่วมกับแนวโน้มการเติบโตเชิงโครงสร้าง เช่น AI ระบบอัตโนมัติ และโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์เป็นสำคัญ ส่งผลให้คุณน้ามองว่ามุมมองเชิงพื้นฐานของ US30 อาจยังอยู่ในโทนที่ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตใกล้ศักยภาพ เงินเฟ้อยังคงชะลอลง และผลประกอบการของภาคธุรกิจขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพการผลิต ดัชนีดาวโจนส์อาจยังสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม โอกาสขาขึ้นมีแนวโน้มค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าการพุ่งขึ้น โดยความผันผวนจะยังคงเกิดขึ้นจากความแตกต่างของผลประกอบการ การสื่อสารนโยบาย และภาวะอุปสงค์โลก โดยเฉพาะจากจีนและภาคการค้าที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลกค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

จากมุมมองด้านโครงสร้างแนวโน้ม คุณน้ามองว่า US30 ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยราคายังคงซื้อขายอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ 200 วันที่กำลังปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งค่ะ โดยตราบใดที่ราคายังสามารถยืนเหนือโซน 47,600–47,800 ได้ โครงสร้างขาขึ้นในภาพรวมยังคงสมบูรณ์ สะท้อนว่าการพักตัวในระยะนี้เป็นเพียงการปรับฐานเชิงเทคนิคค่ะ
ในด้านแนวรับและแนวต้าน คุณน้ามองว่าแนวรับระยะสั้นที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่บริเวณ 47,900–48,000 หากเกิดการย่อตัวลึกลงกว่านั้น แนวรับจะอยู่แถว 47,300–47,500 ขณะที่ทางแนวต้านแรกอยู่ที่ 48,400–48,500 หากสามารถปิดรายวันเหนือโซนนี้ได้อย่างชัดเจน จะเปิดทางให้ราคาขยับขึ้นสู่เป้าหมายถัดไปที่ 48,900–49,200 ค่ะ
ด้านตัวชี้วัดโมเมนตัมยังสนับสนุนมุมมองเชิงบวก โดย RSI ยังทรงตัวอยู่ในโซน 60–65 สะท้อนว่ายังมีแรงส่งขาขึ้นโดยไม่ได้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไปค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณน้ามองว่าตราบใดที่ US30 ยังสามารถรักษาโครงสร้างการปรับฐานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และยืนเหนือระดับ 47,800 ได้อย่างมั่นคง ความผันผวนมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายและมีโอกาสที่จะไปต่อในทิศทางขาขึ้นค่ะ ในทางกลับกัน คุณน้ามองว่า จะต้องเห็นราคาปรับตัวลงหลุดระดับ 47,300 อย่างชัดเจน จึงจะถือได้ว่าภาพรวมเชิงบวกถูกลบล้าง และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับฐานที่ลึกขึ้น โดยมีเป้าหมายถัดไปบริเวณ 46,500–46,800 ซึ่งในมุมมองของคุณน้า ณ ปัจจุบัน ยังเป็นสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : : 48156.0, 48147.9, 48134.7
- แนวต้านสำคัญ : 48182.4, 48190.5, 48203.7
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Micron Technology (MU): ในมุมมองทางเทคนิค คุณน้ามองว่า MU อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน หลังจากราคาทะลุขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่จากแรงหนุนของผลประกอบการที่โดดเด่น แนวรับระยะสั้นอยู่บริเวณ 235–245 ดอลลาร์ และหากมีการย่อตัวลึกลงมาอีก แนวรับถัดไปที่มีโอกาสดึงดูดแรงซื้อจะอยู่แถว 215–220 ดอลลาร์ ขณะที่การประเมินจากโมเมนตัมบ่งชี้ว่าหากการพักฐานจบลงในโซนบวก ราคาอาจขยับขึ้นไปทดสอบ 280–300 ดอลลาร์ได้ค่ะ โดยดัชนี RSI ยังคงอยู่เหนือระดับ 70 สะท้อนโมเมนตัมที่แข็งแรง แต่ก็เพิ่มความเป็นไปได้ของการแกว่งตัวในกรอบเพื่อพักฐาน ก่อนจะขึ้นต่อในรอบถัดไปค่ะ
- NVIDIA (NVDA): คุณน้ามองว่า NVDA กำลังอยู่ในช่วงพักฐานในกรอบกว้าง หลังจากปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง แนวรับที่แข็งแรงอยู่ในช่วง 150–160 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีแรงซื้อเข้ามาหลายครั้ง ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่แถว 195–205 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่มีแรงขายหนาแน่นกดราคาไว้ โดยตัวชี้วัดโมเมนตัม RSI ทรงตัวใกล้ระดับกึ่งกลาง สะท้อนภาวะสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย หากราคาปิดรายวันเหนือ 205 ดอลลาร์ได้อย่างชัดเจนพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสัญญาณของการกลับมาเร่งตัวของแนวโน้ม และเปิดทางขึ้นไปยังโซน 225–240 ดอลลาร์ค่ะ แต่ในทางกลับกัน หากหลุดต่ำกว่า 150 ดอลลาร์ จะบ่งชี้ถึงการปรับฐานที่ลึกขึ้นได้ค่ะ
- Oracle (ORCL): กราฟสะท้อนความผันผวนสูงและการเคลื่อนไหวที่ขับเคลื่อนด้วยข่าว โดยราคากำลังพยายามทรงตัวหลังจากการปรับฐานล่าสุด แนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 175–180 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา และหากหลุดลงไป แนวรับถัดไปจะอยู่แถว 160–165 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 195–200 ดอลลาร์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการทะลุขึ้นไปให้ได้อย่างชัดเจน เพื่อยืนยันการกลับสู่แนวโน้มขาขึ้น ท่ามกลาง RSI ที่แกว่งตัวในระดับกลาง สะท้อนว่า ORCL อยู่ในช่วงพักฐาน และหากเบรกทะลุแนวต้านขึ้นไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ 215–220 ดอลลาร์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือ 175 ดอลลาร์ได้ มุมมองจะกลับมาเป็นกลางถึงเชิงลบอีกครั้งค่ะ
- Nike (NKE): คุณน้ามองว่า NKE ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน หลังราคาหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 70 ดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแนวต้านสำคัญ โดยแนวรับระยะสั้นอยู่แถว 55–58 ดอลลาร์ หากไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ มีความเสี่ยงที่จะลงต่อไปทดสอบโซน 50–52 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI แม้อยู่ในภาวะขายมากเกินไป และอาจเพิ่มโอกาสรีบาวด์ระยะสั้น แต่ภาพรวมของแนวโน้มยังคงเป็นลบ ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 70 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคงค่ะ
- FedEx (FDX): แสดงภาพแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง จากบรรยากาศเชิงบวกด้านผลประกอบการเข้ามาหนุน แนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 270–275 ดอลลาร์ ส่วนบริเวณที่มีแรงซื้อรองรับอย่างแข็งแกร่งอยู่แถว 255–260 ดอลลาร์ ซึ่งมีแนวโน้มดึงดูดแรงซื้อหากเกิดการย่อตัวลึก ขณะที่แนวต้านหลักอยู่บริเวณ 295–300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่จำกัดการปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือ 300 ดอลลาร์ได้อย่างชัดเจน จะเป็นการยืนยันรูปแบบของแนวโน้มขาขึ้น และเปิดทางไปสู่เป้าหมายถัดขึ้นไปยังโซน 325–340 ดอลลาร์ได้ค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 48116.0 – 48156.0 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 48156.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 48182.9 และ SL ที่ประมาณ 48096.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 48182.4 – 48222.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 48233.0 และ SL ที่ประมาณ 48136.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 48182.4 – 48222.4 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 48182.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 48148.4 และ SL ที่ประมาณ 48242.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 48116.0 – 48156.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 48105.0 และ SL ที่ประมาณ 48202.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge







