Harmonic Pattern เป็นหนึ่งใน Price Pattern ที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวสูง ทำให้รูปแบบกราฟฮาโมนิกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาด้วยการใช้ Fibonacci ถึง 2 แบบด้วยกัน ทำให้โอกาสในการกลับตัวของราคามีความแม่นยำ ดังนั้นในบทความนี้ คุณน้าจะมาสอนดู Harmonic Pattern แบบละเอียด ฉบับเทรดเดอร์มืออาชีพ! ห้ามพลาดนะคะ!
*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Harmonic Pattern คืออะไร?
Harmonic Pattern (ฮาโมนิก แพทเทิร์น) คือ รูปแบบการเทรดที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการศึกษากราฟราคา โดยจะมีลักษณะเหมือนกับรูปทรงเรขาคณิตค่ะ ซึ่ง Harmonic Pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบ Price Pattern ที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวสูง เนื่องจากอาศัยการวิเคราะห์ร่วมกันกับอัตราส่วน Fibonacci ในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension เพื่อใช้ในการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Harmonic Pattern พัฒนามาจากใคร?
Harmonic Pattern ถูกพัฒนาครั้งแรกโดย Harold McKinley Gartley ในช่วงปี 1930 ซึ่ง เขาได้พัฒนารูปแบบกราฟตามชื่อของตนเองนั่นก็คือ Gartley Pattern ค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีนักเขียนอีก 2 ท่านที่ร่วมพัฒนารูปแบบกราฟฮาโมนิกเช่นเดียวกันอย่าง Larry Pesavento ผู้กำหนดกฎพื้นฐานในการใช้กราฟฮาโมนิกร่วมกับอัตราส่วน Fibonacci หรือ Scott M. Carney ผู้ออกแบบรูปแบบกราฟเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Crab Pattern หรือ Bat Pattern เป็นต้น
Fibonacci คืออะไร? ใช้ร่วมกับ Harmonic Pattern ยังไง?
Fibonacci คือ ลำดับของตัวเลขฟีโบนัชชีที่ถูกค้นพบโดย Leonardo Pisano นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ซึ่งหลักการของ Fibonacci ก็คือ การนำตัวเลข 0 และ 1 มาบวกกันไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นผลลัพธ์นั่นเอง ซึ่งการใช้ Fibonacci ร่วมกับ Harmonic Pattern จะมีทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Fibonacci Retracement : ใช้ในการวัดจุดพักตัวของกราฟในแนวโน้มขาขึ้นหรือแนวโน้มขาลง โดยการวัดสัดส่วนของ Fibonacci Retracement จะอยู่ที่ตั้งแต่ 0% ถึง 100%
Fibonacci Extension : ใช้วัดการขยายตัวของราคาที่เพิ่มจากระดับเดิม เพื่อวัดระยะที่กราฟเริ่มทำ New High หรือ New Low นั่นเองค่ะ ซึ่ง Fibonacci Extension จะมีค่ามากกว่า 100% ขึ้นไป
วิธีการสังเกต 5 ตำแหน่งสำคัญของ Harmonic Pattern
ก่อนที่จะไปรู้จักกับรูปแบบของฮาโมนิกนั้น คุณควรทำความเข้าใจ 5 ตำแหน่งสำคัญของฮาโมนิกก่อนค่ะ เพราะเป็นเทคนิคเบื้องต้นในการอ่านรูปแบบกราฟ และที่สำคัญก็คือ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกำไร รวมไปถึงอัตราความเสี่ยงที่มีต่อผลตอบแทน (Risk to Reward) ที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ
Harmonic Pattern จะประกอบไปด้วย 5 จุดสำคัญ ได้แก่ X, A, B, C และ D ซึ่งแต่ละจุดจะมีความสัมพันธ์กับสัดส่วนทองคำหรือ Fibonacci อย่างชัดเจนค่ะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
5 จุดสำคัญของ Harmonic Pattern | ความหมาย |
จุด X | เป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบ ซึ่งใช้เป็นฐานในการอ้างอิงการเคลื่อนไหวของราคาต่อไป |
จุด A | เป็นจุดกลับตัวแรกจากจุดเริ่มต้น X ซึ่งนำไปสู่การสร้างรูปแบบ Harmonic Pattern ไม่ว่าจะเป็น Gartly, Bat หรือ Crab เป็นต้น โดยการเคลื่อนไหวจาก X ไป A มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับราคาเดิม |
จุด B | เป็นจุดย้อนกลับจากจุด A โดยมักจะสวนทางกับการเคลื่อนจากจุด X ไปจุด A สำหรับจุด B มักจะมีความสัมพันธ์กับอัตราส่วน Fibonacci ของการเคลื่อนไหวของราคาจากจุด X ไป A เพื่อช่วยยืนยันว่ากราฟกำลังเข้าสู่รูปแบบ Harmonic |
จุด C | เป็นจุดที่ราคาเกิดการกลับตัวอีกครั้ง โดยมักจะสวนทางกับการเคลื่อนไหวจากจุด A ไป B สำหรับจุด C มักจะมีความสัมพันธ์กับอัตราส่วน Fibonacci ของการเคลื่อนไหวของราคาจากจุด A ไป B เพื่อช่วยสร้างรูปแบบ Harmonic ให้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงช่วยระบุตำแหน่งของจุด D ให้แม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย |
จุด D | เป็นจุดสำคัญที่บ่งชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา เพราะเป็นจุดที่เกิดจากการกำหนดสัดส่วนของ Fibonacci จากจุด X ไปจุด A, จุด A ไป B และจุด B ไป C เมื่อถึงจุด D แล้วเกิดเป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา (Potential Reversal Zone : PRZ) |
Harmonic Pattern มีกี่รูปแบบ และใช้ยังไง?
Harmonic Pattern มีทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่ Gartley Pattern, Bat Pattern, AB=CD Pattern, Crab Pattern, Butterfly Pattern และ Cypher Pattern โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Gartley Pattern
Gartley Pattern เป็นฮาโมนิกขั้นพื้นฐานที่ถูกตั้งชื่อตามผู้พัฒนา Harold McKinley Gartley โดยรูปแบบ Gartley มีลักษณะสำคัญ ดังนี้

Bullish Gartley Pattern
- ราคาเริ่มต้นจากจุด X ขึ้นไปทดสอบที่จุด A ก่อนที่ราคาจะเกิดการปรับตัวลงมาที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci มีการปรับตัวขึ้นไประหว่าง 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- โซนการกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127.2% – 161.8% จาก B ไป C
- ราคาจะลงมาที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวรับสำคัญ ทำให้เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ (Buy) เพราะราคามีโอกาสเกิดการปรับตัวขึ้นไป
Bearish Garley Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ลงไปจุด A ก่อนที่ราคาจะเกิดการพักตัวที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- หากราคามีการกลับตัวลงมาทดสอบจุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- โซนการกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 127.2% – 161.8% จาก B ไป C
- ราคาจะขึ้นไปที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวต้านสำคัญ ทำให้เป็นจุดเทขายที่น่าสนใจ (Sell) เพราะราคามีโอกาสกลับตัวลงมา
ข้อสังเกต : จุด D เป็นเพียงบริเวณที่คาดว่าราคาอาจจะเปลี่ยนทิศทางหรือมีแนวโน้มเกิดการกลับตัว ไม่ใช่การเกิด Breakout แต่อย่างใดค่ะ
การทำกำไรด้วย Bullish Gartley Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish Gartley Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้บริเวณจุด X | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือบริเวณจุด X |
ตั้ง Take Profit บริเวณจุด AD ซึ่งสามารถตั้ง Take Profit ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด AD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 61.8% ของจุด AD | ตั้ง Take Profit บริเวณ AD ซึ่งสามารถตั้ง Take Profit ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด AD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 61.8% ของจุด AD |
Bat Pattern
Bat Pattern เป็นฮาโมนิกที่มีลักษณะคล้ายค้างคาว ซึ่งมีจุดเด่นก็คือ ราคามีโอกาสในการกลับตัวสูง แม้ราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในบริเวณที่แคบ โดย Bat Pattern มีรายละเอียด ดังนี้

Bullish Bat Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขยับขึ้นไปจุด A ก่อนที่ราคาจะเกิดการย่อตัวลงมาที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci ระหว่าง 38.2% – 50.0% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาจะดีดตัวขึ้นไปจุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- และหากราคาขยับตัวลงไปจุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 88.6% จากจุด X ไปจุด A
- โซนการกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 161.8% – 261.8% จาก B ไป C
- จุด D ต้องต่ำกว่าจุด X และต้องอยู่ใกล้จุด X
- จุด D เป็นแนวรับสำคัญ ทำให้เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ (Buy) เพราะราคามีโอกาสกลับตัวขึ้นไป
Bearish Bat Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขยับลงไปจุด A ก่อนที่ราคาจะดีดตัวขึ้นไปจุด B อยู่ในระดับ Fibonnaci ระหว่าง 38.2% – 50.0% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาจะปรับตัวลงมาที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci ระหว่าง 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- และหากราคาขยับขึ้นไปที่จุด D อยู่ที่สัดส่วน Fibonacci 88.6% จากจุด X ไปจุด A
- โซนการกลับตัว PRZ จะอยู่ที่ 161.8% – 261.8% จาก B ไป C
- จุด D ต้องสูงกว่าจุด X และอยู่ใกล้จุด X
- จุด D เป็นแนวต้านสำคัญ ทำให้เป็นจุดเทขายที่น่าสนใจ (Sell) เพราะราคามีโอกาสกลับตัวลงมา
การทำกำไรด้วย Bullish Bat Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish Bat Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้บริเวณจุด X | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือบริเวณจุด X |
ตั้ง Take Profit บริเวณ AD ซึ่งสามารถตั้ง TP ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด AD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 61.8% ของจุด AD | ตั้ง Take Profit บริเวณ AD ซึ่งสามารถตั้ง TP ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด AD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 61.8% ของจุด AD |
AB=CD Pattern
AB=CD Pattern เป็นรูปแบบฮาโมนิกที่ AB และ CD มีระยะทางเท่ากันเสมอ ทำให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์บริเวณจุด D ที่มีโอกาสในการกลับตัวสูงได้ค่ะ โดยรูปแบบ AB=CD Pattern มีรายละเอียด ดังนี้

Bullish AB=CD Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด A ขยับลงไปจุด B ก่อนที่ราคาจะเกิดการดีดตัวขึ้นไปที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci ระหว่าง 61.8% – 78.6% จากจุด A ไปจุด B
- จากนั้นจุด D ควรอยู่ในสัดส่วน Fibonacci ระหว่าง 127.0% – 161.8% จากจุด B ไปจุด C
- บริเวณ AB = CB เสมอ
Bearish AB=CD Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด A ขยับขึ้นไปจุด B ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมาที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci ระหว่าง 61.8% – 78.6% จากจุด A ไปจุด B
- จากนั้นจุด D ควรอยู่ในสัดส่วน Fibonacci ระหว่าง 127.0% – 161.8% จากจุด B ไปจุด C
- บริเวณ AB = CB เสมอ
การทำกำไรด้วย Bullish AB=CD Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish AB=CD Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าบริเวณจุด D เล็กน้อย | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือกว่าบริเวณจุด D เล็กน้อย |
ตั้ง Take Profit บริเวณ CD ซึ่งสามารถตั้ง TP ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด CD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 50% ของจุด CD | ตั้ง Take Profit บริเวณ CD ซึ่งสามารถตั้ง TP ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% ของจุด CD หรือตั้ง TP2 อยู่ที่ 50% ของจุด CD |
Crab Pattern
Crab Pattern เป็นฮาโมนิกที่มีลักษณะเหมือนปูที่มีลำตัวยาว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคามีโอกาสกลับตัวที่ค่อนข้างยาว โดย Crab Pattern มักพบได้ในแนวโน้ม Sideway มากกว่าแนวโน้มอื่น ๆ ค่ะ สำหรับ Crab Pattern มีรายละเอียด ดังนี้

Bullish Crab Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขยับขึ้นไปจุด A ก่อนที่จะเกิดการย่อตัวลงมาที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci ระหว่าง 38.2% – 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาเกิดการดีดตัวขึ้นไปที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 88.6% วัดจากจุด A ไปจุด B
- โซน PRZ จะอยู่ที่ 224.0% – 361.8% จาก B ไป C
- ราคาจะทำการ New Low ที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 161.8% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวรับสำคัญ ทำให้เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ (Buy) เพราะราคามีโอกาสในการกลับตัวขึ้นไป
Bearish Crab Pattern
- ราคาเริ่มจาก X ขยับลงไปที่จุด A ก่อนที่จะเกิดการดีดตัวขึ้นไปที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาเกิดการย่อตัวลงมาที่จุด อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- โซน PRZ จะอยู่ที่ 224.0% – 361.8% จาก B ไป C
- ราคาจะทำการ New High ที่จุด D ในระดับ Fibonacci 161.8% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวต้านสำคัญ ทำให้เป็นจุดเทขายที่น่าสนใจ (Sell) เพราะราคามีโอกาสกลับตัวลงมา
การทำกำไรด้วย Bullish Crab Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish AB=CD Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้บริเวณจุด X | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือบริเวณจุด X |
ตั้ง Take Profit บริเวณ AD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ AD หรือ TP2 อยู่ที่ 61.8% บริเวณ AD เป็นต้น | ตั้ง Take Profit บริเวณ AD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ AD หรือ TP2 อยู่ที่ 61.8% บริเวณ AD เป็นต้น |
Butterfly Pattern
Butterfly Pattern เป็นฮาโมนิกที่ช่วยวิเคราะห์การกลับตัวของราคา ซึ่งมีวิธีการสังเกตก็คือ จุด D จะยืดออกไปไกลกว่าจุด XA (ราคาเริ่มจาก X ไปจุด A) ทำให้มีลักษณะคล้ายกับผีเสื้อค่ะ โดย Butterfly Pattern มีรายละเอียด ดังนี้

Bullish Butterfly Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขยับขึ้นไปที่จุด A ก่อนที่ราคาจะเกิดการย่อตัวลงมาที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปที่จุด A
- จากนั้น ราคาเกิดการดีดตัวขึ้นไปที่จุด C อยู่ในสัดส่วน Fibonacci 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- โซน PRZ จะอยู่ที่ 161.8% – 261.8% จาก B ไป C
- ราคาเกิดการ New Low ที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 127.0% – 161.8% จากจุด X ไป A
- จุด D เป็นแนวรับสำคัญที่มีการยืดออกไป ทำให้เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ (Buy) ค่ะ
Bearish Butterfly Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขยับลงไปที่จุด A ก่อนที่ราคาจะเกิดการดีดตัวขึ้นไปที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาเกิดการย่อตัวลงมาที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 88.6% จากจุด A ไปจุด B
- โซน PRZ จะอยู่ที่ 161.8% – 261.8% จาก B ไป C
- ราคาเกิดการ New High ที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 127.0% – 161.8% จากจุด X ไป A
- จุด D เป็นแนวต้านสำคัญที่มีการยืดออกไป ทำให้เป็นจุดเทขายที่น่าสนใจ (Sell) ค่ะ
การทำกำไรด้วย Bullish Butterfly Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish AB=CD Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้บริเวณจุด X | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือบริเวณจุด X |
ตั้ง Take Profit บริเวณ AD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ AD หรือ TP2 อยู่ที่ 127.2% บริเวณ AD เป็นต้น | ตั้ง Take Profit บริเวณ AD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ AD หรือ TP2 อยู่ที่ 127.2% บริเวณ AD เป็นต้น |
Cypher Pattern
Cypher Pattern เป็นฮาโมนิกที่มาพร้อมกับการจัดการความเสี่ยงที่ดีค่ะ (Risk : Reward) ทำให้เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ เพราะเป็นฮาโมนิกที่สังเกตได้แบบไม่ยากจนเกินไปค่ะ โดย Cypher Pattern มีรายละเอียด ดังนี้

Bullish Cypher Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ขึ้นไปยังจุด A ก่อนที่จะทำการย่อตัวลงไปที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาจะดีดตัวขึ้นไปที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 127.0% – 141.4% จากจุด A ไปจุด B
- ราคาจะย่อตัวลงไปที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวรับสำคัญ ทำให้เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ (Buy)
Bearish Cypher Pattern
- ราคาเริ่มจากจุด X ลงมาที่จุด A ก่อนที่จะทำการดีดตัวขึ้นไปที่จุด B อยู่ในระดับ Fibonacci 38.2% – 61.8% จากจุด X ไปจุด A
- จากนั้น ราคาจะย่อตัวลงมาที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 127.0% – 141.4% จากจุด A ไปจุด B
- ราคาจะกลับตัวขึ้นไปที่จุด D อยู่ในระดับ Fibonacci 78.6% จากจุด X ไปจุด A
- จุด D เป็นแนวต้านสำคัญ ทำให้เป็นจุดเทขายที่น่าสนใจ (Sell)
การทำกำไรด้วย Bullish Cypher Pattern | การทำกำไรด้วย Bearish AB=CD Pattern |
เปิด Order Buy บริเวณจุด D | เปิด Order Sell บริเวณจุด D |
ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้บริเวณจุด X | ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือบริเวณจุด X |
ตั้ง Take Profit บริเวณ CD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ CD หรือ TP2 อยู่ที่ 28% บริเวณ CD เป็นต้น | ตั้ง Take Profit บริเวณ CD โดยสามารถตั้ง TP ไว้ได้หลายระดับ เช่น TP1 อยู่ที่ 38.2% บริเวณ CD หรือ TP2 อยู่ที่ 28% บริเวณ CD เป็นต้น |
การหาจุดเข้าเทรดด้วย Harmonic Pattern เบื้องต้น!
หลังจากที่คุณได้รู้จักกับ 6 Harmonic Pattern ยอดนิยมไปแล้ว คุณน้าจะขออธิบายการหาจุดเข้าเทรดแบบเบื้องต้น ฉบับมือใหม่กันค่ะ โดยการใช้ Harmonic Pattern ในการเปิดปิดออเดอร์มีวิธีการสังเกตที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การสังเกตลักษณะตัว M หรือตัว W ในกราฟนั่นเองค่ะ โดย “ตัว M รอ Buy” ส่วน “ตัว W รอ Sell” ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
Bullish Harmonic Pattern (M) “รอ Buy”

เมื่อคุณเห็นกราฟแล้ว ให้หาจุด X ไปจุด A ซึ่งจุดนี้หากเป็นโครงสร้างที่ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นอะไรค่ะ เพราะจุดที่คุณต้องสังเกตจริง ๆ ก็คือ จุด B โดยจุด B ที่เข้าเกณฑ์ฮาโมนิกก็ต่อเมื่อราคาเกิดการย่อตัวลงมาจากจุด X ไปจุด A ค่ะ ซึ่งหากราคาจุด B ลงมาทดสอบในระดับ Fibonacci ถือว่าจุด B ได้เกิดขึ้นแล้วค่ะ
หลังจากนั้น คุณต้องสังเกตจุด C ด้วยการตีเส้น Fibonacci เช่นเดิม โดยการวัดจากจุด A ขึ้นไปที่จุด B และหากจุด C อยู่ในระดับ Fibonacci จะถือได้ว่าเป็นจุดที่ชัดเจนในการหาจุด D ต่อไปค่ะ
ดังนั้น จุด D ที่มักอยู่ในโซน Extension สามารถเข้าเทรดได้ตั้งแต่จุด B ไป C ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเปิด Order Buy บริเวณจุด D ได้เลย เพราะราคามีโอกาสในการกลับตัวขึ้นค่ะ
Bearish Harmonic Pattern (W) “รอ Sell”

สำหรับ Harmonic Pattern ตัว W มีวิธีการสังเกตที่ตรงข้ามกับ Harmonic Pattern ตัว M โดยเริ่มสังเกตกราฟจากจุด X ไปจุด A เช่นเดิม โดยจุด B ที่เข้าเกณฑ์ฮาโมนิกก็คือ ราคาเกิดการดีดตัวขึ้นไปจากจุด X ไปจุด A นั่นถือว่าจุด B ได้เกิดขึ้นแล้วค่ะ
จากนั้น สังเกตจุด C เช่นเดียวกัน โดยการตีเส้น Fibonacci ด้วยการวัดจากจุด A ลงมาที่จุด B และหากจุด C อยู่ในระดับ Fibonacci จะถือได้ว่าเป็นจุดที่ชัดเจนในการหาจุด D ต่อไปค่ะ ดังนั้น จุด D ที่มักอยู่ในโซน Extension สามารถเข้าเทรดได้จากจุด B ไป C ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเปิด Order Sell บริเวณจุด D ได้เลย เพราะราคามีโอกาสกลับตัวลงมาค่ะ
สำหรับจุด D ที่ใช้ในการเข้าเทรดนั้น Harmonic Pattern แต่ละประเภทจะกำหนดจุดในการเข้าเทรดที่แตกต่างกันออกไปค่ะ โดยวิธีการสังเกตที่คุณน้าได้กล่าวไปข้างต้น เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นเท่านั้น ดังนั้น เทรดเดอร์ควรศึกษาลักษณะสำคัญของ Harmonic Pattern แต่ละประเภทให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจเข้าเทรดค่ะ
ตัวอย่างการใช้ Harmonic Pattern Forex
คุณน้าขอยกตัวอย่างการใช้ Harmonic Pattern Forex เพื่อให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถเห็นรูปแบบกราฟจริง โดยรูปแบบฮาโมนิกที่คุณน้าจะยกตัวอย่างก็คือ Bullish AB=CD Pattern ในคู่สกุลเงิน XAUUSD ที่ใช้ TF 30M โดยมีรายละเอียด ดังนี้

จุดสังเกตสำคัญ :
- ราคาเริ่มจากจุด A ขยับลงไปจุด B ก่อนที่ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นไปที่จุด C อยู่ในระดับ Fibonacci 61.8%
- จากนั้นราคาปรับตัวลงไปที่จุด D อยู่ในสัดส่วน Fibonacci 127.7% จาก B ไป C ทำให้คุณน้าเปิด Order Buy เนื่องจากราคามีโอกาสกลับตัวขึ้นไป โดยตั้ง SL ใต้บริเวณจุด D และตั้ง TP ไว้หลายระดับ โดย TP1 อยู่ที่ 38.2% และ TP 2 อยู่ที่ 61.8% เพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรค่ะ
ข้อดี-ข้อเสียของ Harmonic Pattern
ข้อดี
- ช่วยระบุโอกาสในการกลับตัวได้อย่างแม่นยำ
- สามารถใช้ได้กับทุกตลาด ทำให้มีความยืดหยุ่นในการเทรด
- สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคชนิดอื่น เช่น Indicator เพื่อยืนยันสัญญาณได้อย่างชัดเจน
ข้อเสีย
- การอ่านกราฟมีความซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการเทรดเป็นอย่างมาก
- ความแม่นยำขึ้นอยู่กับการตีเส้น Fibonacci ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้
- บางครั้งอาจเกิดสัญญาณหลอกได้
คำถามที่พบบ่อยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบ Harmonic Trading
6 รูปแบบ Harmonic Pattern มีอะไรบ้าง?
- Gartley Pattern
- Bat Pattern
- AB=CD Pattern
- Crab Pattern
- Butterfly Pattern
- Cypher Pattern
PRZ คืออะไร?
PRZ ย่อมาจาก Potential Reversal Zone คือ โซนราคาที่คาดว่าจะมีโอกาสเกิดการกลับตัว ซึ่งรูปแบบฮาโมนิกจะสามารถระบุโซน PRZ ในการเข้าเทรดได้นั่นเอง
Harmonic Pattern ใช้ยังไง?
Harmonic Pattern เป็นหนึ่งในรูปแบบ Price Pattern ที่มีโอกาสในการกลับตัวสูง เนื่องจากอาศัยการวิเคราะห์ร่วมกันกับอัตราส่วน Fibonacci ในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Fibonacci Retracement และ Fibonacci Extension
สรุป Harmonic Trading ฉบับมือใหม่
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า Harmonic Pattern เป็นรูปแบบการกลับตัวที่มีความแม่นยำสูงค่ะ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้งานควบคู่ไปกับ Fibonacci Retracementและ Fibonacci Extension ในการหาสัญญาณการกลับตัว ทำให้สามารถใช้ได้ดีกับทุกสภาวะตลาดค่ะ
อย่างไรก็ดี Harmonic Pattern ก็มีจุดที่เทรดเดอร์ควรระมัดระวังเช่นกันนะคะ เพราะ Harmonic Pattern แต่ละประเภท มีวิธีการสังเกตและการตั้งค่าที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญก็คือ ไม่ใช่ทุกกราฟจะมีลักษณะเป็น Harmonic Pattern ตัว M หรือตัว W ค่ะ
ดังนั้น คุณน้าขอแนะนำให้ทุกคนศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบกราฟและหมั่นฝึกฝนทักษะในการเทรดให้มีความแม่นยำ เพื่อช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge