การเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนจำเป็นอย่างมากที่ต้องรู้แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศหรือภูมิภาคนั้น ๆ เพราะถ้าเรารู้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว จะทำให้สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งหนึ่งใน Indicators ที่นักลงทุนมืออาชีพมักจะใช้เป็นประจำเพื่อวิเคราะห์ดูแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตก็คือ “ดัชนี PMI” วันนี้คุณน้าจึงได้รวบรวมสิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้เกี่ยวกับดัชนี PMI มาไว้ให้แล้ว ถ้าพร้อมแล้ว…ไปเริ่มกันเลยค่ะ
PMI คืออะไร ?
PMI คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ โดยย่อมาจาก Purchasing Managers Index โดยปกติแล้วจะใช้มาตรการนี้เป็นตัวชี้วัดการเติบโตหรืออาจจะใช้ GDP ก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือธนาคารกลางใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการกำหนดนโยบายการเงิน ไม่เพียงแต่ข้อมูล PMI ทั้งหมดเท่านั้น แต่ส่วนประกอบแต่ละตัวก็สามารถนำไปใช้ในตลาดต่าง ๆ ได้ด้วยค่ะ

ตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณดัชนี PMI
ในการคำนวณดัชนี PMI จะมีการคำนึงถึง 5 ตัวแปร ได้แก่
- คำสั่งซื้อใหม่
- ผลผลิต
- การจ้างงาน
- เวลาขนส่งของวัตถุดิบ
- สินค้าคงคลังวัตถุดิบ
โดยทั้ง 5 ตัวแปรนี้จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ผู้จัดการฝ่ายซื้อมีการเร่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อหรือ PMI ก็จะเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ค่าของดัชนี PMI มีการตีความหมายดังนี้
การใช้ดัชนี PMI เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งนักลงทุนสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การวางแผนลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากดัชนี PMI สามารถสะท้อนความเป็นไปทางเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที ซึ่งค่าของดัชนี PMI มีการตีความหมายดังนี้
- ถ้าดัชนี PMI มีค่ามากกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวจากระดับปัจจุบัน
- ถ้าดัชนี PMI มีค่าเท่ากับ 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มคงที่จากระดับปัจจุบัน
- ถ้าดัชนี PMI มีค่าน้อยกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวจากระดับปัจจุบัน
ข้อมูล PMI สามารถบอกอะไรได้บ้าง ?
ถ้าหากค่าตัวเลขออกมาสูงกว่า 50 นั่นแปลว่าสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ถ้าหากต่ำกว่า 50 แปลว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอย หรือเริ่มไม่ดีแล้ว
ตัวอย่างเช่น ในตลาดตราสารหนี้เฝ้าดูการเติบโตของการส่งมอบของผู้ขายและราคาที่จ่าย เพราะตัวเลขสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อได้ดัชนีนี้มีความสำคัญไม่เพียงแต่กับภาคการผลิตเท่านั้นแต่กับเศรษฐกิจทั้งหมดด้วยเนื่องจากภาคการผลิตเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นหาก PMI ลดลงในประเทศหนึ่ง นักลงทุนอาจพิจารณาลดความเสี่ยงของพวกเขาในตลาดทุนของประเทศนั้น และเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆที่มีค่า PMI ที่สูงขึ้น
PMI แบ่งเป็นกี่ดัชนี ?
ดัชนี PMI แบ่งเป็น 2 ดัชนีหลัก ดังนี้
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI)
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Non-Manufacturing PMI หรือ Service PMI)
Flash Services PMI คืออะไร ?
PMI ของบริการ Flash คือค่าประมาณล่วงหน้าของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบริการ (PMI) สำหรับประเทศหนึ่ง ๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลบ่งชี้ล่วงหน้าที่แม่นยำของข้อมูล PMI ของบริการขั้นสุดท้าย ในตลาดการเทรดของคู่สกุลเงิน ประเทศที่เป็นสกุลเงินหลักก็มักจะถูกจับตามองเป็นอย่างมากค่ะ เพราะสามารถบ่งบอกสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานั้นได้ค่ะ แน่นอนว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ถูกจับตามองมากที่สุดค่ะ

Flash Manufacturing PMI คืออะไร ?
Flash Manufacturing PMI คือค่าประมาณของการผลิตสำหรับประเทศหนึ่ง ๆ โดยอิงจากประมาณ 85% ถึง 90% ของการตอบแบบสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งหมดในแต่ละเดือน
PMI กับราคาทองคำ
รู้หรือไม่? ค่า PMI สามารถบ่งบอกสภาวะเศรษฐกิจได้ ดังนั้นหากสภาวะเศรษฐกิจดีก็แปลว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอาจจะไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนมองหาในช่วงเวลานั้นค่ะ และในทางกลับกัน ถ้าสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหรือถดถอยก็แปลว่าสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นสิ่งที่น่าลงทุนในช่วงเวลานั้น ก็จะส่งผลให้ทองคำราคาขึ้น หรือให้พูดง่าย ๆ ได้ตามนี้ค่ะ
PMI สูง = ราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่ำ
PMI ต่ำ = ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น

คำถามที่พบบ่อย PMI คืออะไร ?
🔍 ดัชนี PMI บ่งบอกอะไร ?
ดัชนี PMI ใช้บ่งบอกแนวโน้มของเศรษฐกิจ หากดัชนี PMI สูงกว่า 50 แสดงว่าเศรษฐกิจหรือภาวะธุรกิจมีทิศทางดีขึ้น แต่หากดัชนี PMI ต่ำกว่า 50 แสดงว่าเศรษฐกิจหรือภาวะธุรกิจมีทิศทางแย่ลง
🔍 PMI Forex คืออะไร ?
PMI ย่อมาจาก Purchasing Managers Index ซึ่งก็คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อขาย เป็นตัวบ่งชี้ที่สุขภาพทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตว่าดีขึ้นหรือแย่ลง
🔍 จุดประสงค์ของ PMI
ดัชนี PMI ใช้เพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้นต่อนักลงทุน เพื่อใช้ในการวางแผนการลงทุน
สรุป PMI คืออะไร ?
PMI คือ ดัชนีที่ใช้เป็นตัวชี้วัดการเติบโตหรือสภาวะทางเศรษฐกิจ หากค่าตัวเลขออกมาสูงกว่า 50 แสดงว่าสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีหรือมีการขยายตัว แต่ถ้าหากค่าต่ำกว่า 50 แสดงว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอยนั่นเองค่ะ โดยค่า PMI นี้ถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในการพิจารณาตลาดเพื่อเลือกลงทุนได้อย่างคุ้มค่าค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Traderbobo และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทความในการเทรดที่น่าสนใจ : มือใหม่หัดเทรด
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge