สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการหุ้นอาจจะคงสงสัยใช่ไหมคะว่า ETF คืออะไร แล้วมีความแตกต่างกับหุ้นอย่างไร แล้วตัวเองเหมาะที่จะลงทุนกับประเภทนี้ไหม ไม่ต้องกังวลไปค่ะวันนี้คุณน้าพาเทรดจะพาทุกคนไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ETF คืออะไร ?

ETF ย่อมากจาก Exchanged Traded Fund นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิงต่างๆ เช่น ดัชนี SET50, SET100, ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ทองคำ, ราคาน้ำมัน และดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น
อีกทั้ง ETF จะรวมลักษณะเด่นต่าง ๆ ของกองทุนรวมทั่วไปและหุ้นเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง ETF จะลงทุนในกลุ่มหุ้นหรือพันธบัตร ในขณะที่นักลงทุนสามารถซื้อและขายกองทุนได้ตลอดวันทำการจนกว่าตลาดปิดเหมือนหุ้น และข้อนี้สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ กองทุน ETF จะอิงผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงตามที่ระบุไว้ เช่น MSCI India Index ซึ่งนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าวด้วยค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่า ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวนะคะ
ETF = กองทุนรวม (ทุนน้อย กระจายความเสี่ยง) + หุ้น (คล่องตัว ราคาซื้อขาย Real-Time)
ETF ต่างกับหุ้นอย่างไร ?
การซื้อหุ้นจะเป็นการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น แต่การซื้อ ETF จะเหมือนนำเงินลงทุนของเราไปกระจายซื้อทุกหลักทรัพย์หรือในสินทรัพย์ที่อ้างอิงตามน้ำหนักของดัชนี เช่น ETF ที่อ้างอิงดัชนี SET50 ก็จะซื้อหุ้นทั้ง 50 ตัวในสัดส่วนเดียวกับที่อยู่ในดัชนี SET50 เพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด จึงทำให้ ETF เป็นเครื่องมือช่วยกระจายความเสี่ยงที่ต้นทุนต่ำ
และ ETFก็ยังแตกต่างกับหุ้นตรงที่ หุ้นจะไม่มี Market Maker และ Participant Dealer โดยราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความต้องการขายของนักลงทุนล้วน ๆ นั่นเองค่ะ
ผลตอบแทนของมาจากไหน ?
เราสามารถได้รับผลตอบแทนของ ETFจากเงินปันผล (Dividend Yield) และ ส่วนต่างราคา (Capital Gain) นั่นเอง ซึ่งก็ทำให้เราเห็นดชัด ๆ กันเลยนะคะ ว่าเป็นผลตอบแทนที่รวมกันระหว่างกองทุนรวมและหุ้นเข้าไว้ด้วยกันเลยค่ะ
ถ้าอยากลงทุนต้องทำอย่างไร ?
อันดับแรกคือเราต้องเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ค่ะ โดยโบรกเกอร์ต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างมาก ๆ ที่จะมาเป็นตัวเลือกให้กับนักลงทุนหรือนักเทรด ไม่ว่าจะเป็น Cryptocurrencies, Forex, Stocks, ETF, และ Commodities ซึ่งก็มักจะรวมมาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้สามารถเลือกกันได้ง่าย ๆ มากเลยค่ะ
อันดับต่อมาคือกำหนดเป้าหมายการลงทุน เช่น ต้องการลงทุนในขนาดเท่าใด, ระยะเวลาในการลงทุน, ความเสี่ยงที่รับได้ เป็นต้น และก็อย่าลืมติดตามผลและปรับพอร์ตการลฝทุนของเราอยู่เรื่อย ๆ ด้วยนะคะ
และก็จบไปแล้วนะคะสำหรับใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับ ETF ทางทีมงานคุณน้าพาเทรดก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คืออย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบทุกครั้งก่อนทำการลงทุนนะคะ
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : คลิกที่นี่
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge
ขอบคุณข้อมูลจาก : Investopedia