หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงดัชนี S&P 500 ปิดลบในวันพุธ หลังจากที่แรงซื้อช่วงต้นตลาดเริ่มอ่อนแรงลง ท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และความไม่มั่นใจเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องแรงกดดันด้านราคาจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่บรรยากาศการลงทุนยังคงเปราะบาง เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอความชัดเจนเพิ่มเติมในด้านนโยบายการค้า รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นค่ะ
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.27% ยุติการปรับขึ้นติดต่อกันสามวัน โดยกลุ่มที่กดดันตลาดมากที่สุดคือหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ระบุว่าจะประกาศอัตราภาษีที่แน่นอนต่อประเทศคู่ค้าหลักในเร็ว ๆ นี้ ประกอบกับข่าวการอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ในอิรัก และความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านที่ยังคงดำเนินอยู่ ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับสินทรัพย์เสี่ยงค่ะ
แม้ว่ารายงานเงินเฟ้อจะแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ต่อเดือน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยหนุนตลาดอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ออกมาในเชิงอ่อนนี้กลับเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนความคาดหวังว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยเครื่องมือ CME FedWatch ชี้ว่ามีโอกาสถึง 70% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายนค่ะ
ในขณะเดียวกัน ความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ถูกลดทอนลง จากเนื้อหาของข้อตกลงในกรอบเบื้องต้นที่ยังขาดรายละเอียดสำคัญ แม้ว่าทำเนียบขาวจะอ้างว่าข้อตกลงนี้เปิดทางให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีในระดับสูงกับสินค้าจีนบางรายการได้มากถึง 55% แต่นักลงทุนในตลาดก็ยังไม่มั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้หรือไม่ และจะยั่งยืนเพียงใดค่ะ
ด้านราคาหุ้นรายตัว Amazon (AMZN) ร่วงลง 2% ขณะที่ Nvidia (NVDA) ลดลง 0.8% ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดดัชนี S&P 500 ลง อย่างไรก็ตาม หุ้น Tesla (TSLA) ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.1% หลังจากซีอีโอ Elon Musk พยายามลดกระแสความขัดแย้งจากคำพูดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วน Oracle (ORCL) พุ่งขึ้นเกือบ 8% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการหลังรายงานกำไรจากธุรกิจคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ GitLab ร่วงลงถึง 11% หลังประกาศผลประกอบการที่น่าผิดหวัง GameStop (GME) ก็ปรับลดลง 5.3% หลังรายงานรายได้ที่หดตัวค่ะ
ในกลุ่มที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น Warner Bros Discovery (WBD) พุ่งขึ้นกว่า 5%, Starbucks (SBUX) เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% และ GE Vernova (GEV) ขยับขึ้นเกือบ 4% กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่นำตลาด S&P 500 ด้านหุ้นที่ปรับลดลงแรง ได้แก่ Intel (INTC) และ Nucor (NUE) ที่ร่วงลงกว่า 6% ขณะที่ United Airlines (UAL) ดิ่งลง 5.5% ท่ามกลางความอ่อนแอของหุ้นในกลุ่มสายการบินโดยรวมค่ะ
แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะปรับตัวลงล่าสุด แต่ก็ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนว่าความตึงเครียดทางการค้าอาจผ่อนคลายลงได้ในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนต่าง ๆ ทั้งในเรื่องภาษี นโยบายการค้า และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังตึงเครียด ก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังอยู่มากในช่วงนี้นะคะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี S&P 500 หรือ US500 กำลังเคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลังอยู่บริเวณระดับ 6,022 จุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดดัชนีได้ทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 6,000 จุดขึ้นมาได้ ซึ่งแนวต้านเดิมนี้ได้กลายมาเป็นแนวรับระยะสั้นในขณะนี้ค่ะ
สัญญาณโมเมนตัมยังคงแข็งแกร่ง โดย RSI ยังคงลอยตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 67 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเขต Overbought เล็กน้อย ขณะที่ MACD ยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวก บ่งชี้ว่าแรงซื้อยังไม่หมดไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณการแยกตัวระหว่างราคาและตัวชี้วัดโมเมนตัม ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นเริ่มเข้าสู่ระยะที่อ่อนแรง โดยแนวต้านถัดไปอยู่บริเวณ 6,060 จุด และหากทะลุได้ อาจมีการทดสอบระดับ 6,100 จุดถัดไป ส่วนด้านแนวรับ หากดัชนีหลุดต่ำกว่า 6,000 จุด ก็มีโอกาสที่จะเกิดการปรับฐานลงมาที่โซน 5,935–5,950 จุด
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ปริมาณการซื้อขายเริ่มลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อนั้นเริ่มมีการใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อดัชนีอยู่ในระดับสูง นักลงทุนสายเทคนิคควรจับตาช่วงสะสมพลังนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากสามารถทะลุระดับ 6,060 จุดไปได้พร้อมปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แต่ถ้าหลุดระดับ 5,950 จุดลงมา ก็อาจเข้าสู่ช่วงปรับฐานเทคนิคที่แนวรับถัดไปบริเวณ 5,850–5,800 จุดค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 5900.17, 5863.49, 5804.11
- แนวต้านสำคัญ : 6018.93, 6055.61, 6114.99
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
คุณน้าขอแนะนำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ทั้งในเชิงเทคนิคและพื้นฐาน ซึ่งอาจมีความเคลื่อนไหวในช่วงการซื้อขายต่อไปนี้ค่ะ:
- NVIDIA (NVDA) : ภาพเทคนิคยังคงแข็งแกร่งค่ะ NVDA ยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแส AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโครงสร้างทางเทคนิคยังแสดงรูปแบบที่บ่งชี้ถึงแรงซื้อสะสม โดยมีแนวต้านอยู่ใกล้ $145 หากสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจเห็นการเดินหน้าต่อไปที่ $150–$155 ได้ค่ะ
- Amazon (AMZN) : เคยแกว่งตัวอยู่ในช่วง $185–$190 มาก่อน แต่ตอนนี้สามารถทะลุขึ้นมาเหนือกรอบแนวนั้นได้แล้วค่ะ แรงหนุนหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจ AWS ที่เริ่มมีเสถียรภาพ และการฟื้นตัวของความต้องการผู้บริโภค หากโมเมนตัมยังต่อเนื่อง อาจเห็นการขยับไปที่ $220 ได้ค่ะ RSI ยังอยู่ในระดับกลาง ๆ จึงอาจยังมีพื้นที่ให้ปรับตัวขึ้นได้อีกค่ะ
- Tesla (TSLA) : ยังคงมีความผันผวนสูงค่ะ หากยืนเหนือ $330 ได้ต่อเนื่อง อาจเกิดแรงซื้อจากกลุ่ม short covering ได้ และพาไปทดสอบระดับ $340
- Broadcom (AVGO) : หลังจากที่รายงานกำไรไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาด และได้รับแรงหนุนจากธุรกิจชิป AI ราคาหุ้น AVGO ก็พุ่งขึ้นแรงค่ะ ถึงแม้จะมีการเปิด gap ขึ้นมา แต่หากราคาย่อตัวกลับมาที่บริเวณ $245–$250 ก็อาจเป็นโอกาสเข้าซื้อของนักลงทุนได้ โดยแนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5780.17 – 5900.17 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 5900.17 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6057.67 และ SL ที่ประมาณ 5720.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6018.93 – 6138.93 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6213.11 และ SL ที่ประมาณ 5840.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6018.93 – 6138.93 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6018.93 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5900.17 และ SL ที่ประมาณ 6199.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 5780.17 – 5900.17 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5746.79 และ SL ที่ประมาณ 6079.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge