หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ รวมถึง S&P 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดตอบสนองต่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านโดยสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเป็น “ความสำเร็จทางทหารครั้งยิ่งใหญ่” ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้จากอิหร่าน ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด ส่งผลให้นักลงทุนกำลังพยายามประเมินความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นที่อาจจุดชนวนให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้น และอาจทำให้ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
แม้ S&P 500 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการปรับฐานในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 2.7% และมีลักษณะของการเคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลัง ขณะที่นักลงทุนกำลังชั่งน้ำหนักความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เทียบกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ จุดสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้อยู่ที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะตัวเลข PMI ที่อาจบ่งชี้การชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ และการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด ที่อาจให้มุมมองเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของเฟดค่ะ
นักวิเคราะห์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะไม่มีหุ้นใหญ่ใดในสหรัฐฯ ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แต่สิ่งที่ตลาดกังวลกว่านั้นคือผลกระทบทางอ้อม โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่ขับเคลื่อนด้วยราคาพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยและเสถียรภาพของตลาดค่ะ
ถึงแม้จะมีความเสี่ยงมหภาคเหล่านี้ หุ้นรายตัวหลายตัวกลับปรับขึ้นโดดเด่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขับเคลื่อนจากปัจจัยเฉพาะตัว หุ้น Circle พุ่งขึ้นกว่า 85% หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin และได้รับแรงหนุนจากมุมมองบวกของนักวิเคราะห์ที่มองว่าบริษัทเป็นผู้พลิกโฉมในวงการคริปโตที่มีศักยภาพเติบโตสูง
หุ้น Marvell Technology ขยับขึ้นกว่า 10% หลังจัดงานนำเสนอเกี่ยวกับ AI ที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้นักลงทุนในโอกาสการลงทุนด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ AMD ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ที่นักวิเคราะห์มองว่าสามารถเร่งการเติบโตในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และจีพียูได้ โดยมีความหวังว่าธุรกิจในจีนจะฟื้นตัวในปลายปี 2025
ด้าน GMS ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 30% หลังมีกระแสข่าวการยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ รวมถึงความสนใจจาก Home Depot ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรเรื่องดีล M&A เพิ่มเติม
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น Enphase, First Solar, SolarEdge และ SunRun กลับถูกเทขายหนัก โดยราคาลดลงตั้งแต่ 17% ถึงกว่า 36% หลังคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ เสนอให้ยุติการให้เครดิตภาษีกับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งสร้างความกังวลใหม่ต่อแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้
ขณะเดียวกัน หุ้นชื่อดังระดับโลกที่ UBS เน้นย้ำถึงศักยภาพระยะยาว เช่น ASML, Shell, Hermès, Banco Santander และ Sunrise Communications ก็ยังถูกมองว่ามีโอกาสได้รับประโยชน์จากทิศทางโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว เช่น AI การเปลี่ยนผ่านพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงเชิงประชากร แม้ว่านักวิเคราะห์จะเตือนว่าหุ้นเหล่านี้ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ และความเสี่ยงเฉพาะตลาดค่ะ
โดยรวมแล้ว แม้ S&P 500 จะยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก แต่ปัจจัยขับเคลื่อนเฉพาะตัวของบริษัทก็ยังคงทำให้หุ้นรายตัวยังเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นทั้งโอกาสและความระมัดระวังในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US500 กำลังซื้อขายใกล้ระดับ 5,941.0 โดยคุณน้าเห็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวสะสมพลัง หลังจากที่ฟื้นตัวแรงจากการปรับฐานในช่วงต้นเดือนเมษายน ในทางเทคนิค ดัชนีมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่โซน 5,980–6,000 ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยา หากสามารถทะลุเหนือ 6,000 ได้แบบมั่นคง มีโอกาสกลับไปทดสอบแถว 6,100 และอาจไปต่อถึง 6,200 ถ้าแรงโมเมนตัมกลับมาและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย
ในด้านแนวรับ ระดับแรกอยู่ที่ประมาณ 5,880 หากหลุดต่ำกว่านี้ คุณน้ามองว่าดัชนีอาจไหลลงไปทดสอบแนวรับถัดไปแถว 5,820–5,800 ซึ่งเป็นโซนค่าเฉลี่ย 20 วัน ที่เคยมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยแนวโน้มทางเทคนิคยังคงเป็นขาขึ้นอย่างระมัดระวัง ตราบใดที่ดัชนียังยืนเหนือ 5,820 แต่ความเสี่ยงจากความผันผวนยังสูง เพราะความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์และทิศทางราคาน้ำมันค่ะ ซึ่งตัวชี้วัดโมเมนตัมอย่าง RSI อยู่ในโซนกลางแถว 50–55 บ่งบอกว่ายังมีพื้นที่ให้ดัชนีเลือกทิศทางค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)
- แนวรับสำคัญ : 5920.5, 5909.4, 5891.6
- แนวต้านสำคัญ : 5956.1, 5967.2, 5985.0
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Circle Internet Group (CRCL): หลังจากราคาหุ้น CRCL พุ่งขึ้นประมาณ 85% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปิดล่าสุดอยู่ใกล้ 240 ดอลลาร์ค่ะ แนวต้านระยะสั้นอยู่แถวประมาณ 249–250 ดอลลาร์ ถ้าสามารถทะลุขึ้นไปได้ คุณน้าคาดว่าจะไปทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาประมาณ 260 ดอลลาร์ โดยเฉพาะถ้าโมเมนตัมและความชัดเจนทางกฎระเบียบยังหนุนอยู่ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 220–230 ดอลลาร์ ถ้าหลุดต่ำกว่าระดับนี้อาจเป็นสัญญาณพักฐานระยะสั้นได้ค่ะ RSI ยังอยู่ในโซนสูง บ่งชี้ว่าตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป คุณน้ามองว่ามีโอกาสจะเห็นการพักฐานระยะสั้นลงมาแถว 230 ดอลลาร์ หรือไม่ก็ทะยานต่อเหนือ 250 ดอลลาร์ถ้ามีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนค่ะ
- Marvell Technology (MRVL): ราคาหุ้น MRVL ถอยลงเล็กน้อยหลังจากที่พุ่งขึ้น 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่แถว 77–78 ดอลลาร์ ถ้าทะลุแนวนี้ได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 80–82 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 70–72 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดค่าเฉลี่ย 20 วัน ถ้าสามารถยืนเหนือแนวนี้ได้ โครงสร้างขาขึ้นยังคงอยู่ แต่ถ้าหลุดต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ คุณน้าคิดว่าอาจลงไปทดสอบค่าเฉลี่ย 50 วันแถว 66–67 ดอลลาร์ ค่ะ
- AMD: ตอนนี้ซื้อขายต่ำกว่าช่วง 132–133 ดอลลาร์ โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 135 ดอลลาร์ ด้านแนวรับระยะสั้น คุณน้ามองที่ 125 ดอลลาร์ และแนวรับที่แข็งกว่านั้นคือค่าเฉลี่ย 20 วัน แถว 120–122 ดอลลาร์ ตัวชี้วัดโมเมนตัมอยู่ในโซนกลางถึงบวก บ่งบอกว่ายังมีโอกาสจะขึ้นต่อได้ถ้าแรงหนุนจาก AI ยังมีอยู่ แต่ถ้าหลุด 125 ดอลลาร์ คุณน้าว่ามีโอกาสไหลลงไปทดสอบแถว 120–122 ดอลลาร์ค่ะ
- GMS: หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นเกือบ 30% ตอนนี้กำลังทดสอบแนวต้านระหว่างวันที่ 106–107 ดอลลาร์ ซึ่งอาจมีแรงขายกลับเข้ามาได้ ถ้าทะลุแนวนี้ไปได้ คุณน้าคิดว่าโซนถัดไปอยู่แถว 110 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ใกล้ 95–97 ดอลลาร์ ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยหนุนแนวโน้มขาขึ้น แต่คุณน้ามองว่าน่าจะมีการพักตัวแถว 100 ดอลลาร์สักระยะก่อนจะขึ้นต่อค่ะ
- Shell (SHEL): ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นช่วยหนุนหุ้น Shell ให้ปรับขึ้น ตอนนี้แนวต้านอยู่แถว 73–73.50 ดอลลาร์ ถ้าทะลุขึ้นไปได้ คุณน้าว่ามีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 75 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับใกล้ 71 ดอลลาร์ และแนวรับที่แข็งแรงกว่าอยู่แถว 69–70 ดอลลาร์ โมเมนตัมอยู่ในระดับกลาง ส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นเชิงรอจังหวะ ถ้าราคาน้ำมันยังขึ้นต่อเนื่อง คุณน้าคิดว่าหุ้น Shell น่าจะได้แรงหนุนเพิ่มค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5884.5 – 5920.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 5920.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5966.8 และ SL ที่ประมาณ 5866.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 5956.1 – 5992.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6015.0 และ SL ที่ประมาณ 5902.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5956.1 – 5992.1 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 5956.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5920.0 และ SL ที่ประมาณ 6010.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 5884.5 – 5920.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5872.0 และ SL ที่ประมาณ 5974.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge