หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับดัชนี S&P 500 และ NASDAQ โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจากสัญญาณผ่อนคลายของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่สัปดาห์นี้จะเต็มไปด้วยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และการประชุมเฟดที่อาจกำหนดทิศทางของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ค่ะ
แม้ยังมีแรงต้านจากภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนด้านการค้า แต่ตลาดโดยรวมยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA ปรับขึ้นราว 1% และ S&P 500 ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นกว่า 15% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าตลาดหุ้นอาจกลับมาผันผวนได้ เนื่องจากตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยไม่เกิดการพักฐานมานานค่ะ
ขณะนี้สายตานักลงทุนจับจ้องไปที่ผลประกอบการไตรมาส 3 โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 กว่า 87% ทำกำไรได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานผลประกอบการของ Microsoft Apple Alphabet Amazon และ Meta Platforms ซึ่งเป็น 5 ใน “Magnificent Seven” จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความแข็งแกร่งของกลุ่มเทคโนโลยีว่าจะยังคงหนุนดัชนีต่อไปได้หรือไม่ โดยคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยราว 16.6% หรือเกือบสองเท่าของตลาดโดยรวม สะท้อนให้เห็นถึงผลเชิงบวกจากการลงทุนใน AI ที่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทั้งในด้านผลประกอบการและเศรษฐกิจค่ะ
ทั้งนี้ ภายในกลุ่ม DJIA หุ้น Apple (AAPL) ได้รับแรงหนุน หลังจากที่ Loop Capital ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” พร้อมตั้งราคาเป้าหมายไว้ที่ 315 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลจากความต้องการ iPhone 17 ที่แข็งแกร่งและการเริ่มต้นของวัฏจักรการเติบโตของผลิตภัณฑ์ชุดใหม่ที่จะต่อเนื่องไปถึงปี 2027 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดส่งมอบ iPhone จะทำสถิติสูงสุดในรอบสามปีข้างหน้า จากยอดขายในจีนที่แข็งแกร่ง และนวัตกรรมใหม่อย่าง “AI Phone” และ iPhone แบบพับได้รุ่น 18 ค่ะ
ด้านหุ้นกลุ่มชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังคงเป็นจุดสนใจของนักลงทุน Barclays แสดงมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยยังคงมองบวกต่อ Nvidia (NVDA), AMD (AMD) และ Broadcom (AVGO) แต่เตือนว่ามูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัวหลังจากราคาปรับขึ้นแรง ทั้งนี้ Barclays ได้ปรับลดคำแนะนำของ Marvell (MRVL), Astera Labs (ALAB) และ Lumentum (LITE) เนื่องจากมองว่าความคุ้มค่าระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนลดลง ขณะที่การปรับเพิ่มคำแนะนำของ KLA Corp (KLAC) จากคาดการณ์ว่าความต้องการด้านกระบวนการควบคุมคุณภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งค่ะ
ในอีกด้านหนึ่ง Mizuho ได้ปรับราคาเป้าหมายของ Broadcom ขึ้นเป็น 435 ดอลลาร์ โดยชี้ให้เห็นถึงข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐาน AI รายใหม่กับ Anthropic และ OpenAI ซึ่งอาจสร้างรายได้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2026 และยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์เครือข่ายอย่าง Tomahawk 6-Davisson และ Thor Ultra 800G NIC ค่ะ
นอกเหนือจากกลุ่มเทคโนโลยี Morgan Stanley ได้ยกให้ Spotify (SPOT) เป็นหุ้นเด่น โดยคาดว่าการเติบโตที่เร่งตัวขึ้น การผสานเทคโนโลยี AI และศักยภาพในการปรับราคาจะช่วยให้บริษัทมีกำไรเติบโตเฉลี่ยต่อปี (EBIT CAGR) ราว 40% จนถึงปี 2028 เช่นเดียวกับ Wolfe Research ที่เริ่มให้คำแนะนำ Outperform หรือการคาดว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดกับ SailPoint (SAIL) โดยคาดว่าธุรกิจ SaaS และโซลูชันบริหารจัดการอัตลักษณ์ด้วย AI จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 55,000 ล้านดอลลาร์ค่ะ
โดยรวมแล้ว เมื่อ DJIA และดัชนีหลักทั้งหลายยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ทิศทางระยะสั้นของตลาดจะขึ้นอยู่กับสามปัจจัยสำคัญ คือ แนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด ผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI และพัฒนาการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หากทั้งสามด้านออกมาในทิศทางบวก ก็จะช่วยหนุนให้ดาวโจนส์ทะยานต่อในช่วงปลายปี แต่หากผลออกมาไม่เป็นไปตามที่คาด ไม่ว่าจะจากทิศทางนโยบายดอกเบี้ยหรือผลประกอบการของบริษัท ก็อาจทำให้ตลาดเข้าสู่ช่วงพักฐาน หลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาหลายเดือนค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ (US30) ยังคงรักษาโครงสร้างขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการพักฐานเล็กน้อย หลังจากปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนกำลังประเมินมูลค่าหุ้นและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทางเทคนิคยังคงเป็นบวกชัดเจน โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม การเงิน และกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่ค่ะ
จากมุมมองแนวโน้มทางเทคนิค ดัชนีมีแนวต้านระยะสั้นที่ประมาณ 47,800 จุด และแนวรับสำคัญอยู่แถว 47,000 จุด โดยหากดัชนีสามารถปิดเหนือระดับ 47,800 จุดได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสที่แรงซื้อจะกลับเข้ามาอีกครั้งและเปิดทางสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 48,250–48,500 จุด แต่หากปิดต่ำกว่า 46,800 จุด อาจเกิดการปรับฐานระยะสั้นลงมาที่บริเวณ 46,200 จุดค่ะ
ด้านสัญญาณโมเมนตัมยังคงสนับสนุนมุมมองบวก โดยค่า RSI อยู่ใกล้ระดับ 63 ซึ่งถือว่าสูง แต่ยังไม่ถึงเขตซื้อมากเกินไป นั่นหมายความว่ายังมีพื้นที่ให้ราคาขยับขึ้นได้อีก ขณะที่ปริมาณการซื้อขายนั้น แม้จะชะลอตัวใกล้แนวต้าน แต่ยังไม่พบสัญญาณการขายทำกำไรขนาดใหญ่หรือแรงขายจากนักลงทุนสถาบันค่ะ
โดยรวมแล้ว การพักฐานในช่วงนี้ คาดว่าอาจเป็นเพียงการหยุดพักภายในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวมากกว่าจะเป็นสัญญาณจบรอบ หากดัชนียังคงรักษาแนวรับเหนือ 47,000 จุดได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาทดสอบระดับใกล้ 48,500 จุด แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว อาจเกิดการย่อตัวลงเล็กน้อย โดยอาจพบแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วง 46,500–46,200 จุด ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคโดยรวมยังคงสนับสนุนความแข็งแกร่งของดาวโจนส์ โดยโมเมนตัมขาขึ้นได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการหมุนเวียนเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นเน้นมูลค่าและหุ้นปันผลในกลุ่มอุตสาหกรรมค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : 47440.1, 47430.0, 47413.8
- แนวต้านสำคัญ : 47472.5, 47482.6, 47498.8
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Apple Inc. (AAPL): ในระยะยาว AAPL ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และรายได้จากธุรกิจบริการที่มั่นคงค่ะ ในด้านเทคนิค AAPL ยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันได้อย่างมั่นคง โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 260 ดอลลาร์ หากแรงซื้อยังต่อเนื่อง มีโอกาสเห็นการทะลุแนวต้านขึ้นไปที่ช่วง 280–285 ดอลลาร์ ดัชนี RSI ใกล้ระดับ 60 และปริมาณการสะสมหุ้นที่คงที่ บ่งชี้ถึงภาวะสะสมเชิงบวกค่ะ
- Microsoft Corp. (MSFT): การเติบโตของ Azure และการทำงานร่วมกับ OpenAI ยังคงช่วยให้ไมโครซอฟท์เป็นผู้นำในด้านการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในภาคธุรกิจ ขณะที่การขยายตัวของกำไรต่อหุ้น (EPS) และกระแสเงินสดอิสระ (FCF) ยังช่วยสนับสนุนมูลค่าหุ้นระดับพรีเมียมของบริษัทค่ะ ทางเทคนิค MSFT กำลังทดสอบแนวต้านบริเวณ 525 ดอลลาร์ หากปิดเหนือระดับนี้ได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันการทะลุขึ้น โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 540 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่แถว 510 ดอลลาร์ และสัญญาณ MACD บ่งชี้ถึงแรงส่งของโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นค่ะ
- NVIDIA Corp. (NVDA): ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาด GPU ด้าน AI ด้วยความต้องการที่แข็งแกร่งจากดาต้าเซ็นเตอร์ แม้ว่าราคาหุ้นจะอยู่ในระดับสูง แต่แนวโน้มการเติบโตยังคงชัดเจนไปจนถึงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในส่วนของงานประมวลผลและเครือข่ายค่ะ ในเชิงเทคนิค NVDA ฟื้นตัวจากแนวรับบริเวณ 180 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านใกล้ 195 ดอลลาร์ หากทะลุระดับนี้ได้อย่างมั่นคง มีโอกาสเห็นราคาขึ้นไปที่ 205 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI ใกล้ 55 แสดงถึงโมเมนตัมที่เป็นกลางถึงเชิงบวก พร้อมปริมาณซื้อขายที่เริ่มดีขึ้นค่ะ
- Broadcom Inc. (AVGO): ความต้องการชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI และจากการควบรวมกิจการกับ VMware ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ผลประกอบการของ Broadcom นักวิเคราะห์หลายสำนักได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นไปถึง 435 ดอลลาร์ จากมุมมองการเติบโตที่มั่นคงจนถึงปีงบประมาณ 2026 ค่ะ ในด้านเทคนิค AVGO เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาขึ้นแคบ ๆ ระหว่าง 345–360 ดอลลาร์ หากราคาทะลุ 360 ดอลลาร์ได้ จะเปิดทางสู่เป้าหมาย 375–380 ดอลลาร์ โดยแรงซื้อจากสถาบันยังคงต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางระยะกลางค่ะ
- Spotify Technology (SPOT): Morgan Stanley ยกให้ Spotify เป็นหุ้นเด่นประจำกลุ่ม จากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นและศักยภาพในการปรับราคาค่าบริการ จุดแข็งสำคัญอยู่ที่เพลย์ลิสต์ที่จัดโดย AI และการขยายระดับสมาชิกแบบพรีเมียม ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ต่อผู้ใช้ค่ะ ทางเทคนิค SPOT ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแรง โดยมีแนวรับที่บริเวณ 630 ดอลลาร์ ขณะที่ RSI ใกล้ 65 บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่ดี หากสามารถทะลุระดับ 650 ดอลลาร์ ได้ ราคามีโอกาสขยับต่อไปถึงช่วง 680–700 ดอลลาร์ ค่ะ
- KLA Corp. (KLAC): ผู้นำในธุรกิจควบคุมกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ได้รับอานิสงส์จากความต้องการในเทคโนโลยีลิโธกราฟีขั้นสูง และการผลิตชิป AI โดย Barclays ได้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นระดับน่าลงทุน เพราะมองเห็นศักยภาพการเติบโตระยะยาวค่ะ ในเชิงเทคนิค KLAC อยู่ในช่วงพักฐานหลังจากราคาปรับขึ้นแรง โดยแนวรับอยู่แถว 1,150 ดอลลาร์ และหากทะลุขึ้นได้ มีเป้าหมายที่ 1,200–1,230 ดอลลาร์ค่ะ
- SailPoint Technologies (SAIL): บริษัทด้านความปลอดภัยอัตลักษณ์ (Identity Security) กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น จากการใช้โซลูชันระบบคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อบริหารจัดการการเข้าถึงข้อมูล Wolfe Research ได้เริ่มให้คำแนะนำในระดับ “Outperform” พร้อมตั้งราคาเป้าหมายที่ 27 ดอลลาร์ โดยสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรในธุรกิจ SaaS ค่ะ ทางเทคนิค SAIL เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงสะสมที่คงที่ระหว่าง 21.5–22.5 ดอลลาร์ หากราคาทะลุระดับ 22.70 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ อาจเห็นการปรับขึ้นระยะสั้นไปถึง 24 ดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเริ่มแสดงสัญญาณการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 47410.1 – 47440.1 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 47440.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47472.5 และ SL ที่ประมาณ 47395.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 47472.5 – 47502.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47513.6 และ SL ที่ประมาณ 47425.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 47472.5 – 47502.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 47472.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47428.6 และ SL ที่ประมาณ 47517.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 47410.1 – 47440.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47386.1 และ SL ที่ประมาณ 47487.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge








