พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวจากการปรับลดลงก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนพันธบัตรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการคลังที่กลับมาอีกครั้ง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังสะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของ Fed โดยตลาดยังคงจับตามองตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ และฟิวเจอร์สประเมินความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนนี้สูงกว่า 90% ค่ะ
ทางด้านบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคเอเชียยังคงเปราะบาง ท่ามกลางประเด็นท้าทายทางกฎหมายเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องกลับมาทบทวนข้อตกลงทางการค้าอีกครั้ง โดยความไม่แน่นอนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น หลังทรัมป์ประกาศว่าจะยื่นเรื่องต่อศาลสูงสุด หลังจากที่มีคำตัดสินว่าภาษีส่วนใหญ่ที่ใช้นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในด้านนโยบาย รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น Ryozo Himino มองว่าภาษีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกระแสทางการเมืองที่ลึกซึ้งกว่าประเด็นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว และได้เตือนถึงระดับความไม่แน่นอนทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังย้ำว่า หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย แนวโน้มเงินเฟ้อในญี่ปุ่นอาจเปิดทางให้ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้อีกค่ะ
อย่างไรก็ดี Himino ก็ส่งสัญญาณว่า BOJ ควรเริ่มลดบทบาทการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ลงในระยะยาว ซึ่งความเห็นที่ออกมา “อ่อน” กว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงชั่วคราว และช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงสั้นๆ ค่ะ
ด้านค่าเงินเยนยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดย USDJPY ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการของญี่ปุ่นจะแสดงสัญญาณฟื้นตัวแข็งแกร่ง อีกทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองยิ่งซ้ำเติมให้เยนอ่อนค่า หลังจากเลขาธิการพรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่น Hiroshi Moriyama ประกาศลาออก ซึ่งสร้างข้อกังขาเกี่ยวกับภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba โดยนักลงทุนยังจับตาความเป็นไปได้ที่นโยบายดอกเบี้ยต่ำอาจดำเนินต่อไป หาก Sanae Takaichi ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่แทนที่ Ishiba ค่ะ
ทั้งนี้ ภาคบริการของญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่งในเดือนสิงหาคม โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในประเทศที่เข้มแข็ง ชดเชยกับการส่งออกที่อ่อนแอ ท่ามกลางดัชนี PMI รวม ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ธุรกิจหลายแห่งเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้นเนื่องจากคาดหวังความต้องการที่เพิ่มขึ้นและแผนขยายกิจการค่ะ
ในสหรัฐฯ ภาคการผลิตยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกติดต่อกันในเดือนสิงหาคม โดยหลายธุรกิจชี้ว่า ภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นปัจจัยกดดันสำคัญ และส่งผลกระทบหนักกว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Great Recession) บางรายเตือนถึงความเสี่ยงของภาวะ “Stagflation” หรือภาวะที่เงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเกิดจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นควบคู่กับการจ้างงานที่หยุดชะงัก
ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจจำนวนมากเผชิญกับการลดพนักงาน การชะลอหรือหยุดการลงทุน และความไม่แน่นอนในการวางแผนดำเนินงาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอุปกรณ์ขนส่งและอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังพอมีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้าง โดยคำสั่งซื้อใหม่เริ่มกลับมาขยายตัวบางส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ค่ะ
ทางด้านแนวโน้มภาคโรงงานที่อ่อนแอได้เพิ่มความกังวลในตลาดแรงงานโดยรวม การจ้างงานชะลอลงเหลือเฉลี่ยเพียง 35,000 ตำแหน่งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก แม้อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ 4.2% และค่าจ้างขยายตัวราว 4% ผู้กำหนดนโยบายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการชะลอตัวของการจ้างงานในขณะนี้ โดยบางฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงาน ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าอาจสะท้อนถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในสหรัฐฯ ยังอ่อนแรงลง โดยปรับตัวลดลง 0.1% ในเดือนกรกฎาคม และหดตัวเกือบ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนค่ะ ปัจจัยสำคัญมาจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งกดดันทั้งตลาดที่อยู่อาศัยและการลงทุนของภาคเอกชนในโครงการที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย แม้ว่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัยจะขยายตัวเล็กน้อย แต่ปริมาณบ้านใหม่ในตลาดที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่ยังคงอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจนค่ะ
ขณะเดียวกัน รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภารกิจเร่งด่วนในการผ่านงบประมาณใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตงบประมาณรัฐบาล ที่อาจทำให้หน่วยงานรัฐหลายแห่งต้องระงับการให้บริการภายในสิ้นเดือนนี้ ส่งผลให้ความขัดแย้งทางการเมืองยิ่งทวีความรุนแรง โดยพรรครีพับลิกันเดินหน้าผลักดันการตัดงบประมาณ ขณะที่พรรคเดโมแครตคัดค้านการตัดงบประมาณโดยไม่มีความเห็นชอบร่วมกันในรายการที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว โดยเฉพาะงบด้านสาธารณสุขและความช่วยเหลือต่างประเทศ ซึ่งยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนท่ามกลางภาระหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นแตะระดับสูงถึง 37.25 ล้านล้านดอลลาร์ค่ะ
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลล่าสุด คู่เงิน USDJPY ยังคงได้รับแรงสนับสนุนในเชิงพื้นฐานจากทิศทางนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่าง Fed และ BOJ ค่ะ โดยดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น และการไหลเข้าของเงินทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
ในทางกลับกัน ญี่ปุ่นยังเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อจิตวิทยาของตลาดและกดดันค่าเงินเยน แม้เจ้าหน้าที่ BOJ จะเริ่มส่งสัญญาณถึงการปรับนโยบายการเงินไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ก็ยังมีท่าทีระมัดระวังท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนทั่วโลก
โดยรวมแล้ว ปัจจัยพื้นฐานจึงยังคงชี้ว่า USDJPY มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นต่อไป เนื่องจากแรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐยังมีน้ำหนักมากกว่าความแข็งแกร่งในประเทศของญี่ปุ่น และแนวทางการปรับนโยบายของ BOJ ที่ยังค่อนข้างเป็นไปได้ช้าและมีความระมัดระวังค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ในมุมมองทางเทคนิค คู่เงิน USDJPY ปัจจุบันเคลื่อนไหวใกล้โซนแนวรับและแนวต้านสำคัญ โดยคู่เงินนี้อยู่ในช่วงของการทรงตัวหลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นมาจากการปรับตัวลงก่อนหน้านี้ แนวต้านแรกอยู่ในช่วง 148.50–148.80 หากราคาสามารถทะลุผ่านโซนนี้ไปได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นต่อไปยังบริเวณ 149.50 และต่อเนื่องไปยังระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 150.00 ค่ะ
ในส่วนของเครื่องมือชี้วัดโมเมนตัม อย่าง RSI นั้น แสดงสัญญาณผสม โดยยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไปแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง ก็มีโอกาสที่แรงส่งขาขึ้นระยะสั้นจะกลับเข้ามาได้ค่ะ
สำหรับแนวรับด้านล่าง ระดับแรกอยู่ที่บริเวณ 147.40–147.20 หากราคาหลุดต่ำกว่าบริเวณนี้ อาจเปิดทางให้ราคาปรับลดลงต่อไปที่ระดับ 146.80 และ 146.00 ตามลำดับ ซึ่งหากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับเหล่านี้ได้ ก็อาจเปลี่ยนแนวโน้มกลับเป็นขาลงอีกครั้ง โดยเฉพาะหากข้อมูลการจ้างงานหรือเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ค่ะ
อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ คุณน้ามองว่าภาพรวมทางเทคนิคยังคงโน้มเอียงไปในทางบวกแบบระมัดระวัง ตราบใดที่คู่เงิน USDJPY ยังสามารถยืนเหนือระดับ 147.20 ได้ โดยนักลงทุนจำนวนไม่น้อยกำลังจับตาโอกาสที่ราคาจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 149.50 อีกครั้งในระยะใกล้นี้ค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 147.85, 147.55, 147.07
- แนวต้านสำคัญ : 148.81, 149.11, 149.59
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ USDJPY
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 146.85 – 147.85 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 147.85 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 148.81 และ SL ที่ประมาณ 146.35 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 148.81 – 149.81 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 150.24 และ SL ที่ประมาณ 147.35 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 148.81 – 149.81 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 148.81 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 147.52 และ SL ที่ประมาณ 150.31 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 146.85 – 147.85 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 146.26 และ SL ที่ประมาณ 149.31 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge