วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่า และเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเก้าเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้เรียกร้องให้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง และมีแนวโน้มสนับสนุนนโยบายต้นทุนการกู้ยืมต่ำ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งยิ่งทำให้เส้นทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซัตสึกิ คาตายามะ ต้องออกมาส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอาจพิจารณาแทรกแซงตลาดเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินค่ะ

ด้านท่าทีด้านนโยบายการคลังแบบขยายตัวของรัฐบาลทาคาอิจิ รวมถึงความคาดหวังต่องบประมาณเสริมขนาดใหญ่ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินเยนและตลาดพันธบัตร โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 133 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครอบคลุมเงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค ความช่วยเหลือแก่อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษี รวมถึงการลงทุนในด้าน AI เซมิคอนดักเตอร์ และการป้องกันประเทศค่ะ

ขณะเดียวกัน ทาคาฮิเดะ คิอุจิ อดีตกรรมการ BOJ ได้เตือนว่าการใช้จ่ายขนาดใหญ่เช่นนี้อาจยิ่งทำให้ฐานะการคลังของญี่ปุ่นแย่ลง กดดันค่าเงินเยนให้อ่อนค่ามากขึ้น และเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งสวนทางกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อยังไม่ถึงระดับที่มั่นคงและยั่งยืน หรือที่ 2% ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น โดยเตือนว่าการขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะเงินฝืดอีกครั้ง โดยทาคาอิจิย้ำว่าเธอต้องการเห็นเงินเฟ้อที่ยั่งยืนควบคู่กับการขึ้นค่าแรง พร้อมแสดงความกังวลว่าราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหาร กำลังกดดันงบประมาณของครัวเรือนค่ะ

ทั้งนี้ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของ BOJ ยังคงอยู่ที่ 0.5% นักลงทุนมองว่ามีความเป็นไปได้ประมาณ 24% ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และ 46% ภายในเดือนมกราคม โดยสถานการณ์ที่ผสมผสานระหว่างแรงกดดันทางการเมืองและค่าเงินเยนที่อ่อนค่ากำลังทดสอบความเป็นอิสระของ BOJ อย่างชัดเจน เพราะหากค่าเงินเยนยังอ่อนต่อเนื่อง ธนาคารกลางอาจต้องดำเนินการเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ค่ะ

อีกด้าน ในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในกฎหมายเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลดำเนินงานได้จนถึงวันที่ 30 มกราคม ซึ่งการเปิดทำการอีกครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์มองว่าอาจมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งต่อไปค่ะ

ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม โดยจากผลสำรวจของ Reuters พบว่า 80% ของนักเศรษฐศาสตร์ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงสู่ระดับ 3.50%–3.75% เพื่อตอบรับตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง ขณะที่อัตราการว่างงานซึ่งอยู่ที่ 4.3% ล่าสุด มีแนวโน้มจะขยับขึ้นเป็น 4.5% ในปีหน้า เนื่องจากการจ้างงานชะลอตัวค่ะ

นอกจากนี้ จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก ได้ประกาศว่าธนาคารกลางจะเริ่มกลับมาซื้อพันธบัตรในเร็ว ๆ นี้เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และจะยุติการลดขนาดงบดุลในเดือนธันวาคม โดยปัจจุบันงบดุลของ Fed ซึ่งเคยสูงถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังการดำเนินนโยบายลดสภาพคล่องต่อเนื่อง สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์เชิงนโยบายของ Fed ในการมุ่งรักษาระดับสภาพคล่องส่วนเกินให้เพียงพอ พร้อมทั้งสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดเงิน หลังจากที่เผชิญกับความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาค่ะ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก UBS เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตในลักษณะที่ “แคบผิดปกติ” โดยอาศัยแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคเทคโนโลยีและ AI รวมถึงความมั่งคั่งในตลาดหุ้นที่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูง ขณะที่ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ยังซบเซา โดยนักวิเคราะห์คาดว่า GDP จะชะลอตัวจาก 2.9% ในไตรมาสก่อนหน้า เหลือเพียง 1.0% ในไตรมาสปัจจุบัน และเฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปีจนถึงปี 2027

ทั้งนี้ นโยบายการค้าชุดใหม่ของทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษี อาจทำให้ GDP ลดลงประมาณ 0.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2026 ขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ “One Big Beautiful Bill Act” อาจช่วยชดเชยผลกระทบได้บางส่วน โดย UBS คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.0%–3.25% ภายในสิ้นปี 2026 ค่ะ

สำหรับคู่เงิน USDJPY คุณน้ามองว่ายังคงได้รับแรงหนุนเชิงพื้นฐานจากความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่าง Fed และ BOJ ที่กว้างขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิแสดงท่าทีชัดเจนในการสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ และนโยบายการคลังแบบขยายตัว ซึ่งทำให้เส้นทางการกลับสู่ภาวะปกติของ BOJ ยิ่งยากขึ้นค่ะ คุณน้ามองว่าในเชิงพื้นฐาน ตราบใดที่ BOJ ยังคงชะลอการเข้มงวดทางการเงิน ขณะที่ Fed ยังคงมีอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่สูงกว่า คู่เงิน USDJPY มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และอาจทดสอบเหนือระดับ 155 เยนต่อดอลลาร์ ได้ในระยะใกล้นี้ค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

โครงสร้างของคู่เงิน USDJPY ยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยราคาอยู่ใต้โซนต้านสำคัญที่ 155.00–155.05 เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นบริเวณที่เคยทำให้กระทรวงการคลังญี่ปุ่นออกมาส่งสัญญาณแทรกแซงหลายครั้งค่ะ

ตัวชี้วัดโมเมนตัมยังคงหนุนขาขึ้น โดย RSI แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งแต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป บ่งชี้ถึงแรงกดดันขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตราบใดที่คู่เงิน USDJPY ยังทรงตัวเหนือ 153.50 โครงสร้างตลาดก็ยังคงพร้อมปรับตัวขึ้นได้ทุกเมื่อค่ะ

ทั้งนี้ หากราคาปิดเหนือ 155.05 ได้อย่างชัดเจน จะเป็นการเปิดทางให้ขึ้นต่อสู่ 156.20 และอาจขยายไปถึง 157.00 ซึ่งเป็นระดับที่อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการแทรกแซงเพิ่มขึ้น หากราคาปรับตัวขึ้นเร็วเกินไปค่ะ

ในทางกลับกัน หากมีแรงขายทำกำไรใกล้โซน 155 แนวรับแรกอยู่ที่ 153.80 และหากย่อลึกกว่านั้นอาจลงไปทดสอบบริเวณ 152.95 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างราคา โดยหากหลุดต่ำกว่า 152.50 ลงไป จะทำให้มุมมองโดยรวมเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นกลางได้ค่ะ

อย่างไรก็ตาม จากท่าทีของญี่ปุ่นที่ยังปรับดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป และฝั่งสหรัฐฯ ที่ยังได้เปรียบด้านผลตอบแทนพันธบัตร แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดของ USDJPY ยังเอียงไปทางขาขึ้น โดยมักมีแรงซื้อกลับเข้ามาเมื่อราคาย่อตัว ตราบใดที่การแทรกแซงยังเป็นเพียงการส่งสัญญาณด้วยวาจาค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

สรุปวิเคราะห์ USDJPY

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 153.43 – 154.23 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 154.23 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 155.01 และ SL ที่ประมาณ 153.03 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 154.91 – 155.71 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 155.90 และ SL ที่ประมาณ 153.83 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 154.91 – 155.71 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 154.91 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 154.12 และ SL ที่ประมาณ 156.11 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 153.43 – 154.23 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 153.23 และ SL ที่ประมาณ 155.31 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge