วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 22 พฤษภาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และสัญญาณเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังอ่อนแอ ล่าสุด บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยจากผลสำรวจพบว่าราวสองในสามของบริษัทต้องการให้ BOJ หยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว จากความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง และความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายค่ะ

ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวในไตรมาสแรก ขณะที่มาตรการภาษีจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาษีที่เก็บกับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ได้สร้างแรงกดดันต่อภาคการส่งออกซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมาก หลายบริษัทกังวลว่าการแข็งค่าของเงินเยนที่เกิดขึ้นพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก

แม้ว่า BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนมกราคมและเริ่มทยอยถอนตัวจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ดำเนินมากว่าทศวรรษ แต่ Shinichi Uchida รองผู้ว่าการ BOJ ก็ยังส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง โดยยืนยันว่าการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อทรงตัวใกล้ระดับเป้าหมาย 2% และเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวค่ะ

ด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของญี่ปุ่นอยู่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว ขณะที่ภาคบริการก็ขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพฤษภาคมก็ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มโลหะและการขนส่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางต่อมาตรการภาษี เงินเฟ้อ และภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

การส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะรถยนต์ก็หดตัวลงอย่างแรงในเดือนเมษายน เนื่องจากภาษีที่สูงขึ้นและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าเปลี่ยนจากเกินดุลมาเป็นขาดดุลอย่างไม่คาดคิด ทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในระยะต่อไปค่ะ

ท่ามกลางแรงกดดันเหล่านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะเลื่อนเป้าหมายการทำงบประมาณสมดุล ซึ่งเดิมตั้งไว้สำหรับปีงบประมาณ 2025 ออกไปอีก โดยมีแรงกดดันทางการเมืองให้ใช้จ่ายเพิ่มหรือออกมาตรการลดภาษีเพื่อลดภาระของครัวเรือนก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึงค่ะ อย่างไรก็ตาม หนี้สาธารณะที่สูงอยู่แล้วจากค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ยังคงเป็นเงาที่ปกคลุมภาพรวมการคลังของประเทศอยู่ค่ะ

นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการคลังนี้ยังลุกลามเข้าสู่ตลาดพันธบัตร โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGBs) ระยะยาวพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ จากการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีที่ซบเซาและความกังวลของนักลงทุนต่อการใช้จ่ายของภาครัฐที่อาจเพิ่มขึ้น

ด้านอัตราผลตอบแทนในพันธบัตรอายุ 30 และ 40 ปีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น เงินเฟ้อที่สูงกว่าระดับเป้าหมาย และข่าวลือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโจทย์ยากสำหรับ BOJ ที่ต้องหาทางปรับนโยบายให้เป็นปกติโดยไม่ทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วนค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อมาตรการลดภาษีที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งทุน โดยอ้างว่าสถานะการคลังของญี่ปุ่นนั้นเปราะบางยิ่งกว่ากรีซ ขณะที่รัฐมนตรีคลัง Katsunobu Kato ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน ซึ่งหากสูญเสียไปอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้นและค่าเงินเยนผันผวนค่ะ

ด้านการค้ากับสหรัฐฯ ญี่ปุ่นยังคงเจรจาอย่างตึงเครียด โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษี โดยเฉพาะภาษี 25% สำหรับรถยนต์ส่งออก แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ค่ะ โดยญี่ปุ่นได้เสนอทางเลือกอื่น เช่น การนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น หรือขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยี

ในฝั่งของสหรัฐฯ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ก็ไม่สู้ดีนักค่ะ ท่ามกลางเบื้องหลังการดำเนินนโยบายเชิงรุกของรัฐบาลสหรัฐที่มาจากความไม่มั่นคงทางการคลังในประเทศตัวเองเช่นกันค่ะ โดยการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 20 ปีล่าสุดนั้น บ่งชี้ถึงความกังวลของนักลงทุนอย่างชัดเจน ซึ่งอัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 5.047% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 โดยมีสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอกฎหมายด้านภาษี

ด้านค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงต่อเนื่องค่ะ โดยดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.4% ส่งผลให้คู่เงิน USDJPY ถอยกลับลงมาต่ำกว่าระดับ 143 ซึ่งเป็นระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่สำคัญ

ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่ตลาดกลับเริ่มคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของ Fed อาจใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งหมายความว่าช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นอาจแคบลงในระยะถัดไป ซึ่งคุณน้าคิดว่าประเด็นนี้อาจกลายเป็นแรงกดดันระยะกลางต่อค่าเงินดอลลาร์ค่ะ

ทางด้านสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง เช่น Morgan Stanley และ UBS ต่างคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ในทิศทางอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 โดย Morgan Stanley คาดว่า USDJPY จะร่วงลงไปแตะระดับ 130 ภายในกลางปี 2026 หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed ถึงจุดสูงสุด และหากญี่ปุ่นสามารถรักษาวินัยทางการคลังพร้อมบรรเทามาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ได้บางส่วน

ในภาพรวม แม้สหรัฐฯ จะใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ปัญหาทางการคลังในประเทศ และแรงกดดันจากนักลงทุนที่ไม่มั่นใจในความยั่งยืนของนโยบายการคลัง อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯ อ่อนไหวมากขึ้นในช่วงต่อไปค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ล่าสุด คู่เงิน USDJPY ซื้อขายใกล้ระดับ 143.31 แต่คุณน้าเห็นว่าคู่สกุลนี้ยังเผชิญแรงกดดันฝั่งขาลงอย่างต่อเนื่อง จากทิศทางนโยบายการเงินและการคลังที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ

ในเชิงเทคนิค USDJPY ได้หลุดระดับแนวรับสำคัญที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันลงมาแล้ว และขณะนี้ราคากำลังทดสอบแนวรับทางจิตวิทยาที่ 143.00 ซึ่งเป็นระดับที่เคยทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ถ้าระดับนี้ไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง คุณน้ามองว่าราคามีโอกาสจะไหลลงไปยังโซน 141.50 และหากแรงขายยังคงมีต่อเนื่อง อาจเห็นราคาย่อลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 140.00 ค่ะ

สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ก็เริ่มตอกย้ำภาพแนวโน้มขาลงในระยะกลาง โดย MACD สะท้อนว่าโมเมนตัมฝั่งขายเริ่มเป็นฝ่ายครองตลาด ส่วน RSI ระยะกลาง ยังไม่เข้าสู่ภาวะ oversold แสดงว่ายังมีพื้นที่ให้ราคาลงต่อได้อีกพอสมควรค่ะ

อย่างไรก็ดี จากเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ถ้าราคาดีดกลับจาก 143.00 ได้ ระดับแนวต้านแรกที่ต้องจับตาคือบริเวณ 144.00 และ 146.00 ค่ะ

ในภาพรวมคุณน้ามองว่าระดับ 140.00 คือแนวรับทางจิตวิทยาและเทคนิคที่มีนัยสำคัญมาก หากราคาทะลุลงไปได้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะกลางที่ชัดเจนขึ้น และเปิดทางให้ USDJPY อ่อนค่าลงไปยังโซน 138.30–137.00 ได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือแรงกดดันจากการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือทางการคลังเพิ่มเติมค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

สรุปวิเคราะห์ USDJPY

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 142.91 – 143.15 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 143.15 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.39 และ SL ที่ประมาณ 142.79 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 143.39 – 143.63 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.86 และ SL ที่ประมาณ 143.03 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                      

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 143.39 – 143.63 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 143.39 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.07 และ SL ที่ประมาณ 143.75 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 142.91 – 143.15 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.75 และ SL ที่ประมาณ 143.51 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge