รู้ไหมคะ ในการเทรด Forex บางคนต้องนั่งจ้องหน้าจอรอดูราคาขึ้นลงตลอดเวลาเพื่อรอปิดออเดอร์ แต่คุณน้ามีคำสั่งที่ช่วยให้ไม่เสียเวลาในการคอยดูตลาดตลอดเวลามาบอก นั่นคือ คำสั่ง Take Profit หรือเรียกสั้น ๆ ว่า TP นั่นเองค่ะ
สำหรับมือใหม่ การใช้คำสั่ง Take Profit เป็นตัวช่วยที่ดีมากค่ะ เพราะหากตั้งคำสั่ง Take Profit (TP) ระบบจะช่วยปิดออเดอร์ให้อัตโนมัติเมื่อราคาถึงจุดที่กำหนด ซึ่งในบทความนี้คุณน้าจะพาไปเจาะลึกกับคำสั่งนี้ให้มากขึ้นว่า Take Profit คืออะไร? และสามารถใช้ประโยชน์จากการตั้งค่าได้อย่างไรบ้างค่ะ
Take Profit คืออะไร?
Take Profit คือ คำสั่งปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อถึงราคาที่กำหนดไว้ เพื่อให้ได้กำไรตามที่ต้องการก่อนราคาจะกลับตัวค่ะ
การตั้งค่าคำสั่ง TP เปรียบเสมือนการที่เราออกคำสั่งล่วงหน้าไว้กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ หลังจากนั้นโบรกเกอร์จะทำตามคำสั่ง TP ที่วางไว้ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดอุปกรณ์หรือเชื่อมต่อบัญชีเทรดอยู่ก็ตาม ซึ่งถ้าหากไม่มีเวลาติดตามราคาตลาดตลอดเวลา การตั้ง TP เอาไว้จะช่วยให้เราได้กำไรตามที่ต้องการ ก่อนราคาจะกลับตัวจนถึงจุดที่ขาดทุนแทนได้กำไรค่ะ
วิธีการตั้งค่า Take Profit (TP) ใน MT5
วิธีการตั้งค่า Take Profit (TP) ใน MT5 เทรดเดอร์ต้องเลือกสินทรัพย์หรือคู่เงินในตลาด Forex ที่ต้องการก่อน จากนั้นเลือกราคาที่ต้องการเปิดออเดอร์ ซึ่งเทรดเดอร์สามารถตั้ง Take Profit (TP) ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายได้ หรือสามารถตั้งภายหลังส่งคำสั่งซื้อขายก็ได้เช่นกันค่ะ

ควรตั้งค่า Take Profit (TP) ยังไง?
การตั้ง TP ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการลงทุนค่ะ โดยควรตั้ง TP ตามแผนการลงทุนของเทรดเดอร์ ซึ่งต้องรู้ก่อนว่าแผนการลงทุนต้องการกำไรเท่าไหร่ แล้วกำหนดกำไรที่แน่นอน ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ หรือคำนวณอัตราส่วนความเสี่ยงผลตอบแทน (Risk Reward Ratio) เพื่อหาจุดตั้งที่เหมาะสมและสร้างโอกาสในการทำกำไร อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาด Forex ได้อีกด้วยค่ะ
เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) ที่แน่นอน
เทคนิคการตั้ง TP ให้เหมาะสมตามที่เทรดเดอร์กำหนดกำไรที่แน่นอนไว้ มีวิธีคำนวณง่าย ๆ อยู่ 2 แบบค่ะ
- คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินในพอร์ต จะช่วยให้เทรดเดอร์วางแผนกำไรที่ต้องการได้อย่างชัดเจนค่ะ
- คำนวณเป็นจำนวนการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างสองสกุลเงิน (Pips)
คุณน้าขอแนะนำสำหรับมือใหม่ การตั้ง TP ควรตั้งเป้าหมายกำไรไว้ที่ประมาณ 3-10% ของเงินในพอร์ตที่มีค่ะ เพราะแบบนี้จะปลอดภัยที่สุดและมีโอกาสขาดทุนน้อยลงด้วยค่ะ
🔍 เทคนิคการตั้งจุดนี้ ไม่ควรเปลี่ยนจุด Take Profit (TP) ถ้ายังไม่แน่ใจนะคะ คุณน้าเห็นเทรดเดอร์หลายคนเมื่อเริ่มทำกำไรได้จนราคาเข้าไปใกล้จุดที่กำลังจะทำการ Take Profit (TP) ก็เริ่มมีความคิดอยากจะเลื่อนจุด Take Profit (TP) ให้ออกไปอีกสักหน่อย เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น แต่รู้ไหมคะว่า การเลื่อนจุดแบบนี้อันตรายมาก อาจทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนมากขึ้นได้ค่ะ เพราะหากเลื่อนจุดแล้วราคาไปไม่ถึงจุด แถมย้อนกลับไปจุดที่เปิดออเดอร์หรือต่ำกว่านั้น ซึ่งมีเทรดเดอร์หลายคนที่มักจะใจร้อนหวังกำไรก้อนโตเลยทำการเลื่อนจุด TP จนได้รับผลกระทบเชิงลบค่ะ ดังนั้น หากกำหนดจุด TP ไปแล้วก็ไม่ควรเลื่อนจุด เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเทรดค่ะ
เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) ตามแนวโน้มตลาดโดยใช้แนวรับแนวต้าน
การตั้ง Take Profit มีหลากหลายเทคนิคที่แตกต่างกันไป คุณน้าจึงอยากจะแนะนำเทคนิคที่ใช้แนวโน้มของตลาดมาช่วยหาจุดตั้ง โดยใช้การตีแนวรับแนวต้านในการหาจุดตั้ง Take Profit (TP) ซึ่งเทคนิคนี้เหมาะมากสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เนื่องจากเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แค่สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาเป็นหลักค่ะ
เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) ในช่วงตลาดขาขึ้น (Uptrend)
เวลาตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์มักเปิดออเดอร์ Buy (Long Position) นั่นคือ ออเดอร์ที่ซื้อตอนราคาถูกแล้วไปขายในราคาแพงนั่นเองค่ะแล้วเทรดเดอร์จะรู้ได้ไงว่าควรปิดออเดอร์ตอนไหน คุณน้ามีเทคนิคในการหาจุดปิดให้ค่ะ โดยดูจากแนวต้าน แล้วตั้งจุด TP ไว้ตรงนั้น เพราะมีโอกาสที่ราคาจะไปถึงจุดนั้นตามที่คาดไว้ค่ะ

เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) ในช่วงตลาดขาลง (Downtrend)
เวลาตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง เทรดเดอร์มักเปิดออเดอร์ Sell (Short Position) นั่นคือ ออเดอร์ที่ขายตอนราคาสูงแล้วไปซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าค่ะ
แล้วเทรดเดอร์จะรู้ได้ไงว่าควรปิดออเดอร์ตอนไหน คุณน้ามีเทคนิคในการหาจุดปิดให้ค่ะ โดยดูจากแนวรับ แล้วตั้งจุด TP ไว้ตรงนั้น เพราะมีโอกาสที่ราคาจะไปถึงจุดนั้นตามที่คาดไว้ค่ะ

เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) ในช่วงตลาด Sideways (Sideways Trend)
หากตลาดอยู่ในแนวโน้ม Sideways เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์ได้ทั้ง Buy (Long Position) และ Sell (Short Position) เพื่อหาโอกาสทำกำไรในกรอบเวลาระยะสั้นค่ะ

เทคนิคการตั้ง Take Profit (TP) โดยใช้ Indicator
คุณน้ามีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ (Indicator) ที่ใช้หาจุดตั้ง TP ที่เหมาะสม มาแนะนำเทรดเดอร์หลายตัวเลยค่ะ เช่น Stochastic Oscillator, MACD, RSI, Moving Average (MA) และ Bollinger Bands
คุณน้าขอแนะนำเทคนิคการตั้ง TP ด้วยการผสมผสานเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ (Indicator) ระหว่าง Bollinger Bands และ RSI ที่เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Bollinger Bands คือ เครื่องมือที่วิเคราะห์ความผันผวนและแนวโน้มของราคาตลาด โดยมีเส้นอยู่ 3 เส้นหลัก ได้แก่ เส้นบน (Upper Band), เส้นกลาง (Middle Band) และเส้นล่าง (Lower Band) ซึ่งสามารถใช้เพื่อหาจุดเข้าออกและจุดตั้ง TP ที่เหมาะสมค่ะ
- RSI (Relative Strength Index) คือ เครื่องมือที่วัดแรงซื้อและแรงขายในตลาด ที่มีค่าระหว่าง 0-100 เพื่อบอกว่าราคาอยู่ในภาวะไหน
- หากค่ามากกว่า 70 แสดงว่ามีการซื้อมากเกิน (Overbought)
- หากค่าน้อยกว่า 30 แสดงว่ามีการขายมากเกิน (Oversold)
การใช้ Bollinger Bands และ RSI หาจุดตั้ง Take Profit

🔍 คุณน้าขอยกตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์เปิดออเดอร์ Sell (Short Position) ที่จุดสูงกว่าเส้น Upper Band และ RSI สูงกว่าระดับ 70 (Overbought) ดังนั้น เทรดเดอร์ควรตั้ง Take Profit (TP) ที่จุดต่ำกว่าเส้น Lower Band และ RSI ที่ต่ำกว่าระดับ 30 (Oversold) ค่ะ
ข้อดีและข้อเสีย Take Profit (TP)
ข้อดีของ Take Profit (TP)
- ไม่ต้องคอยนั่งเฝ้ากราฟตลอดเวลา เพราะเมื่อราคาไปถึงจุด Take Profit (TP) ระบบจะปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติ
- ทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ข้อเสียของ Take Profit (TP)
- ราคาอาจจะขึ้นไปได้อีก แต่เทรดเดอร์ปิดกำไรไปก่อนแล้ว
- ตั้งจุด TP สูงเกินไป ราคาอาจจะไปไม่ถึง แล้วกลับลงมาขาดทุนก็ได้ แต่ถ้าตั้งไว้ใกล้เกินไป กำไรที่ได้ก็อาจจะน้อยไปไม่คุ้มค่ากับการลงทุนค่ะ
- บางแพลตฟอร์มอาจมีข้อจำกัดในการดำเนินการคำสั่งในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือเมื่อมีปัญหาทางเทคนิค ทำให้คำสั่งไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ TP
TP ย่อมาจากอะไร?
TP ย่อมาก Take Profit ที่เป็นคำสั่งจุดตัดทำกำไร
Take Profit (TP) ต่างจาก Stop Loss (SL) อย่างไร?
TP คือ การตั้งจุดปิดออเดอร์เมื่อมีกำไร ส่วน SL คือ การตั้งจุดปิดออเดอร์เมื่อขาดทุน
TP สามารถปรับเปลี่ยนได้ไหม?
ได้ คุณสามารถปรับจุด TP ได้ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหรือแบบแผนการลงทุนที่เปลี่ยนไป แต่เทรดเดอร์ไม่ควรปรับเปลี่ยนจุดตามอารมณ์ ควรใช้เครื่องวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วย เพราะปรับจุดตามอารมณ์จะอันตรายมาก อาจทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนมากกว่าที่คาดได้ค่ะ
Let Profit Run คืออะไร?
Let Profit Run คือ กลยุทธ์ที่ให้เทรดเดอร์ปล่อยให้กำไรเพิ่มขึ้นต่อไป โดยไม่ปิดออเดอร์ หรือ Take Profit (TP) ทันที เมื่อมีการทำกำไรเกิดขึ้น กลยุทธ์นี้มักใช้ร่วมกับการเลื่อนจุด Stop Loss (SL) จะช่วยจำกัดการขาดทุนและเปิดโอกาสให้กำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สรุป Take Profit คืออะไร?
การตั้ง Take Profit (TP) เป็นการตั้งปิดออเดอร์อัตโนมัติเพื่อทำกำไรเมื่อถึงราคาที่กำหนดไว้ โดยการตั้ง TP มีหลากหลายเทคนิคในการตั้ง เช่น ดูจากแนวรับแนวต้าน, คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินในพอร์ตของเทรดเดอร์ และใช้เครื่องมือทางเทคนิค (Indicator) ต่าง ๆ แต่คุณน้าอยากบอกว่าการตั้ง TP ไม่มีหลักการตายตัวขึ้นอยู่กับแบบแผนการลงทุนหรือสไตล์ของเทรดเดอร์ ซึ่งการตั้ง TP สามารถลดความเสี่ยงและมีโอกาสทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยค่ะ
แต่ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ คือ การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) คุณน้าแนะนำให้เรียนรู้ควบคู่กันไปด้วยนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไปจนโดนล้างพอร์ตค่ะ
สุดท้ายนี้ นักลงทุนควรศึกษาและติดตามข่าวสาร ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงข่าวตัวเลขทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ด้วยนะคะ เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge