พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDJPY
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวในวันอังคาร หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.5% ในวันจันทร์ก่อนหน้า จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% กับหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งภาษีใหม่มีกำหนดเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเลื่อนเส้นตายเดิมจากวันที่ 9 กรกฎาคม เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาเพิ่มเติมค่ะ
ตลาดทั่วโลกยังคงตื่นตัวกับท่าทีที่ไม่แน่นอนของทรัมป์ในการทำสงครามการค้า ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่ายังเปิดรับข้อเสนอในนาทีสุดท้าย แต่ก็เตือนว่าอัตราภาษีอาจพุ่งสูงถึง 60–70% ในบางกรณี แม้จะมีความคืบหน้าในข้อตกลงกับสหราชอาณาจักร เวียดนาม และจีน แต่สำหรับอีกหลายประเทศยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนค่ะ
แม้จะมีความผันผวนช่วงหลังและถูกโยงกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า แต่นักวิเคราะห์จาก Wells Fargo มองว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์นั้นเกินจริง ชี้ว่าแม้ดอลลาร์จะลดลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน แต่หากนับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว ดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงเพียงประมาณ 4% เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดเริ่มสะท้อนโอกาสที่ทรัมป์จะชนะเลือกตั้งในปี 2024 ค่ะ อีกทั้งยังมองว่าดอลลาร์ยังคงเป็นศูนย์กลางของระบบการค้าและการเงินโลก และคาดว่าดอลลาร์จะค่อย ๆ ทรงตัวและอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างพอเหมาะในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2026 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างการเติบโตที่ได้รับแรงกระตุ้นจากการลดภาษีและการยกเลิกข้อจำกัดทางธุรกิจค่ะ นอกจากนี้ยังเตือนว่าไม่ควรรีบเดิมพันกับแนวคิดที่ว่าดอลลาร์จะหมดบทบาทในฐานะเงินทุนสำรองของโลกเร็ว ๆ นี้ เพราะคู่แข่งสำคัญของดอลลาร์ยังอ่อนแออยู่ค่ะ
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดเองก็ต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากในการประเมินว่าแนวทางการเก็บภาษีของทรัมป์จะส่งผลต่อเงินเฟ้อและการเติบโตอย่างไร เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25–4.5% ในการประชุมเดือนมิถุนายน โดยเลือกที่จะรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีต่อเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์บางรายตั้งข้อสังเกตว่าทรัมป์ได้กดดันเฟดอย่างหนักให้ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น และวิจารณ์พาวเวลล์หลายครั้ง แต่ถึงแม้เงินเฟ้อจะยังเกินเป้าหมาย 2% ของเฟดอยู่ ก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายภาษีค่ะ นักลงทุนจึงจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดในเดือนมิถุนายนที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตค่ะ
ในฝั่งเอเชีย เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงในวันอังคาร ขณะที่เงินดอลลาร์ยังทรงตัว หลังจากการประกาศเก็บภาษีของทรัมป์ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน ค่าเงินเยนร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 146.44 ขณะที่ทรัมป์เตือนประเทศคู่ค้าทั้งหลายว่า หากไม่มีข้อเสนอที่น่าพอใจ ภาษีที่สูงขึ้นจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งยิ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อระดับภาษีสุดท้ายและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมค่ะ
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ กล่าวว่านโยบายของญี่ปุ่นคือการเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และระบุว่าญี่ปุ่นสามารถหลีกเลี่ยงการถูกขึ้นภาษีจากระดับ 30–35% ที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ได้บางส่วนแล้ว พร้อมทั้งเปิดเผยว่าฝั่งสหรัฐฯ ได้เชิญให้ญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอโดยเร็วภายในกำหนดเส้นตายเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจทำให้เงื่อนไขภาษีปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับท่าทีของญี่ปุ่นค่ะ ขณะเดียวกัน ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างฮิโรฟูมิ โยชิมูระ ก็เตือนว่าญี่ปุ่นไม่ควรพึ่งพาสหรัฐฯ เพียงรายเดียว และควรขยายความร่วมมือทางการค้ากับประเทศที่ยึดหลักการค้าเสรี เช่น กลุ่มยุโรป พร้อมระบุว่าท่าทีของทรัมป์ยิ่งตอกย้ำว่าสหรัฐฯ เป็น “ความเสี่ยง” ที่ญี่ปุ่นต้องระมัดระวังค่ะ
ทางด้านในประเทศ ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่ใกล้เข้ามา ซึ่งพรรครัฐบาลของอิชิบะมีโอกาสเสียเสียงข้างมาก โดยยังคงยึดจุดยืนแข็งกร้าวในการเจรจาการค้า และยืนยันว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อในประเด็นภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหัวข้อถกเถียงหลัก ขณะเดียวกันแรงกดดันทางเศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวในไตรมาสแรกจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นสถิติใหม่ในปีนี้ แต่ค่าจ้างที่แท้จริงก็ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อค่ะ โดยข้อมูลเดือนพฤษภาคมแสดงให้เห็นว่าค่าจ้างจริงลดลงถึง 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบสองปีค่ะ
แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีข่าวดีบ้างค่ะ การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 4.7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และการรับประทานอาหารนอกบ้าน ข้อมูลระบุว่าการบริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายรายยังเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ภาษีของสหรัฐฯ จะบั่นทอนผลกำไรของภาคธุรกิจ อาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นค่าจ้างในอนาคต และอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมค่ะ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจึงจับตาทั้งแนวโน้มค่าจ้างและการบริโภคอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินจังหวะและแนวทางการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง เพราะหากสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศย่ำแย่ลง ก็อาจขัดขวางการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตได้ค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

คู่เงิน USDJPY อยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่และแนวโน้มด้านนโยบายการเงินที่แตกต่างกันค่ะ โครงสร้างขาขึ้นของคู่เงินนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในภาพรวมระยะยาว แต่แรงส่งขึ้นระยะสั้นเริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัว ทางเทคนิคมีแนวต้านสำคัญที่ 147.20–147.60 ส่วนแนวรับแรกอยู่แถว 146.00 และต่อที่ 145.30 ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันค่ะ
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เงินเยนยังคงเผชิญแรงกดดันจากการเติบโตของค่าจ้างที่อ่อนแอและโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่ซบเซา แม้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะฟื้นตัวชั่วคราว ขณะที่ BOJ ก็ยังคงเดินหน้าอย่างระมัดระวังต่อการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติ ซึ่งจำกัดโอกาสที่เยนจะกลับมาแข็งค่า ในทางกลับกัน ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ทรงตัวแข็งแรง และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยืดหยุ่น ซึ่งได้แรงขับจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการลดกฎเกณฑ์ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ค่ะ
อย่างไรก็ตาม การขู่เก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์ โดยเฉพาะอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าญี่ปุ่นที่จะเริ่มวันที่ 1 สิงหาคม สร้างความเสี่ยงเชิงข่าวสาร (headline risk) ได้ค่ะ ถ้าการเจรจาต่อรองล้มเหลวหรือสหรัฐฯ ตัดสินใจเก็บภาษีในระดับสูงกว่าเดิม 30–35% ตามที่เคยพูดไว้ ความเชื่อมั่นนักลงทุนอาจแย่ลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการไหลกลับเข้าสู่เยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และกด USDJPY ให้ต่ำลงค่ะ ในทางกลับกัน หากมีสัญญาณความคืบหน้าหรือการยืดเวลาเจรจาตกลงกันได้ ก็อาจจุดประกายให้ค่าเงินคู่นี้ดีดกลับไปแถว 148.50 และมีโอกาสทดสอบแนวจิตวิทยาสำคัญที่ 150.00 ในระยะกลางได้ค่ะ
ณ ตอนนี้ คุณน้าว่าคู่นี้น่าจะยังแกว่งตัวในกรอบสะสมที่ผันผวนระหว่าง 145.50–147.60 โดยทิศทางจะแยกออกชัดเจน ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าเรื่องภาษีและท่าทีของเฟดในเดือนกรกฎาคมค่ะ ตัวชี้วัดโมเมนตัมบนกราฟรายวัน เช่น RSI แถว ๆ 50 บ่งบอกถึงภาวะเป็นกลาง แต่ถ้าปิดเหนือ 147.60 ได้อย่างชัดเจน จะเปิดทางให้ไปต่อในขาขึ้น ขณะที่การหลุด 145.30 อาจเร่งการปรับตัวลงไปแถว 144.00 ค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 146.75, 146.70, 146.64
- แนวต้านสำคัญ : 146.87, 146.92, 146.98
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDJPY

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ USDJPY
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 146.65 – 146.75 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 146.75 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 146.88 และ SL ที่ประมาณ 146.60 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 146.87 – 146.97 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 147.05 และ SL ที่ประมาณ 146.70 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 146.87 – 146.97 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 146.87 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 146.71 และ SL ที่ประมาณ 147.02 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 146.65 – 146.75 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 146.54 และ SL ที่ประมาณ 146.92 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge