หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เปราะบาง และมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินไปค่ะ
อย่างไรก็ดี แรงดีดตัวในช่วงท้ายของการซื้อขายเกิดขึ้นหลังมีรายงานว่ารัฐสภาสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการยุติภาวะชัตดาวน์ ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ท่ามกลางข้อมูลภาคเอกชนที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ รวมถึงมีการประกาศเลิกจ้างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า แม้เจ้าหน้าที่จะเตือนว่าการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมยังไม่แน่นอนค่ะ
ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ หุ้นที่ปรับตัวขึ้นนำได้แก่ Coca-Cola (+2.24%) Sherwin-Williams (+1.92%) และ Amgen (+1.43%) ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด ได้แก่ IBM (-2.02%) Nike (-1.6%) และ Caterpillar (-1.23%) ค่ะ
อีกด้าน หุ้น Expedia พุ่งขึ้น 18.8% หลังยอดการจองแบบ B2B ที่แข็งแกร่งช่วยให้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าที่คาด ขณะที่ Akamai Technologies และ Celanese ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ค่ะ ในทางตรงกันข้าม Take-Two Interactive ร่วงลง 8% หลังประกาศเลื่อนการเปิดตัวเกม Grand Theft Auto VI ไปเป็นช่วงปลายปี 2026 ส่วน Microchip Technology ลดลง 6.6% หลังให้แนวโน้มยอดขายที่อ่อนแอค่ะ
ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ลดลง 3.7% หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติแพ็กเกจค่าตอบแทนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ให้ซีอีโอ Elon Musk ส่วน Peloton ปรับขึ้นหลังรายได้ออกมาดีกว่าคาดจากไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ค่ะ
ในขณะเดียวกัน Kenvue พุ่งขึ้นกว่า 18% หลังตกลงให้ Kimberly-Clark เข้าซื้อกิจการมูลค่า 48.7 พันล้านดอลลาร์ และ Yum! Brands เพิ่มขึ้น 7% จากการพิจารณาเชิงกลยุทธ์สำหรับ Pizza Hut ค่ะ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่จะแข็งแกร่ง โดยกว่า 83% ของบริษัทใน S&P 500 ทำผลประกอบการได้ดีกว่าที่คาด แต่นักลงทุนยังคงใช้ความระมัดระวังอยู่มาก นักวิเคราะห์เตือนว่าตลาดหุ้นขาขึ้นในปัจจุบันอาจกำลังเข้าสู่ช่วงที่ผลตอบแทนระยะยาวเริ่มลดลง เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่สูง ปัจจัยหนุนทางเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแรง และสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวค่ะ
ด้านนักกลยุทธ์ตลาดคาดว่า ความแข็งแกร่งของดาวโจนส์สะท้อนถึงการหมุนเวียนเงินทุนเข้าสู่หุ้นเชิงป้องกันและหุ้นมูลค่า ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยียังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI อีกทั้ง เนื่องจากภาวะชัตดาวน์ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญไม่ชัดเจน และตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรง นักลงทุนจึงมีแนวโน้มที่จะรักษาท่าทีระมัดระวังต่อไปก่อนการประชุมเฟดครั้งถัดไป รวมถึงก่อนการรายงานผลประกอบการของ Walt Disney Cisco และ Nvidia ค่ะ
อย่างไรก็ดี จากมุมมองพื้นฐาน ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในจุดที่ปัจจัยด้านการประเมินมูลค่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค และความคาดหวังต่อผลกำไรของบริษัทมาบรรจบกันค่ะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดัชนี US30 อาจมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากหุ้นเชิงป้องกัน เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มั่นคง และหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน รวมถึงจากการหมุนเวียนเงินทุนออกจากหุ้นเติบโตแรง มากกว่าที่จะได้แรงผลักจากบรรยากาศการลงทุนเชิงรุก เว้นแต่ว่าจะมีปัจจัยภายนอกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด เช่น การเร่งตัวของการเติบโตของกำไรบริษัท การยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง หรือทิศทางนโยบายการเงินจากธนาคารกลางที่ชัดเจนมากขึ้น ดัชนีนี้จึงยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก หรือผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าคาด มากกว่าที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับปัจจุบันค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US30 ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นอย่างมั่นคง โดยสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 20 วัน และ SMA 50 วัน ค่า RSI แสดงถึงแรงโมเมนตัมเชิงบวกที่ยังดำเนินต่อไป แต่ก็เริ่มเข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไปเล็กน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการพักฐานระยะสั้นค่ะ
ด้านแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 47,450–47,650 จุด และมีแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 48,000 จุด หากดัชนียังคงยืนเหนือโซน 47,100 จุดได้ต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการทะลุขึ้นเพื่อทดสอบบริเวณ 48,200–48,500 จุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าค่ะ อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรักษาระดับเหนือ 46,500 จุดได้ อาจมีแรงขายทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 45,900 จุด และหากหลุดระดับดังกล่าว แนวถัดไปจะอยู่ที่ประมาณ 45,300 จุดค่ะ
โดยสรุป คุณน้ามองว่าดัชนี US30 มีแนวโน้มจะคงทิศทางเชิงบวกต่อเนื่องในช่วง 2–4 สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่บริเวณ 48,000–48,500 จุด หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 46,500 จุดได้ค่ะ แม้โมเมนตัมระยะสั้นอาจชะลอลงจากสัญญาณ overbought แต่โครงสร้างโดยรวมของตลาดยังคงแข็งแรงค่ะ ตราบใดที่ความคาดหวังเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และผลประกอบการของหุ้นขนาดใหญ่ยังมีความยืดหยุ่น ทิศทางในระยะกลางของดาวโจนส์ยังคงมุ่งสู่การปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคุณน้ามองว่าช่วงการอ่อนตัวลงระหว่างทางยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมภายในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)
- แนวรับสำคัญ : 47071.0, 47055.9, 47031.6
- แนวต้านสำคัญ : 47119.6, 47134.7, 47159.0
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Coca-Cola Company (KO): ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นอย่างมั่นคง โดยซื้อขายอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ค่า RSI สะท้อนแรงส่งในเชิงบวกในระดับปานกลางโดยยังไม่อยู่ในเขตซื้อมากเกินไป ส่วนเส้น MACD ยังคงอยู่เหนือเส้นสัญญาณ ซึ่งตอกย้ำโมเมนตัมขาขึ้น แต่เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการพักตัวระยะสั้นค่ะ โดยแนวต้านถัดไปอยู่บริเวณ 71.80–72.50 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับระยะใกล้อยู่ที่ประมาณ 69.00 ดอลลาร์ค่ะ รูปแบบปริมาณการซื้อขายแสดงถึงการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไป บ่งบอกถึงแรงสนับสนุนจากสถาบันการลงทุนค่ะ โดยรวมแล้ว มุมมองทางเทคนิคของ KO ยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแรงจูงใจจากเงินปันผลที่แข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงค่ะ
- Microchip Technology Inc. (MCHP): อยู่ในช่วงสร้างฐานระยะสั้นหลังจากการปรับฐานลงมาเล็กน้อย ราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันเล็กน้อย แต่ยังอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งสะท้อนถึงโครงสร้างระยะยาวที่ยังแข็งแรงค่ะ ค่า RSI อยู่ในโซนเป็นกลางแต่มีโอกาสฟื้นตัวหากแรงส่งเริ่มกลับมา ส่วน MACD ทรงตัวและมีแนวโน้มจะกลับตัวขึ้นเป็นขาขึ้นอีกครั้ง หากราคาทะลุระดับ 57.50 ดอลลาร์ได้ค่ะ โดยการปิดเหนือระดับ 58.00 ดอลลาร์อย่างชัดเจนอาจเปิดทางให้ขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 61.00 ดอลลาร์ ขณะที่หากราคาหลุดแนวรับ 55.00 ดอลลาร์ อาจมีการย่อลงมาทดสอบระดับ 53.50 ดอลลาร์อีกครั้งค่ะ
- International Business Machines (IBM): ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยหลักทั้งหมด ค่า RSI สะท้อนแรงส่งที่แข็งแรง แต่เข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป อาจมีการพักฐานหรือย่อตัวเล็กน้อยในระยะสั้นค่ะ โดยหาก IBM สามารถยืนเหนือระดับ 305 ดอลลาร์ได้ต่อเนื่อง เป้าหมายถัดไปจะอยู่ในช่วง 315–320 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับเบื้องต้นที่ 298 ดอลลาร์ค่ะ โดยรวมแล้ว รูปแบบทางเทคนิคยังสะท้อนแนวโน้มที่แข็งแรง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI ของภาคองค์กรค่ะ
- Expedia Group (EXPE): แสดงโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับความยืดหยุ่นของภาคการท่องเที่ยวและรายได้ที่เติบโตดีค่ะ ราคาซื้อขายอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ 100 วัน ซึ่งยืนยันถึงความแข็งแรงในระดับกลาง ค่า RSI แสดงแรงส่งที่ดีโดยยังไม่เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป ส่วน MACD ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวก บ่งชี้ถึงโอกาสปรับขึ้นต่อไปสู่แนวต้านบริเวณ 265–270 ดอลลาร์ค่ะ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงราคาปรับขึ้นล่าสุดสะท้อนแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางมุมมองทางเทคนิคระยะสั้นยังคงเป็นบวก โดยมีระดับ 250 ดอลลาร์เป็นจุดหมุนสำคัญ หากมีการปิดเหนือระดับ 260 ดอลลาร์จะเป็นสัญญาณยืนยันของการทะลุช่วงถัดไปค่ะ
- Yum! Brands Inc. (YUM): เพิ่งทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันขึ้นมาได้ ถือเป็นสัญญาณของแรงส่งใหม่หลังจากผ่านช่วงพักตัวหลายสัปดาห์ค่ะ ค่า RSI บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ต่อเนื่องแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด ส่วน MACD พลิกกลับมาเป็นบวกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันการเริ่มต้นของรอบขาขึ้นใหม่ค่ะ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายแสดงสัญญาณการสะสม สอดคล้องกับแนวโน้มที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเชิงป้องกันกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งค่ะ โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 152.50–154.00 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 146.00 ดอลลาร์ ตราบใดที่ราคายังคงยืนเหนือ 145.20 ดอลลาร์ แนวโน้มโดยรวมยังถือว่าอยู่ในทิศทางบวก สนับสนุนการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 47001.0 – 47071.0 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 47071.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47126.6 และ SL ที่ประมาณ 46966.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 47119.6 – 47189.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47202.0 และ SL ที่ประมาณ 47036.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 47119.6 – 47189.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 47119.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47062.9 และ SL ที่ประมาณ 47224.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 47001.0 – 47071.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 46983.0 และ SL ที่ประมาณ 47154.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge








