คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US30 / DJIA)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ตลาดวอลล์สตรีทปิดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ นำโดยการปรับตัวขึ้นแรงของดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) หลังจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมเริ่มเพิ่มสูงขึ้น แม้ตลาดจะผันผวนจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่ดูตึงตัวเกินไป และแรงขายในตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่บรรยากาศก็เปลี่ยนไปหลังจากประธาน Fed นิวยอร์ก จอห์น วิลเลียมส์ ส่งสัญญาณว่า “มีพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม” ค่ะ ส่งผลให้ความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคมดีดจากราว 30% ขึ้นมาเกิน 70% ช่วยกลบความกังวลที่เกิดจากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อต้นสัปดาห์ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัว และแรงซื้อที่กระจายไปทั่วในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเฮลท์แคร์ วัสดุพื้นฐาน และการบริการผู้บริโภคค่ะ

ทั้งนี้ ภายในดัชนีดาวโจนส์ หุ้นที่ช่วยหนุนดัชนีมากที่สุด คือ Home Depot (+3.29%) จากสัญญาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังแข็งแรง ตามด้วย Merck (+2.94%) และ Sherwin-Williams (+2.76%) ที่สะท้อนความแข็งแกร่งของหุ้นเชิงป้องกันและความต้องการในอุตสาหกรรมค่ะ ส่วนด้านที่กดดันดัชนีมาจากหุ้นอย่าง Walmart (-1.66%), Microsoft (-1.29%) และ Nvidia (-0.96%) โดยบรรยากาศในกลุ่มเทคโนโลยียังดูเปราะบางอยู่ เพราะนักลงทุนยังคงตั้งคำถามกันอยู่ว่ามูลค่าหุ้นกลุ่ม AI ตอนนี้อาจจะสูงเกินจริงไปแล้วหรือไม่

อย่างไรก็ดี หุ้นเทคโนโลยียังคงเป็นศูนย์กลางของจิตวิทยาตลาดค่ะ Nvidia แม้ประกาศผลประกอบการจะออกมายอดเยี่ยม แต่แรงซื้อก็แผ่วลงอย่างรวดเร็ว เพราะนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าอุปสงค์ด้าน AI จะสูงพอรองรับมูลค่าหุ้นปัจจุบันหรือไม่ มีรายงานว่าสหรัฐฯ อาจพิจารณาผ่อนปรนข้อจำกัดในการขายชิป H200 ให้จีน ซึ่งช่วยกระตุ้นบรรยากาศได้ชั่วคราว ท่ามกลางความผันผวนที่ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นยังมีอัพไซด์ในระยะยาวจากราคาชิปเจเนอเรชันใหม่ที่สูงขึ้น และบทบาทผู้นำด้าน AI ที่ยังแข็งแกร่งค่ะ

ในขณะเดียวกัน Alphabet ก็เป็นหนึ่งในหุ้นเมกะแคปที่โดดเด่นที่สุดของสัปดาห์ พุ่งขึ้นกว่า 10% หลัง Berkshire Hathaway เปิดเผยการเข้าซื้อหุ้นมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ พร้อมแรงเชื่อมั่นใหม่ของนักวิเคราะห์ต่อทิศทาง AI ของ Google ค่ะ

นอกเหนือจากกลุ่มเมกะแคป ยังมีหุ้นรายตัวที่เคลื่อนไหวโดดเด่นอีกหลายตัวค่ะ Oracle ร่วงกว่า 6% จากความกังวลว่าการลงทุนด้าน AI ที่หนักหน่วงจะทำให้มีการสร้างศูนย์ข้อมูลมากเกินความจำเป็น และบริษัทอาจต้องก่อหนี้เพิ่มจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน กลุ่มค้าปลีกมีผลงานหลากหลาย Ross Stores พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่จากผลประกอบการแข็งแกร่งและดีมานด์ช่วงเปิดเทอม ส่วน Gap ดีดขึ้นจากยอดขายสาขาเดิมที่ดีกว่าคาด ในทางกลับกัน Bath & Body Works ดิ่งเกือบ 30% จากกำไรที่น่าผิดหวังและแนวโน้มอ่อนแอค่ะ ในขณะที่ Exact Sciences พุ่งกว่า 50% จากดีลควบรวมกิจการ หลัง Abbott ยืนยันเข้าซื้อกิจการมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์ค่ะ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก UBS และ Capital Economics มองว่า แม้มูลค่าหุ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ จะอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่บ่งชี้ว่าจะต้องเกิดการปรับฐานโดยอัตโนมัติค่ะ และแม้ว่าผลิตภาพที่ได้จากการนำ AI มาใช้ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศจะเริ่มเห็นผลชัดเจน แต่ประโยชน์เหล่านี้ก็ยังไม่ได้ส่งต่อไปสู่เศรษฐกิจในภาพรวมมากนัก ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับชิป AI โครงสร้างพื้นฐานพลังงาน และทิศทางกฎระเบียบ โดยเฉพาะกฎหมาย AI ระดับรัฐ ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากขึ้นค่ะ

ทั้งนี้ ในภาพรวมพื้นฐาน ดาวโจนส์เริ่มมีสัญญาณแข็งแกร่งขึ้นในระยะสั้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นวัฏจักรและหุ้นที่ไวต่อเศรษฐกิจ เช่น Home Depot Sherwin-Williams และ Merck ในขณะที่การลดลงของบอนด์ยีลด์และค่าเงินที่นิ่งขึ้นก็ช่วยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นขนาดใหญ่ค่ะ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของดาวโจนส์ยังคงมีอยู่ค่ะ โดยเฉพาะมูลค่าหุ้นกลุ่มเติบโตและเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูง ทำให้ตลาดไวต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ผิดคาดหรือสัญญาณนโยบายการเงินที่ไม่ชัดเจน อีกทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI อย่าง Nvidia ยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบเข้มข้น ทำให้ความเสี่ยงที่ดีมานด์ AI ชะลอ หรือมีปัญหาด้านกฎระเบียบและภูมิรัฐศาสตร์ สามารถฉุดดัชนีได้ง่าย นอกจากนี้ ด้วยมูลค่าที่สูงและผลประกอบการของหลายบริษัทที่ออกมาดีมากแล้ว โอกาสขาขึ้นอาจจำกัด ขณะที่ความเสี่ยงด้านขาลงยังเปิดกว้างค่ะ

โดยสรุปแล้ว แม้ดาวโจนส์จะมีแรงหนุนจากความหวังลดดอกเบี้ยและผลประกอบการที่แข็งแกร่งในกลุ่มวัฏจักร แต่ก็มีความเสี่ยงจากมูลค่าที่สูง บรรยากาศนักลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังเปราะบางและความไม่แน่นอนด้านนโยบายค่ะ ผลการเคลื่อนไหวระยะสั้นของดัชนีจึงน่าจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการที่จะประกาศต่อจากนี้ว่าจะช่วยยืนยันความคาดหวังของตลาดหรือทำให้ต้องประเมินความเสี่ยงใหม่อีกครั้งค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2025

ดัชนี US30 อยู่ในจุดหมุนสำคัญของแนวโน้มระยะสั้นในตอนนี้ค่ะ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแนวรับบริเวณ 46100–46200 จะประคองไว้ได้หรือไม่ หากฝั่งซื้อยังสามารถป้องกันโซนนี้ได้ดี และโมเมนตัมเริ่มฟื้นตัว คุณน้ามองว่าดัชนีมีโอกาสดีดกลับขึ้นไปได้อีกระลอก และอาจกลับขึ้นไปทดสอบโซน 46900–47000 อีกครั้งค่ะ และหากยืนเหนือ 46600 ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน และเปิดทางให้ราคาไต่ขึ้นต่อไปสู่บริเวณ 47500 ได้ค่ะ

ทั้งนี้ หากดัชนีไม่สามารถสร้างโมเมนตัมที่ชัดเจนได้ US30 ก็อาจแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 46000–46600 ต่อไปค่ะ โดยตัวชี้วัดอย่าง RSI ที่เคลื่อนอยู่บริเวณระดับกลางก็ยิ่งสะท้อนภาวะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มเหวี่ยงตัวระหว่างกรอบล่างแถว 46000–45800 และกรอบบนใกล้ 46600 ขณะที่ตลาดรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ทำให้นักลงทุนเฝ้าจับตาความผันผวนที่ลดลงหรือวอลุ่มที่เบาบางลงเพื่อรอทิศทางสำคัญถัดไปค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากแรงขายเริ่มกดดันมากขึ้น และ US30 หลุดต่ำกว่า 46000 โมเมนตัมขาลงอาจเร่งตัวตามมาได้ค่ะ และหากหลุดพร้อมวอลุ่มที่เพิ่มขึ้น ก็จะเปิดทางให้ราคาลงไปทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 45300–45400 และมีโอกาสไหลลงลึกไปถึง 45000 หรืออาจลงไปแตะ 44900 ได้ค่ะ

โดยสรุป ดัชนี US30 อยู่ในจุดชี้ขาดของทิศทางราคา หากสามารถประคองตัวเหนือ 46100 ได้ ก็มีโอกาสต่อยอดการปรับขึ้นไปสู่บริเวณ 47000 แต่หากดัชนียังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ก็อาจเคลื่อนไหวในกรอบระยะหนึ่ง และในกรณีที่หลุดระดับ 46000 ก็จะเพิ่มความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับฐานลงสู่ช่วงกลางระดับ 45000 ค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US30 / DJIA)

  • แนวรับสำคัญ : 45834.0, 45457.6, 44848.4
  • แนวต้านสำคัญ : 47052.4, 47428.8, 48038

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Home Depot (HD): อยู่ในภาวะขายมากเกินไปอย่างชัดเจนค่ะ ตัวชี้วัด RSI อยู่ใกล้ระดับต่ำสุด และโมเมนตัมหลายตัวก็ส่งสัญญาณว่าการปรับลงเริ่มอ่อนแรงแล้ว อย่างไรก็ตาม ทิศทางระยะสั้นยังคงเป็นขาลง เพราะ MACD ยังอยู่ในโซนลบ และราคายังเคลื่อนไหวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น โดยแนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 332–333 ดอลลาร์ หากราคายืนเหนือโซนนี้ได้ อาจเห็นแรงรีบาวด์ทางเทคนิคกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 340–346 ดอลลาร์ แต่ถ้าหลุดแนวรับนี้พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มขาลงอาจยืดเยื้อออกไปก่อนจะฟื้นตัวได้อย่างจริงจังค่ะ นักลงทุนจึงควรจับตาการกลับตัว หรือปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เพื่อยืนยันการเปลี่ยนทิศทางของโมเมนตัมค่ะ
  • Merck (MRK): กราฟยังดูแข็งแรง ราคายืนเหนือเส้น EMA 20 50 และ 200 วัน บ่งบอกว่าทิศทางหลักยังคงเป็นขาขึ้น แต่ตัวชี้วัดโมเมนตัมอย่าง RSI เข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป จึงมีโอกาสที่แรงส่งอาจเริ่มชะลอในระยะสั้น โดยแนวต้านสำคัญอยู่บริเวณ 82–85 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ อาจเกิดการพักตัวลงมาทดสอบแนวรับหลักแถว 76–79 ดอลลาร์ ซึ่งการที่ราคาจะเดินหน้าต่อในแนวโน้มขาขึ้นนั้น จำเป็นต้องทะลุแนวต้านขึ้นไปพร้อมกับปริมาณซื้อขายที่หนุนชัดเจนค่ะ ถ้าแรงซื้อไม่มากพอ หรือโมเมนตัมเริ่มอ่อนแรง ก็มีโอกาสที่หุ้นจะกลับไปเคลื่อนไหวในช่วงพักตัวอีกครั้งค่ะ
  • Sherwin-Williams (SHW): กำลังเคลื่อนไหวในโซนที่ค่อนข้างเปราะบางค่ะ เนื่องจากภาพรวมของแนวโน้มยังอ่อนแรง ราคายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายช่วงเวลา โมเมนตัมอยู่ในโซนกลาง แสดงว่าทั้งแรงซื้อและแรงขายยังไม่ชัดเจนค่ะ โดยแนวรับหลักอยู่ที่ 320–325 ดอลลาร์ หากสามารถเด้งขึ้นจากโซนนี้ได้ ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านช่วง 340–355 ดอลลาร์ แต่ถ้าหลุดระดับ 320 ดอลลาร์ลงไป จะทำให้โครงสร้างกราฟเป็นลบมากขึ้น และเปิดทางให้ราคาปรับลงต่อค่ะ
  • NVIDIA (NVDA): กำลังเข้าสู่ช่วงที่มีความผันผวนค่อนข้างสูงค่ะ การแกว่งของราคาสะท้อนบรรยากาศความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระแส AI ขณะที่ราคากำลังพักฐานลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้า และสัญญาณทางเทคนิคชี้ว่า NVDA อาจกำลังมองหาแนวรับในโซน 150–160 ดอลลาร์ โดยมีตัวชี้วัดโมเมนตัมที่อ่อนแรงลง ซึ่งบ่งบอกว่าการปรับฐานอาจยังไม่สิ้นสุด หากราคาสามารถดีดตัวจากโซนนี้ได้อย่างแข็งแรง แนวโน้มขาขึ้นก็อาจกลับมาเด่นชัดอีกครั้ง แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าว ราคาก็มีโอกาสปรับลงลึกยิ่งกว่าเดิม เพราะเป็นหุ้นที่มีความไวต่อข่าวด้านมหภาคและข่าวในกลุ่ม AI สูงมากค่ะ
  • Oracle (ORCL): อยู่ในช่วงพักฐาน หลังจากปรับขึ้นมาอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ค่ะ ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังให้สัญญาณหลากหลาย แต่โครงสร้างภาพรวมเริ่มดีขึ้น โดยราคายังยืนเหนือเส้นแนวโน้มหลักหลังจากผ่านช่วงผันผวนมาได้ แนวรับสำคัญอยู่ที่โซน 285–295 ดอลลาร์ค่ะ หากราคายืนเหนือโซนนี้ได้ โครงสร้างจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และมีโอกาสกลับไปทดสอบระดับ 320 ดอลลาร์ อีกทั้งหากทะลุขึ้นไปได้อย่างมั่นคง ก็อาจขยายเป้าหมายไปถึงโซน 340–345 ดอลลาร์ค่ะ แต่หากหลุดระดับ 278 ดอลลาร์ แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นลบ และมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงแรงมากขึ้นค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US30 / DJIA)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 45134.0 – 45834.0 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 45834.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 47169.9 และ SL ที่ประมาณ 44784.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 47052.4 – 47752.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 48038.0 และ SL ที่ประมาณ 45484.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 47052.4 – 47752.4 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 47052.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 45575.1 และ SL ที่ประมาณ 48102.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 45134.0 – 45834.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44848.4 และ SL ที่ประมาณ 47402.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Table of Contents
Recent Post
Recent Post
คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2025
คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2025

ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายหุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

บทวิเคราะห์คู่เงิน AUDUSD 21 พฤศจิกายน 2025
บทวิเคราะห์ AUDUSD วันที่ 21 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ AUDUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 21 พฤศจิกายน 2025
วิเคราะห์ GBPUSD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 21 พฤศจิกายน 2025

พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy