ในตลาดการซื้อขายหรือการเทรดนั้นจะต้องอาศัยรูปแบบการเทรดแตกต่างกันไป ซึ่งเทรดเดอร์ก็จะพยายามเลือกรูปแบบการเทรดให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด
วันนี้คุณน้าเลยอยากหยิบยกการเทรดสั้น – เทรดยาวมาฝากทุกคนกันว่าใครจะเหมาะกับแบบไหนกันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
เทรดสั้นเป็นยังไง ?
การเทรดสั้นก็คือการเข้าทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ หรือการเล่นกับความผันผวนของตลาดนั่นเองค่ะ หรือที่คุณน้าเคยเขียนไปว่าเป็นรูปแบบการเทรดแบบ Scalping เพราะจะต้องมีการคิดคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ว่าควรจะทำกำไรหรือไม่ และการเทรดแบบนี้ก็ต้องอาศัยความรวดเร็วในการเปิด-ปิดออเดอร์ด้วยค่ะ
ข้อดีของการเทรดสั้น
- สามารถทำกำไรได้มากในระยะเวลาสั้น ๆ และรวดเร็วทันใจ ลงทุน 1 นาทีก็มีโอกาสลุ้นกำไรได้
- ยิ่งขยันทำยิ่งมีโอกาสสร้างกำไรได้เยอะ
- ไม่ต้องวิเคราะห์ตลาดในระยะยาว สามารถดูความผันผวนในระยะสั้นได้
ข้อเสียของการเทรดสั้น
- ต้องขยันเฝ้าจอตลอดเวลาเพื่อดูจังหวะ
- ถึงแม้มีโอกาสได้กำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเหมือนกันค่ะ ว่าง่าย ๆ ได้กำไรง่ายและขาดทุนง่ายเหมือนกัน
- ต้องมีประสบการณ์ในระดับหนึ่งเพื่อสามารถจับทิศทางและจังหวะในการทำกำไร
เทรดยาวเป็นยังไง ?
เป็นการเทรดที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าแบบสั้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามานั่งเฝ้ากราฟ อาจจะไม่ได้กำไรในระยะเวลารวดเร็ว แต่ก็สามารถทำกำไรได้ไม่แพ้แบบเทรดสั้น ซึ่งอาจจะต้องอาศัยการคาดการณ์ การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดในระยะยาวเข้าช่วยด้วยค่ะ
ข้อดีของการเทรดยาว
- ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้ากราฟตลอดเวลา
- สามารถใช้ S/L และ T/P ทำกำไรหรือตัดขาดทุนแทนเราได้ถึงจะไม่ว่างเฝ้ากราฟ
- ไม่ต้องเข้าออเดอร์บ่อย อาศัยจากการดูตามเทรนด์ก็ได้เช่นกัน
ข้อเสียของการเทรดยาว
- เหมาะกับผู้ที่มองเทรนด์เป็นมากกว่า
- อาจต้องใช้งบลงทุนสูง
- ต้องมีความอดทนค่อนข้างมาก
เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน ใครเหมาะกับแบบไหนกันบ้างเอ่ย แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็มีไว้ช่วยประกอบการตัดสินใจเท่านั้นนะคะ
อย่างที่ว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ยังไงทุกคนต้องใช้วิจารณญาณอย่างมากในการเทรดแต่ละครั้งนะคะ ด้วยความเป็นห่วงจากคุณน้าพาเทรด