หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!
คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 0.6% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากการอ่อนตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยการปรับลดของหุ้น Dell, Nvidia และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI อื่น ๆ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถูกบดบังค่ะ
ทั้งนี้ หุ้น Dell ร่วงเกือบ 9% หลังจากต้นทุนการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้มุมมองเชิงบวกต่อโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทลดลงค่ะ ขณะเดียวกัน หุ้น Nvidia ปรับตัวลง 3.4% ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แม้ผลประกอบการล่าสุดจะสะท้อนถึงความต้องการด้าน AI ที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่นักลงทุนคาดหวังไว้ค่ะ เช่นเดียวกันกับหุ้น Marvell ที่ดิ่งลงเกือบ 19% หลังออกแนวโน้มรายได้ที่อ่อนแอ และหุ้น Caterpillar ร่วงลง 3.7% หลังเตือนว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาษีนำเข้าจะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2025 ค่ะ
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางแรงกดดันเหล่านี้ ดัชนี S&P 500 ก็ยังสามารถปิดบวกในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.9% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนกันยายนค่ะ
ด้านการเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวอื่น ๆ หุ้น Alibaba พุ่งขึ้นถึง 13% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ และการเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ ในทางกลับกัน หุ้น Keurig Dr Pepper ร่วงลงกว่า 17% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการเข้าซื้อกิจการ JDE Peet’s ที่มีมูลค่าสูง และแผนการแยกธุรกิจ อาจทำให้บริษัทมีภาระหนี้สินมากเกินไปค่ะ ขณะเดียวกัน หุ้น MongoDB (+47%), Snowflake (+20%) และ Pure Storage (+38%) ต่างพุ่งขึ้นแรง จากผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจที่สดใส ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นเติบโตบางกลุ่มค่ะ
ด้านผลประกอบการในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมีความหลากหลาย โดยกลุ่มสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภคยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ แต่กลุ่มเทคโนโลยีกลับลดลง 1.6% ค่ะ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง จากจำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นยังมากกว่าหุ้นที่ปรับตัวลงภายในดัชนีค่ะ
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นเล็กน้อย บ่งชี้ถึงความหวังอย่างระมัดระวังของนักลงทุนก่อนเข้าสู่เดือนกันยายน โดยตลาดยังคงจับตาประเด็นภาษีนำเข้า ทิศทางนโยบายของ Fed และรายงานการจ้างงานที่จะเปิดเผยเร็ว ๆ นี้ค่ะ
โดยสรุปแล้ว ภาพพื้นฐานของ US500 ยังมีแรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแรง แต่แรงกดดันจากหุ้นเทคโนโลยี ต้นทุนภาษีศุลกากร และความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจทำให้ดัชนีเผชิญความผันผวนระยะสั้น นักลงทุนอาจโฟกัสไปที่หุ้นรายตัวที่มีผลประกอบการแข็งแรง เช่น Alibaba, MongoDB, Snowflake และ Pure Storage ซึ่งยังคงแสดงการเติบโตที่เหนือความคาดหมายค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ดัชนี US500 ล่าสุด สะท้อนภาวะตลาดที่ผันผวนหลังการปรับฐานระยะสั้น โดยกราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าดัชนียังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญบริเวณ 6,420–6,400 หากยังสามารถประคองราคาไว้ได้ ดัชนีมีโอกาสดีดกลับไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6,500 และหากทะลุผ่านได้อย่างมั่นคง อาจขยายเป้าหมายขึ้นไปที่ 6,540–6,600 ค่ะ
ในทางกลับกัน หากแรงขายกดดันจนหลุดแนวรับ 6,400 จะถือเป็นสัญญาณลบที่อาจเปิดทางให้ดัชนีถอยลึกลงไปยัง 6,350–6,300 ได้ ขณะที่สัญญาณ RSI อยู่ในระดับกลาง ไม่ถึง overbought บ่งชี้ว่ายังมีพื้นที่ให้เกิดแรงซื้อกลับ แต่ต้องอาศัยการยืนเหนือแนวรับหลักเพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้นต่อ
กล่าวโดยรวม ภาพทางเทคนิคยังเอนเอียงไปทางบวก แต่ตลาดยังอยู่ในจุดที่ต้องพิสูจน์แรงซื้อ โดยนักลงทุนควรจับตาโซน 6,400 เป็นจุดชี้วัดแนวโน้มในระยะสั้น หากยืนได้จะเป็นจังหวะเสริมพอร์ต แต่ถ้าหลุดควรรอให้ดัชนีสร้างฐานใหม่ก่อนค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)
- แนวรับสำคัญ : 6426.5, 6404.5, 6369.0
- แนวต้านสำคัญ : 6497.5, 6519.5, 6555.0
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory
กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView
📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง
- Nvidia (NVDA): อ่อนตัวต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ผลประกอบการยังสะท้อนความแข็งแกร่งของการลงทุนใน AI โดยกราฟทางเทคนิคชี้ว่า NVDA กำลังทดสอบโซนแนวรับ $170–172 หากยืนได้ มีโอกาสรีบาวด์ไปทดสอบแนวต้าน $180–185 แต่ถ้าหลุดลงมา อาจเห็นแรงขายกดลงสู่ $165
- Dell (DELL): ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับแนวรับสำคัญ หากดีดกลับขึ้นไปได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้าน $128–130 แต่หากแรงขายยังกดดันต่อ อาจอ่อนตัวลงไปสู่ $118 นักลงทุนสายเทคนิคอาจรอสัญญาณกลับตัวพร้อมวอลุ่มหนุนก่อนเข้าซื้อค่ะ
- Marvell Technology (MRVL): ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ยหลัก ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบ โดยในระยะสั้น แนวรับถัดไปอยู่ที่ $62 และหากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ มีโอกาสลงต่อถึง $60 ขณะที่แนวต้านใกล้สุดคือ $65 นักลงทุนอาจรอให้หุ้นสร้างฐานราคาใหม่ก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ
- Alibaba (BABA): ทะลุแนวต้าน $130 ขึ้นมาได้ชัดเจน และหากยืนเหนือระดับนี้ มีโอกาสไปต่อสู่ $138–142 โดยภาพรวมระยะสั้นยังเป็นเชิงบวกและดึงดูดแรงเก็งกำไรค่ะ
- MongoDB (MDB): แม้จะอ่อนตัวจากจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน แต่ยังถือว่าอยู่ในโซนโมเมนตัมเชิงบวก กราฟมีแนวรับสำคัญที่ $310 หากยืนได้มีโอกาสรีบาวด์ไปทดสอบ $325–335 แต่หากหลุดลงมา อาจเห็นการพักฐานลึกลงสู่ $300
- Snowflake (SNOW): ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังงบออกมาดีกว่าคาด และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อย่างมั่นคง แนวโน้มยังเป็นเชิงบวก เป้าหมายถัดไปอยู่ที่ $245–250 ขณะที่แนวรับแรกคือ $230 หากราคาย่อตัวลงแต่ยังสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ก็ถือเป็นจังหวะในการสะสมค่ะ
- Pure Storage (PSTG): กราฟยังคงมีโมเมนตัมเชิงบวก แต่ RSI อยู่ในโซน overbought อาจมีการพักฐานสั้น ๆ หากยืนเหนือแนวรับ $75 ได้ มีโอกาสไปต่อสู่ $80–82 นักลงทุนระยะสั้นสามารถใช้โซน $75 เป็นจุดพิจารณาเข้าออกได้ค่ะ
🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก
สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6376.5 – 6426.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6426.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6508.5 และ SL ที่ประมาณ 6351.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6497.5 – 6547.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6601.5 และ SL ที่ประมาณ 6401.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6497.5 – 6547.5 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6497.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6415.5 และ SL ที่ประมาณ 6572.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6376.5 – 6426.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6322.5 และ SL ที่ประมาณ 6522.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge