คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025

คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025
Table of Contents

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี AI ผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งช่วยยกระดับบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนตุลาคม ถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก ขณะที่ NASDAQ Composite ขยับขึ้น 4.7% และ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 2.5% ท่ามกลางการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ในกรอบ 3.75%–4.00% ที่ยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Fed ที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจท่ามกลางเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวค่ะ

อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ยังคงมีท่าทีระมัดระวัง โดยกล่าวว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมยังมีความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังในการวางกลยุทธ์การลงทุนต่อไป ปัจจุบันอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) ของ S&P 500 สูงกว่า 23 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ยุคดอตคอม นักวิเคราะห์จึงเตือนว่าการเติบโตของตลาดในระยะต่อไปอาจต้องอาศัยการขยายตัวของกำไรมากกว่าการขยายตัวของมูลค่าหุ้นค่ะ

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนตลาดค่ะ โดย Amazon ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการเติบโตของธุรกิจ Amazon Web Services (AWS) ถึง 20% และแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาที่ระดับ 300 ดอลลาร์ ขณะที่ Microsoft ทำได้ดีกว่าคาดเช่นกัน โดยรายได้จาก Azure เพิ่มขึ้นถึง 39% ซึ่ง Morgan Stanley ยังคงจัดให้ Microsoft เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่โดดเด่นที่สุด และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 650 ดอลลาร์ จากความต้องการด้าน AI ที่เร่งตัวและอัตรากำไรที่ขยายตัวค่ะ

ส่วน Alphabet รายงานรายได้ไตรมาสเกิน 100 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจ Search และ Cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งนักวิเคราะห์ยังเน้นย้ำว่า Alphabet มีข้อได้เปรียบจากการผสานเทคโนโลยี AI แบบครบวงจรในทุกระดับของธุรกิจค่ะ

ในทางตรงกันข้าม Meta Platforms กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาด หลังหุ้นร่วงกว่า 11% เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อแผนการเพิ่มงบลงทุนในปี 2025 ที่สูงสุดถึง 72 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แม้รายได้จากโฆษณาหลักจะออกมาดีกว่าคาด แต่ Oppenheimer ปรับลดคำแนะนำการลงทุน โดยเตือนว่ากระแสเงินสดอิสระในระยะสั้นอาจถูกกดดันจากการลงทุนที่สูงขึ้นค่ะ

ด้าน Apple มีผลงานที่ดีกว่าคาด โดยรายได้เติบโต 7.9% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าผลประกอบการไตรมาสธันวาคมจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า การเติบโตระยะยาว อาจถูกจำกัดจากโครงสร้างราคาขายและสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่เริ่มอิ่มตัว ขณะที่ Nvidia สร้างความประทับใจอีกครั้ง หลังแตะมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม AI โดยนักวิเคราะห์ยังคงมุมมองเชิงบวก และมองว่า หุ้น Nvidia ยังถูกเกินไปที่จะมองข้ามที่ระดับ P/E 21 เท่าของกำไรคาดการณ์ปี 2026 แม้ตลาดจะมีความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI อยู่บ้างค่ะ

สำหรับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ผลประกอบการก็ออกมาหลากหลาย ด้าน Tesla ได้รับการปรับราคาเป้าหมายจาก Bank of America ขึ้นเป็น 471 ดอลลาร์ โดยชี้ว่าบริษัทเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี “Physical AI” และมีศักยภาพเพิ่มขึ้นในธุรกิจ Robotaxi และ Optimus แม้นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ราคาหุ้นยังคงค่อนข้างแพง ในขณะที่ Goldman Sachs ปรับคำแนะนำหุ้น Roblox เป็น “ซื้อ” โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์เกือบ 60% จากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้และแนวโน้มการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง Chipotle ร่วงลงกว่า 18% หลังให้แนวโน้มผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดและอัตรากำไรที่ถูกกดดัน ส่วน Fiserv ดิ่งกว่า 47% ซึ่งถือเป็นการร่วงแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท หลังมีรายงานกำไรที่ต่ำกว่าคาดอย่างมากและปรับลดคาดการณ์ในอนาคตค่ะ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเตรียมรับมือกับความคึกคักในสัปดาห์นี้ โดยจะมีบริษัทในดัชนี S&P 500 กว่า 130 บริษัท เช่น AMD Qualcomm Palantir Uber และ McDonald’s ที่จะประกาศผลประกอบการ ส่งผลให้นักลงทุนควรจับตาดูว่า การลงทุนในเทคโนโลยี AI จะสามารถแปลงเป็นกำไรที่แท้จริงได้หรือไม่ และท่าทีระมัดระวังของ Fed จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดในช่วงปลายปีเพียงใดค่ะ ตามสถิติแล้ว เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นทำผลงานได้ดีที่สุด และด้วย S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 16% ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนส่วนใหญ่จึงยังคงมองบวกอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าการฟื้นตัวอาจมีความต่อเนื่อง หากกำไรบริษัทยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การควบคุมค่ะ

โดยสรุปแล้ว คุณน้ามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแรงขับเคลื่อนจากธีมเทคโนโลยีและ AI ที่ชัดเจน แต่นักลงทุนควรเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะหากผลประกอบการหรือทิศทางนโยบายการเงินไม่เป็นไปตามคาด ความผันผวนของตลาดอาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

คุยหุ้นสหรัฐ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025

ดัชนี S&P 500 ยังคงรักษาแรงส่งขาขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ คุณน้ามองว่าในเชิงเทคนิค ดัชนียังคงอยู่ในแนวโน้มที่ดีและได้รับแรงสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งเส้น 20 วัน 50 วัน และเส้น 200 วัน ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณยืนยันถึงโครงสร้างตลาดที่แข็งแรงและแรงซื้อที่มีเสถียรภาพค่ะ

ในขณะเดียวกัน เครื่องมือวัดโมเมนตัมยังคงสนับสนุนมุมมองเชิงบวก โดยดัชนี RSI อยู่ที่ราว 63 จุด ซึ่งยังไม่เข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป คุณน้ามองว่าแนวต้านระยะสั้นอยู่ในช่วง 6,900–6,950 จุด ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาก่อนการทดสอบกรอบราคาที่ 7,000 จุด หากสามารถทะลุผ่าน 6,950 จุดได้ พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นแรงซื้อรอบใหม่ให้ดัชนีปรับขึ้นต่อสู่กรอบ 7,120–7,150 จุดได้ค่ะ ส่วนแนวรับใกล้ ๆ อยู่บริเวณ 6,750 จุด และแนวรับถัดไปอยู่ในโซน 6,640–6,600 จุด หากดัชนียังสามารถยืนเหนือบริเวณนี้ได้ ก็จะช่วยรักษาทิศทางขาขึ้นในภาพรวมต่อไปค่ะ

ในมุมมองระยะกลาง ดัชนี S&P 500 ยังคงมีโครงสร้างเชิงบวกที่มั่นคง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกระจายตัวของแรงซื้อที่กว้างขึ้นในตลาด และแรงส่งจากหุ้นขนาดใหญ่ เช่น NVIDIA, Microsoft และ Amazon นอกจากนี้ การหมุนเวียนเม็ดเงินเข้าสู่หุ้นกลุ่มที่ยังคงตามหลัง เช่น กลุ่มการเงินและอุตสาหกรรมบางส่วน ยังสะท้อนให้เห็นว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดรอบนี้มีความกว้างมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหุ้นเทคโนโลยีเท่านั้นค่ะ

ทั้งนี้ หากดัชนียังคงสามารถปิดเหนือระดับ 6,800–6,850 จุดได้ต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน คุณน้ามองว่าแรงส่งขาขึ้นอาจขยายต่อไปเหนือระดับ 7,000 จุดได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นบริเวณแนวต้านทางจิตวิทยา โดยเฉพาะหาก RSI ปรับตัวขึ้นเกินระดับ 70 จุด หรือหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรง ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ค่ะ

โดยสรุปแล้วคุณน้ามองว่า ภาพรวมทางเทคนิคของดัชนี US500 ยังคงเป็นบวกอย่างชัดเจน และยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในช่วงไตรมาสถัดไป ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยมหภาคลบที่รุนแรงเข้ามากระทบ หรือการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในวงกว้างค่ะ

📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (US 500/ S&P 500)

  • แนวรับสำคัญ : 6851.6, 6847.4, 6840.4
  • แนวต้านสำคัญ : 6865.6, 6869.8, 6876.8

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

ที่มา : Forexfactory

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

กำหนดการรายงานผลประกอบการ

ที่มา : TradingView

📍หุ้นสหรัฐที่น่าจับตามอง

  • Amazon.com Inc. (AMZN): ยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งค่ะ ราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ทั้ง 20 50 และ 200 วัน ซึ่งสะท้อนแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและโมเมนตัมขาขึ้นที่ชัดเจน โดยดัชนี RSI แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ต่อเนื่อง โดยยังไม่เข้าเขตซื้อมากเกินไป ยืนยันถึงโมเมนตัมของฝั่งซื้อที่ยังแข็งแรง ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 220 ดอลลาร์ และแนวต้านอยู่ในช่วง 250–255 ดอลลาร์ หากสามารถผ่านแนวนี้ไปได้ มีโอกาสเห็นการปรับขึ้นต่อไปยังโซน 270–275 ดอลลาร์ ค่ะ แต่ในทางกลับกัน หากราคาย่อตัวลงมาใกล้ 225 ดอลลาร์ อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะกลางค่ะ โดยพื้นฐานของ Amazon ยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ AWS และแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้กราฟของ Amazon ยังคงอยู่ในสภาพเทคนิคที่ดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสจากทั้งเทรนด์ AI และอีคอมเมิร์ซ ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ค่ะ
  • Microsoft Corporation (MSFT): ยังคงรักษาแนวโน้มแข็งแกร่งทั้งด้านเทคนิคและพื้นฐานค่ะ โดยราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ 200 วัน ซึ่งตอกย้ำแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวอย่างต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนของธุรกิจ Cloud และ AI โดยค่า RSI แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังแข็งแรง โดยยังไม่เข้าเขตซื้อมากเกินไป ยืนยันถึงโมเมนตัมฝั่งขาขึ้น แนวรับสำคัญอยู่ในช่วง 505–510 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 537–540 ดอลลาร์ หากทะลุแนวนี้ไปได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสขึ้นไปต่อถึงบริเวณ 560–575 ดอลลาร์ ซึ่งโดยรวมแล้ว Microsoft ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งที่สุดในธีม AI เหมาะกับนักลงทุนที่ติดตามเทรนด์ระยะกลางถึงยาว แต่คุณน้าอยากให้รอจังหวะเข้าซื้อบริเวณที่ราคาย่อตัวลงใกล้แนวรับระยะสั้นค่ะ
  • Alphabet Inc. (GOOGL): ยังคงมีโครงสร้างทางเทคนิคที่น่าสนใจค่ะ โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 50 100 และ 200 วัน เรียงตัวในลักษณะขาขึ้น ซึ่งยืนยันถึงแนวโน้มบวกอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่แนวโน้มหลักยังคงเป็นบวก โดย RSI บ่งชี้ว่าแรงซื้อยังมีพื้นที่ให้เร่งตัวขึ้นได้ หากราคาสามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 286–288 ดอลลาร์ คุณน้าแนะนำให้นักลงทุนติดตามแนวรับบริเวณ 275 ดอลลาร์ หากราคายืนเหนือแนวนี้ได้ จะเป็นฐานสำคัญสำหรับการทะลุขึ้นไปทดสอบ 300 ดอลลาร์ในลำดับถัดไปค่ะ ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้ว Alphabet ยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่ควรรอการยืนยันจากปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้นก่อนเข้าซื้อรอบใหม่ค่ะ
  • Meta Platforms, Inc. (META): ขณะนี้อยู่ในช่วงเคลื่อนไหวแบบผันผวน หลังประกาศผลประกอบการ แม้แนวโน้มระยะกลางยังคงเป็นขาขึ้น โดยดัชนี RSI อยู่ในโซนกลาง ไม่ได้บ่งชี้ภาวะซื้อมากหรือขายมากเกินไป แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 660–670 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญ คือ 625–630 ดอลลาร์ ซึ่งจำเป็นต้องยืนเหนือระดับนี้ให้ได้เพื่อรักษาแนวโน้มขาขึ้นในภาพใหญ่ คุณน้าจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนเลือกจังหวะให้ดี แม้ Meta ยังมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว แต่ควรรอการยืนยันสัญญาณบวกที่ชัดเจน เช่น การทะลุแนวต้าน 670 ดอลลาร์ ก่อนเข้าซื้อค่ะ
  • NVIDIA Corporation (NVDA): ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง โดยราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 50 และ 200 วัน แสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งและมีแรงซื้อสม่ำเสมอ โดยดัชนี RSI สะท้อนแรงซื้อที่ยังแข็งแรงและมีพื้นที่ในการปรับขึ้นต่อ แสดงถึงแรงโมเมนตัมที่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คุณน้าอยากให้ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมาค่ะ ทั้งนี้ แนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 198 ดอลลาร์ และแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 210–215 ดอลลาร์ หากสามารถทะลุเหนือ 215 ดอลลาร์ไปได้อย่างชัดเจน ก็จะช่วยเปิดทางให้ราคามีโอกาสไปทดสอบบริเวณ 225–230 ดอลลาร์ค่ะ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงจากการย่อพักฐาน แต่ด้วยความแข็งแกร่งเชิงเทคนิคของ Nvidia การอ่อนตัวลงใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 20 วันอาจเป็นโอกาสสะสมสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในแนวโน้มความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ยังเติบโตต่อเนื่องค่ะ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

เทรดหุ้น CFD กับ IUX โบรกเกอร์หุ้นค่าธรรมเนียมถูก

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)

จุดน่าเข้า Buy

  • Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 6837.6 – 6851.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 6851.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6869.9 และ SL ที่ประมาณ 6830.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 6865.6 – 6879.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6888.1 และ SL ที่ประมาณ 6844.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดน่าเข้า Sell

  • Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6865.6 – 6879.6 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 6865.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6851.6 และ SL ที่ประมาณ 6886.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
  • Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 6837.6 – 6851.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6833.5 และ SL ที่ประมาณ 6872.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of คุณน้า
คุณน้า
Table of Contents
Recent Post
Recent Post
รีวิวโบรกเกอร์ Castle Market
เทรดกับ Castle Market ดีไหม? รีวิวฉบับอัปเดตปี 2025

โบรกเกอร์ Castle Market เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2012 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเวียดนาม มีความโดดเด่นในเรื่องการฝากขั้นต่ำเพียง $1

ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม? ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!
ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม? ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!

ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม” ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยนี้กัน ซึ่งรวมไปถึงการปลดล็อกหนี้แบบฉบับมือโปร ใครเป็นหนี้ห้ามพลาด

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy