คุยหุ้นสหรัฐ เจาะลึกทุกมุมมอง วันที่ 19 พฤษภาคม 2025

หุ้นสหรัฐถือเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาคุยหุ้น เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงและมุมมองในการลงทุน สายวิเคราะห์หุ้นสหรัฐห้ามพลาดบทความนี้!

คุยหุ้นสหรัฐวันนี้ (US 500/ S&P 500)

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐานหุ้นสหรัฐ

ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ S&P 500 ปรับตัวลดลงในช่วงค่ำวันอาทิตย์ หลังจากที่ Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้และนโยบายการคลังของสหรัฐฯ ที่เปราะบางค่ะ โดยการปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายจาก 3 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลัก ต่อจาก Fitch ที่ลดอันดับในปี 2023 และ S&P ที่เคยลดอันดับไปแล้วตั้งแต่ปี 2011

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดจะเพิ่งฟื้นตัวจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลงชั่วคราว แต่ S&P 500 กลับเพิ่งปิดบวกเล็กน้อยเพียง 0.7% ที่ระดับ 5,958.38 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เตือนว่าการปรับลดอันดับครั้งนี้อาจทำให้ตลาดหันกลับมาโฟกัสประเด็นความเสี่ยงทางการคลังระยะยาวอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังผลักดันให้ต่ออายุการลดภาษีจากปี 2017 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าข้อเสนอทางการคลังชุดใหม่นี้อาจเพิ่มหนี้ภาครัฐอีก 3–5 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษข้างหน้า ขณะที่ Moody’s คาดว่าอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ของสหรัฐจะเพิ่มจาก 98% ในปี 2024 ไปแตะ 134% ภายในปี 2035 ค่ะ

ความกังวลของนักลงทุนยิ่งเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นว่าบริษัทอเมริกันอย่าง Walmart ควรเป็นผู้รับภาระต้นทุนภาษีนำเข้าแทนที่จะผลักภาระไปยังผู้บริโภค Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลกและถือเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภค เคยเตือนว่าจะต้องขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งคำเตือนดังกล่าวยิ่งกระตุ้นความกลัวว่าอัตรากำไรของบริษัทต่าง ๆ จะหดตัว และอำนาจซื้อของครัวเรือนอาจอ่อนแอลงค่ะ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนกำลังจับตาผลประกอบการจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรงอย่าง Home Depot และ Target เพื่อดูผลกระทบจากภาษีนำเข้าและวัดความแข็งแกร่งเพิ่มเติมของการบริโภคภายในประเทศค่ะ

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มสูงขึ้นหลังการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ นักกลยุทธ์ตลาดเตือนว่าค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อการระดมทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน แม้ว่านักวิเคราะห์บางรายจะมองว่าการลดอันดับในครั้งนี้จะไม่กระตุ้นให้เกิดแรงขายโดยไม่สมัครใจจากนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ก็อาจเพิ่มแรงกดดันให้ตลาดจับตาความเสี่ยงทางการคลังและทิศทางการเจรจาทางนโยบายในวอชิงตันอย่างใกล้ชิดค่ะ

แม้จะมีความหวังบางส่วนจากสัญญาณบวกด้านการค้า แต่การปรับลดอันดับในครั้งนี้ก็ได้เน้นย้ำถึงความเปราะบางด้านงบประมาณของสหรัฐในระยะยาวอย่างชัดเจน นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเตือนว่าหากไม่มีการปฏิรูปทางการคลังที่น่าเชื่อถือ ปฏิกิริยาของตลาดอาจจะผันผวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อพิจารณาร่วมกับภาวะอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ความตึงเครียดด้านภาษี และแนวโน้มทางการคลังที่เสื่อมถอย คุณน้ามองว่าดัชนี S&P 500 อาจเผชิญแรงต้านมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้าค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคหุ้นสหรัฐ

ล่าสุดดัชนี US500 (S&P 500) เคลื่อนไหวอยู่แถวระดับสำคัญทางเทคนิคในระยะสั้นค่ะ หลังจากดัชนีเพิ่งรีบาวด์ขึ้นมาแตะระดับแนวต้านบริเวณ 5,960 ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 20 วัน แต่ดูเหมือนแรงซื้อจะเริ่มอ่อนแรงลงก่อนที่จะทะลุแนวต้านนี้ไปได้ สอดคล้องกับความกังวลด้านมหภาคที่กลับมาหลังจาก Moody’s ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ

ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับกลาง ๆ ประมาณ 51 บ่งชี้ว่าตลาดยังไม่ชัดเจนในทิศทาง หากดัชนีปิดเหนือ 5,960 ได้อีกครั้ง จะเป็นการยืนยันแนวโน้มเชิงบวกระยะสั้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ไปทดสอบแนวต้านสูงสุดใหม่แถว 6,050–6,080 แต่ถ้ายังไม่สามารถทะลุโซนนี้ได้ อาจเกิดแรงขายทำกำไรและการปรับฐาน โดยหากร่วงต่ำกว่า 5,875 ซึ่งใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ก็มีโอกาสลงลึกถึง 5,800 และ 5,730 ตามลำดับ ซึ่งระดับหลังเป็นแนว Fibonacci Retracement ของรอบขาขึ้นปี 2024 ค่ะ

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดความแข็งแกร่งโดยรวมของตลาด (Market breadth indicators) ก็เริ่มแสดงสัญญาณหลากหลาย โดยมีเพียงหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่นำตลาด ทำให้แนวโน้มระยะสั้นยังเสี่ยงต่อการอ่อนตัวลงต่อ โดยเฉพาะหากผลประกอบการค้าปลีกที่กำลังจะประกาศออกมา หรือความผันผวนของนโยบายการค้า ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน คุณน้าแนะนำให้จับตาระดับ 5,875–5,960 อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นจุดเปลี่ยนในระยะสั้นที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของดัชนีอีก 2–3% เลยทีเดียวค่ะ

ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ

🔍คุณน้าแนะนำเทรดหุ้น CFD ไปกับโบรกเกอร์ IUX

IUX มีการให้บริการซื้อขายหุ้น CFD ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven (M7) อีกทั้งยังมีหุ้นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coca Cola, Adobe, Alibaba, McDonalds Incorporated และ Netflix เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์รายย่อยที่มีต้นทุนจำกัดแล้วต้องการซื้อขายหุ้นระดับโลก

สรุปคุยหุ้นสหรัฐและแนวโน้มในการลงทุน (US 500/ S&P 500)

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5867.3 – 5907.3 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 5907.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5932.7 และ SL ที่ประมาณ 5847.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 5927.7 – 5967.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5975.0 และ SL ที่ประมาณ 5887.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้   

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5927.7 – 5967.7 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 5927.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5906.1 และ SL ที่ประมาณ 5987.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 5867.3 – 5907.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5860.0 และ SL ที่ประมาณ 5948.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

บทวิเคราะห์นี้ใช้สำหรับการศึกษาข้อมูลของหุ้นสหรัฐเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์และศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด ประกอบกับศึกษาแนวโน้มหุ้นและข่าวสหรัฐก่อนตัดสินใจลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge