ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม? ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!

ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม? ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!
Table of Contents

เมื่อภาระหนี้สินรุมเร้า หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่า หาเงินมาได้มากเท่าไหร่ก็ยังขาดมือ ดังนั้น การปรับโครงสร้างหนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยให้คุณหายใจหายคอได้คล่องขึ้นค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า “ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม” ในบทความนี้ คุณน้าจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยนี้กัน ซึ่งรวมไปถึงการปลดล็อกหนี้แบบฉบับมือโปร ใครกำลังเป็นหนี้อยู่ ห้ามพลาดบทความนี้นะคะ!

*หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเพียงบทความให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการชักชวนเพื่อลงทุนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


ปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร?

ปรับโครงสร้างหนี้ คือ เจ้าหนี้ (ธนาคารหรือสถาบันการเงิน) และลูกหนี้ มีการตกลงกันเรื่องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้จนหมด อีกทั้ง เจ้าหนี้ยังได้รับการชำระหนี้ โดยที่ลูกหนี้ไม่ต้องผิดนัดชำระและไม่เกิดการฟ้องร้องกันในอนาคต แม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าเดิมก็ตามค่ะ

สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ จะเหมาะกับลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการเงินติดขัด ไม่ว่าจะเป็นรายได้ลดลง, เกิดอุบัติเหตุกะทันหัน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้


6 รูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ ที่ได้รับความนิยม

หากคุณเริ่มรับมือไม่ไหวกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น แต่ก็ไม่อยากผิดนัดชำระหนี้จนกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ควรทำยังไงดี? การปรับโครงสร้างหนี้จึงถือเป็นทางออกที่จะช่วยขยายระยะเวลาในการชำระออกไปค่ะ โดยปกติแล้ว รูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ที่หลายคนใช้กันจะมีทั้งหมด 6 รูปแบบ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

การเปลี่ยนประเภทหนี้

การปรับหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำ ยกตัวอย่างเช่น การปรับโครงสร้างหนี้สินหมุนเวียน อย่างเช่น บัตรเครดิตให้เป็นสินเชื่อ ซึ่งหากคุณชำระไม่เต็มจำนวนหรือชำระไม่ตรงเวลา คุณจะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 16% ต่อปี 

ดังนั้น การเปลี่ยนประเภทหนี้ที่คุณสามารถทำได้ก็คือ การขอสินเชื่อแบบมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน (Term Loan) เพื่อกำหนดระยะเวลาในการชำระที่ชัดเจน และที่สำคัญก็คือ การชำระอัตราดอกเบี้ยจะต่ำลงนั่นเองค่ะ

ข้อดี : ลูกหนี้สามารถผ่อนชำระในจำนวนเงินที่แน่นอนได้ในทุก ๆ เดือน โดยมีระยะเวลาที่ชัดเจน

เกร็ดความรู้จากคุณน้า : เคยปรับโครงสร้างหนี้ ทำบัตรเครดิตได้ไหม?

คำตอบก็คือ คุณยังสามารถทำบัตรเครดิตใบใหม่ได้ค่ะ หากคุณมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการชำระหนี้, รายได้ประจำ หรือประวัติในเครดิตบูโร โดยระยะเวลาในการอนุมัติจะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารนั่นเองค่ะ

การรีไฟแนนซ์

การปิดหนี้เดิมเพื่อไปกู้หนี้ใหม่กับเจ้าหนี้ใหม่ที่ให้เงื่อนไขที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานขึ้น หรือการให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง โดยส่วนใหญ่จะนิยมทำกับหนี้บ้าน หรือที่เราเรียกว่าการรีไฟแนนซ์บ้าน ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์ยังสามารถทำกับหนี้ประเภทอื่นได้ด้วยนะคะ เช่น หนี้บัตรเครดิตและหนี้บัตรกดเงินสด เป็นต้น

ข้อดี : ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว เหมาะกับลูกหนี้ที่อยากผ่อนชำระในแต่ละเดือนในจำนวนที่ลดลง

การขอลดดอกเบี้ยชั่วคราว

การเจรจาเพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่ลูกหนี้เผชิญปัญหาทางการเงินอย่างกะทันหัน ทำให้เจ้าหนี้ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยลงในช่วง 3 หรือ 6 เดือน เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตบูโรได้ค่ะ

ข้อดี : ช่วยลดภาระหนี้ในระยะสั้น ๆ ซึ่งลูกหนี้คาดว่าจะกลับมามีรายได้เท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมในอนาคต

การขอพักชำระเงินต้น

การเจรจาเพื่อขอพักชำระเงินต้น แต่ยังจ่ายอัตราดอกเบี้ย โดยส่วนใหญ่แล้ว จะขอพักชำระเงินต้นอยู่ที่ 3-6 เดือน 

ข้อดี : ช่วยลดภาระหนี้รายเดือน เนื่องจากลูกหนี้หมุนเงินไม่ทัน แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ในอนาคต

การขอขยายเวลาในการชำระหนี้

การขอขยายเวลาในการชำระหนี้เพื่อเพิ่มระยะเวลาในการจ่ายหนี้ ซึ่งสามารถขอขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไปได้เป็นปี ทั้งนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับประเภทหนี้, ยอดหนี้ หรือรายได้ของลูกหนี้ค่ะ

ข้อดี : ยอดผ่อนชำระรายเดือนลดลง ทำให้สถานะทางการเงินคล่องตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเพิ่มเวลาในการชำระหนี้จะขยายระยะเวลาในการผ่อนผันมากขึ้น และที่สำคัญ ก็คือ ดอกเบี้ยจะเพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ

การ Haircut

การ Haircut คือ การขอส่วนลดหนี้จากเจ้าหนี้ โดยการจ่ายเงินก้อนเพื่อปิดหนี้ทั้งหมด ซึ่งปกติแล้ว สถาบันทางการเงินจะเสนอทางเลือกต่าง ๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยหรือการลดเงินต้น เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ ถึงแม้ว่าเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนแค่บางส่วน แต่ก็ดีกว่าการปล่อยให้หนี้สูญเปล่าค่ะ

ข้อดี : ลูกหนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ยสะสม

การปรับโครงสร้างหนี้ เหมาะกับใคร?

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า การปรับโครงสร้างหนี้มีรูปแบบที่ต่างกันออกไป ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคน โดยคุณต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณเหมาะกับวิธีการแบบไหน โดยสามารถอ่านเช็กลิสต์ที่คุณน้านำเสนอได้ ดังนี้ค่ะ

เช็กลิสต์การปรับโครงสร้างหนี้ รูปแบบไหนเหมาะกับคุณ

ยังจ่ายหนี้ไหว แต่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย
การเปลี่ยนประเภทหนี้
การรีไฟแนนซ์
มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จ่ายไหวแค่บางส่วนการลดอัตราดอกเบี้ย
การพักชำระเงินต้น
การขยายเวลาชำระหนี้
จ่ายไม่ไหว เงินไม่พอค่าใช้จ่ายการพักชำระเงินต้น
มีหนี้เสียเรื้อรัง แต่ยังมีเงินก้อนการ Haircut


รวมคำถามการปรับโครงสร้างหนี้ส่งผลต่อเครดิตบูโรอย่างไร?

คนเป็นหนี้หลายคนอาจจะกังวลว่า การปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม และจะมีผลต่อเครดิตบูโรหรือไม่ ซึ่งคุณน้าได้รวบรวมคำถามที่จะช่วยคลายความสงสัยเหล่านี้มาไว้ให้คุณแล้ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

การปรับโครงสร้างหนี้ เสียเครดิตบูโรไหม?

การปรับโครงสร้างหนี้ จะมีการอัปเดตสถานะในเครดิตบูโร แต่ก็ไม่ได้เสียเครดิตทันทีค่ะ เพราะจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่คุณขอปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. กรณีไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ และมีการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนผิดนัดชำระหนี้ 

ในกรณีนี้จะถือได้ว่าไม่มีผลต่อเครดิตในอนาคตมากนักค่ะ เพราะระบบจะมีการบันทึกสถานะว่า “เป็นการพักชำระหนี้ตามนโยบายของสมาชิก” หรือ “มีการขอพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐ”  ซึ่งจะถือว่าเป็นลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบดี 

ดังนั้น การขอสินเชื่อในอนาคตอาจจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อที่ขอกู้ หรือนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินด้วยนะคะ

2. กรณีผิดนัดชำระหนี้ ก่อนปรับโครงสร้างหนี้ภายหลัง

ในกรณีนี้จะถือว่ามีผลต่อเครดิตในอนาคตแน่นอนค่ะ เพราะในระบบจะแสดงให้เห็นสถานะ “หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน” ก่อนที่จะเปลี่ยนรหัสตามประเภทของการปรับโครงสร้างหนี้ แต่สถาบันการเงินสามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้เช่นกัน ซึ่งมีสิทธิที่การขอกู้สินเชื่อในอนาคตจะยากขึ้นค่ะ

ปรับโครงสร้างหนี้ติดประวัติกี่ปี?

หากคุณผิดนัดชำระหนี้ ก่อนปรับโครงสร้างหนี้ภายหลัง สถานะเครดิตบูโรจะยังเก็บมูลย้อนหลังไว้ 3 ปี ซึ่งจะนับจากวันที่คุณชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณน้าผิดนัดการชำระสินเชื่อส่วนบุคคล และปิดหนี้เรียบร้อยในเดือนตุลาคม 2025 ประวัติการค้างชำระจะยังคงอยู่ จนถึงเดือนตุลาคม 2028 ซึ่งระบบจะทำการล้างข้อมูลให้ และประวัติทางการเงินของคุณจะมีเครดิตที่ดีอีกครั้งค่ะ

ปรับโครงสร้างหนี้ได้กี่ครั้ง?

ไม่ได้มีการกำหนดว่าปรับได้กี่ครั้ง เพราะจะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทย จะแบ่งการปรับโครงสร้างหนี้ซ้ำเป็น 2 กรณี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • หากเคยปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเกิดหนี้เสีย แต่ยังมีปัญหาผ่อนชำระไม่ไหวจนกลายเป็นหนี้เสียภายหลัง สามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามเกณฑ์ Responsible Lending กล่าวคือ ลูกหนี้สามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนเป็นหนี้เสียอย่างน้อย 1 ครั้ง และหลังเป็นหนี้เสียอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • หากเคยปรับโครงสร้างหนี้ทั้งก่อนและหลังเป็นหนี้เสีย  สามารถปรึกษาธนาคารกสิกรไทยได้เป็นรายกรณีไป

ปรับโครงสร้างหนี้ แล้วกู้ได้ไหม?

สามารถกู้ได้ แต่อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะสถาบันการเงินจะมองว่าสภาพคล่องทางการเงินของคุณไม่ดี หรือเคยมีปัญหาการเงินติดขัด ซึ่งหากกู้ผ่าน คุณจำเป็นต้องเคลียร์หนี้เก่าให้เรียบร้อยและตรงเวลา เพื่อรักษาเครดิตที่ดีค่ะ


ปรับโครงสร้างหนี้มีผลเสียอะไรบ้าง?

แม้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้จะดีกว่าการเป็นหนี้เสียในอนาคต แต่ก็แลกมากับข้อเสียที่คุณควรระมัดระวัง โดยคุณน้าขอยกตัวอย่าง 4 ข้อเสียของการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ประวัติทางการเงินเปลี่ยนทันที

สถานะเครดิตบูโรของคุณจะเปลี่ยนไป โดยจะขึ้นอยู่กับสถานะปรับโครงสร้างหนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่แย่เท่ากับหนี้ค้างชำระ แต่เมื่อคุณต้องการกู้สินเชื่อทางการเงินประเภทอื่น สถาบันทางการเงินจะพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อยากขึ้นในอนาคต

ค่าธรรมเนียมแฝงจากเจ้าหนี้

เจ้าหนี้บางรายอาจคิดค่าธรรมเนียมแฝงเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่าทำเอกสารใหม่, ค่าธรรมเนียมการปรับโครงสร้างหนี้ หรือแม้แต่ค่าบริการอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งรวมเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นแล้ว อย่าลืมสอบถามรายละเอียดเหล่านี้ให้ดีนะคะ

ดอกเบี้ยสะสมเพิ่มขึ้น

แม้ว่าระยะเวลาในการผ่อนชำระจะช่วยให้คุณหายใจหายคอคล่องขึ้น แต่อย่าลืมว่าดอกเบี้ยจากยอดหนี้เดิมจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งในบางครั้งอาจจะเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก ดังนั้น ก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ อย่าลืมคำนวณดอกเบี้ยสะสมให้ดีนะคะ

เกณฑ์การชำระหนี้ใหม่จะเข้มงวดมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น กำหนดให้ชำระหนี้ในวันที่ 5 ของทุก ๆ เดือน ก็จะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเมื่อผิดนัดชำระ หรือแม้แต่การยึดหลักประกัน ในกรณีที่มีการชำระหนี้ล่าช้า เพื่อให้ลูกหนี้อยู่ในกฎระเบียบและสามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วน


วิธีการจัดการหนี้ท่วมหัว แต่เอาตัวรอดได้ ทำยังไงดี?

จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้ถือเป็นทางออกที่ดี แม้ว่าจะส่งผลต่อประวัติทางการเงินของคุณ แต่ก็ดีกว่าผิดนัดชำระและปล่อยให้เป็นหนี้เสียในอนาคต ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อการกู้สินเชื่อที่ยากขึ้นกว่าเดิมค่ะ 

ดังนั้น นิยามที่ว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ถือว่าใช้ไม่ได้นะคะ แล้วอย่างนี้ จะมีวิธีการจัดการกับหนี้ท่วมหัว แต่อยากเอาตัวรอดได้อย่างไรดี คุณน้ามีวิธีจัดการหนี้สินมานำเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ค่ะ

สำรวจหนี้สินที่มีและหยุดก่อหนี้เพิ่ม 

ขั้นตอนแรกก็คือ สำรวจหนี้สินที่มีอยู่ เพื่อวางแผนเคลียร์หนี้ในลำดับต่อไปค่ะ และสิ่งสำคัญที่ควรทำอีกสิ่งหนึ่งก็คือ หยุดก่อหนี้เพิ่ม และอย่ากู้เงินก้อนนั้น เพื่อมาปิดหนี้ก้อนนี้ เพราะไม่อย่างนั้น หนี้ของคุณจะไม่มีทางหมดสักที แต่จะทบขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ

วางแผนเคลียร์หนี้อย่างรัดกุม

ลำดับต่อมาก็คือ วางแผนเคลียร์หนี้อย่างรัดกุมด้วยการรัดเข็มขัดหยุดใช้จ่ายสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อนำเงินไปเคลียร์หนี้ตามลำดับความสำคัญค่ะ ซึ่งควรเคลียร์หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่แพงที่สุดก่อน หรือเคลียร์หนี้ที่ยอดค้างชำระเหลือน้อยที่สุดก่อน เพื่อลดจำนวนภาระค่าใช้จ่ายและลดจำนวนเจ้าหนี้ลงนั่นเองค่ะ

พบหาที่ปรึกษา เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้

หากก่อหนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมเกิดความเครียดตามมาแน่นอน ด้วยเหตุนี้เอง การปรึกษาใครสักคนก็จะช่วยให้คุณลดความเครียดลงได้ เพราะสิ่งที่ควรมีที่สุดก็คือ สติ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไปค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ คนจะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ หรือหลาย ๆ คนอาจตัดสินใจขายสินทรัพย์บางส่วน เพื่อนำมาโปะหนี้

อย่างไรก็ดี หากทำทั้ง 2 วิธีแล้ว หนี้สินยังคงมีอยู่ คุณควรติดต่อหรือปรึกษาเจ้าหนี้ เพื่อขอเจรจาต่อรองให้เร็วที่สุดค่ะ ซึ่งแต่ละสถาบันทางการเงินจะเสนอเงื่อนไขในการปรับโครงสร้างหนี้ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการแก้หนี้ของสถาบันเอง หรือการเข้าร่วมกับคลินิกแก้หนี้ที่สถาบันเป็นพันธมิตรอยู่ เป็นต้น

ดังนั้น คุณควรอ่านเงื่อนไขให้ดี ก่อนตัดสินใจปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองในภายภาคหน้า

ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด และปรับพฤติกรรมหลังปลดหนี้

เมื่อคุณวางแผนการชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัดนะคะ เพื่อสร้างวินัยทางการเงินของตัวคุณเอง ซึ่งจะช่วยให้คุณปลดหนี้ได้เร็วขึ้น และหลังจากปลอดหนี้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำในลำดับต่อมา ก็คือ การวางแผนทางการเงินโดยการทำรายรับ-รายจ่าย, ออมเงินเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญก็คือ เป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับคุณนั่นเองค่ะ

*หมายเหตุ : สินทรัพย์แต่ละประเภทล้วนมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น อย่าลืมศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ


สรุปปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม มีวิธีแก้หรือไม่

จะเห็นได้ว่า การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การปรับโครงสร้างหนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดีค่ะ แม้ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อประวัติทางการเงินของคุณในภายภาคหน้า แต่การปล่อยหนี้ให้กลายเป็นหนี้เสียย่อมส่งผลกระทบร้ายแรงยิ่งกว่า ดังนั้น อย่าลืมแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างรัดกุมและเคร่งครัด เพื่อชำระหนี้ให้ถูกจุด และที่สำคัญก็คือ เพื่อสร้างประวัติทางการเงินที่ใสสะอาดอีกครั้ง ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานคุณน้าพาเทรดค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย, Krungsri และ SET


สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge

Picture of khunnaphatrade
khunnaphatrade
Table of Contents
Recent Post
Recent Post
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 18 ธันวาคม 2025
วิเคราะห์ USDJPY ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 18 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDJPY ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

วิเคราะห์ USDCAD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 17 ธันวาคม 2025
วิเคราะห์ USDCAD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 17 ธันวาคม 2025

พบกับวิเคราะห์ USDCAD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค

ทางเว็บไซต์ คุณน้าพาเทรด
ได้มีการใช้คุกกี้เพื่อช่วยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น


Privacy Policy